ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 132

แม้ว่าน้ำเสียงจะแหลมสูง แต่ฉู่หลิวเยว่ก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี

กู้หมิงเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย กระนั้นเขากลับมิได้พูดสิ่งใดออกมา

“ทำไม…เสียงนี้มันคุ้นหูจังเลย”

มู่หงอวี๋อยากจะมองย้อนกลับไป แต่ถูกฉู่หลิวเยว่ดึงแขนไว้เสียก่อน

“ไปกันเถอะ! มิฉะนั้น เราจะเป็นฝ่ายที่ต้องตะโกนร้องขอชีวิตเสียเอง!”

มู่หงอวี๋ตกใจและรีบวิ่งตามไปทันที

พวกเขาวิ่งกลับไปทางเดิมที่มาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเสียงกรีดร้องนั้นยังไม่หยุดและยังใกล้เข้ามาอีกด้วย!

“ช่วยด้วย!”

เสียงกรีดร้องมาพร้อมกับเสียงจังหวะย่างก้าวสะเปะสะปะ

เห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอด

เดิมทีกู้หมิงจูคิดว่าคราวนี้คงจะได้ล่าสัตว์อสูรที่น่าพอใจในบรรพตวั่นหลิง

ก่อนหน้านี้ทางตระกูลเคยเสนอช่วยนางเลือกให้ ทว่านางหยิ่งทะนง ไม่ยอมให้ใครมาช่วยนาง นางจึงต้องออกล่าด้วยตนเอง

ดังนั้นนางจึงตั้งตารอฤดูล่าสัตว์อสูรนี้มาเนิ่นนานแล้ว

แต่สิ่งที่นางไม่คาดคิดก็คือ นางกำลังตกอยู่ในอันตราย หลังจากเข้ามาในบรรพตวั่นหลิง เพียงแค่วันเดียว!

นางวิ่งไปข้างหน้าด้วยความอกสั่นขวัญแขวน หัวใจของนางเต้นระส่ำจนแทบหลุดออกจากอก!

อันที่จริงพลังของนางได้หมดลไปงแล้ว แต่นางไม่กล้าที่จะหยุดวิ่งแม้แต่ก้าวเดียว ฉะนั้นนางจึงทำได้เพียงวิ่งหนีไปข้างหน้าเท่านั้น

นางไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับมามอง

นางเห็นว่าดูเหมือนจะมีเงาร่างอันเรือนลางตามหลังมาอยู่ไม่ไกล

แม้ว่านางจะมองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขาไม่ชัดเจน แต่เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาเป็นเครื่องแบบของสำนักเทียนลู่

นางรู้สึกดีใจมากและรีบไปขอความช่วยเหลือ

แต่หลังจากได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือจากนาง พวกเขาเหล่านั้นกลับไม่ได้มาทางนี้แล้วเริ่มวิ่งหนีแตกกระจาย

กู้หมิงจูกระวนกระวายทันทีและใช้แรงเฮือกสุดท้ายของนางวิ่งไล่ตามพวกเขาไป

“ช่วยด้วย! ข้าก็เป็นศิษย์สำนักเทียนลู่เช่นพวกเจ้า พวกเจ้าโปรดช่วยข้าด้วย!”

เมื่อได้ยินเสียงนี้อีกครั้ง ในที่สุดเฉินหู่ก็อดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไป

แต่เมื่อเห็นภาพนั้น เขาก็เบิกตาโตทันที

“กู้หมิงจู!”

เฉินหู่รู้จักกู้หมิงจู แต่ทว่ากู้หมิงจูกลับไม่รู้จักเฉินหู่

ถึงอย่างไรนางก็ดูถูกผู้ฝึกยุทธ์มาโดยตลอด ดังนั้นยกเว้นคนดัง นางไม่แม้แต่จะชายตามองใครด้วยซ้ำ

เมื่อได้ยินว่าเฉินหู่จำนางได้ นางรู้สึกยินดีขึ้นมาทันที

“ข้าคือกู้หมิงจู! หากพวกเจ้าช่วยข้า กลับไปแล้วข้าจะตอบแทนพวกเจ้าอย่างงาม!”

ฉู่หลิวเยว่หยุดกะทันหันและมองข้างหน้าด้วยสีหน้าหนักแน่น

มู่หงอวี๋และคนอื่นรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงหยุดวิ่งตาม

คราวนี้กู้หมิงจูถึงได้มองพวกเขาอย่างถี่ถ้วน นอกจากเฉินหู่แล้ว คนอื่นๆ ต่างก็วิ่งหันหลังให้นางกันหมด

แต่ทว่าแผ่นหลังนี้ช่างคุ้นตายิ่งนัก…

นางจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งขมวดคิ้วมุ่นและถามด้วยความสงสัย

“กู้หมิงเฟิง?”

กู้หมิงเฟิงหันหน้ากลับมามองนางด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

กู้หมิงจูแสดงสีหน้ารังเกียจ

“เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย วันนี้ข้าช่างโชคร้ายจริงๆ ที่ได้มาเจอเจ้า!”

กิริยาวาจาของนางทำเหมือนไม่เห็นกู้หมิงเฟิงไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกันเลยสักนิด ทั้งยังทำเหมือนเป็นสิ่งสกปรกน่าขยะแขยง

ดวงตาของกู้หมิงเฟิงฉายแววเย็นยะเยือก

“หลิวเยว่ มีปัญหาอะไรหรือ”

มู่หงอวี๋กระซิบถาม

เมื่อได้ยินชื่อนี้ กู้หมิงจูก็ตกใจเบิกตาโต

ช้าก่อน!

มิน่าล่ะ นางถึงได้คุ้นตากับแผ่นหลังนี้ ที่แท้ก็คือฉู่หลิวเยว่เองหรือ

สีหน้าของนางพลันบึ้งตึง

“เจอกู้หมิงเฟิงคนเดียวก็น่ารังเกียจแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังจะมีอีกคน!”

เฉินหู่ตะโกนเสียงดัง

“เจ้าหัดพูดอะไรเกรงใจหน่อย!”

กู้หมิงจูตกใจกับเสียงตะคอกราวกับฟ้าผ่าของเฉินหู่ ในใจกลับยิ่งทวีคูณความเกลียดชัง ผู้ฝึกยุทธ์ก็คือพวกกักขฬะหยาบคาย!

คนประเภทนี้เมื่อรวมตัวกันมีแต่น่ารำคาญและยิ่งน่ารำคาญเข้าไปอีก!

ฉู่หลิวเยว่หันกลับมามองกู้หมิงจูด้วยสายตาเย็นเฉียบ

“พวกข้าต่างหากที่ดันโชคร้ายมาเจอเจ้า”

ฉู่หลิวเยว่มองกู้หมิงจูจนสั่นสะท้าน

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร! ข้าเพิ่งขอความช่วยเหลือ พวกเจ้าได้ยินชัดเต็มสองหู แค่กลับแสร้งไม่ได้ยิน พวกเจ้า…”

บทที่ 132 ไล่ล่า 1

บทที่ 132 ไล่ล่า 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์