เมื่อกู้หมิงจูได้ยินคำว่า ‘ไม่ตายไม่เลิกรา’ หนังตาของนางพลันกระตุก
นางหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่
“ฉู่หลิวเยว่ เจ้าอย่าทำให้ตกใจ อย่ามาเขียนเสือให้วัวกลัวไปหน่อยเลย! หมีแผงคอทองคำดุร้ายก็จริง แต่ข้ายังไม่ได้อุ้มลูกมันออกมาสักหน่อย ตอนนี้ยังสบายดีอยู่ในถ้ำของพวกมัน หมีแผงคอทองคำตัวนี้คงไม่เป็นอะไร…”
“จะเป็นหรือไม่เป็นอะไร เจ้าก็น่าจะรู้ดีกว่าพวกข้า!”
ราวกับมีน้ำค้างแข็งปกคลุมใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ สายตาเย็นเฉียบที่มองมาทำให้กู้หมิงจูรู้สึกประหม่า
นางกำลังจะอ้าปากหาข้ออ้างให้ตัวเอง แต่ภายใต้สายตาของฉู่หลิวเยว่ นางกลับพูดไม่ออกสักคำ สุดท้ายจึงทำได้เพียงหันหน้าหนีด้วยความอับอาย
อันที่จริง นางเองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หลังจากถูกหมีแผงคอทองคำจับได้ นางก็รู้สึกใจคอไม่ดี จึงรีบโยนลูกมันกลับคืนทันที ก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งหนีออกมา
แต่ดูเหมือนหมีแผงคอทองคำต้องการจะกัดนางให้ได้ มันจึงวิ่งตามมาตลอดทาง
ไม่ว่านางจะไปหนแห่งใด มันก็ไล่ตามสุดหล้าฟ้าเขียว
และนี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมนางถึงได้ตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยความกระวนกระวายถึงเพียงนั้น…นางรู้ว่าหมีแผงคอทองคำไล่ตามหลังมาโดยตลอด แล้วพร้อมที่จะฆ่านางได้ทุกเมื่อ
นางรู้แก่ใจดีว่าคำพูดของฉู่หลิวเยว่เป็นความจริงอยู่แปดส่วน
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของกู้หมิงจู มู่หงอวี๋และผู้อื่นที่ไม่เข้าใจอะไรเลยในคราแรก เวลานี้พวกเขาก็กัดฟันกรอดๆ ด้วยความโกรธ
นี่ก็เท่ากับว่าจะผลักพวกเขาเข้ากองไฟไปด้วย!
หากไม่ใช่เพราะกู้หมิงจู พวกเขาคงไม่ต้องเจออุปสรรคอันใหญ่หลวงเช่นนี้!
ทุกคนต่างมองหน้ากัน แล้วหมีแผงคอทองคำก็ใกล้เข้ามาอีกก้าว
ตึง! ตัง!
ผืนปฐพีสะเทือนเลื่อนลั่น ทำให้หัวใจพวกเขาเต้นระส่ำระสาย
ฉู่หลิวเยว่มองย้อนกลับไป
หมีแผงคอทองคำยืนอยู่ไม่ไกลต่อหน้าพวกเขา ต้นไม้หลายต้นรอบๆ ตัวมันถูกหักโค่นจนหมดก่อนจะร่วงระเกะระกะเต็มพื้น
มันมองลงมาที่พวกเขาด้วยดวงตาสีเทาขนาดเท่ากำปั้นที่ฉายแววเย็นชาและโหดร้าย!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกได้ถึงความโกรธในดวงตาของเขาอย่างชัดเจนและสายตาเหยียดหยามพวกเขาราวกับมดตัวเล็กๆ
โดยทั่วไปแล้ว สัตว์อสูรตัวขนาดนี้จะชนะด้วยความแข็งแกร่ง และค่อนข้างขาดความคล่องแคล่ว
แต่หมีแผงคอทองคำกลับเป็นข้อยกเว้น
ด้วยพลังความแข็งแกร่งของมัน การฆ่ากู้หมิงจูให้ตายนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย
ทว่ากู้หมิงจูกลับรอดชีวิตมาได้จนถึงขณะนี้และยังหนีออกมาได้อีก!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องการใช้วิธีนี้บีบให้กู้หมิงจูสติแตกกระเจิง
มันจะไม่ทำอะไรจนกว่านางจะทนแรงกดดันและความเจ็บปวดไม่ไหว!
ไม่คาดคิดว่าเลยพวกเขาจะโชคร้ายมาบังเอิญเจอกู้หมิงจู!
เห็นทีคราวนี้หมีแผงคอทองคำคงต้องการจัดการกับพวกเขาไปด้วยแล้ว!
“หลิวเยว่ พวกเราจะหนีอย่างไรดี…”
แม้แต่มู่หงอวี๋ที่กล้าหาญอยู่เสมอ ก็ได้ตระหนักถึงความตึงเครียดของเรื่องนี้ นางจึงถามอย่างประหม่า
“หนีไม่พ้นหรอก พลังการต่อสู้ของหมีแผงคอทองคำที่โตเต็มวัยนั้นแทบจะเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า แม้ว่าเราจะเข้ารวมพลังกันก็ไม่มีโอกาสชนะ ที่สำคัญ ตอนนี้เราทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บ”
“แล้วเราจะทำอย่างไรดี หรือเราต้องมาตายที่นี่ในวันนี้”
ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจ
“พวกเจ้าถ่วงมันเอาไว้ก่อน ส่วนข้าจะสร้างค่ายกล”
เมื่อวาจาเหล่านี้หลุดจากปาก ทุกคนพลันตกตะลึง
“ค่ายกล! ใช่! ตอนนี้พวกเราหลายคนบาดเจ็บกันอยู่ พลังของค่ายกลนั้นยิ่งใหญ่กว่ามาก!”
มู่หงอวี๋แอบโล่งใจ
ทันใดนั้นกู้หมิงเฟิงก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ตอนนี้เจ้าเป็นปรมาจารย์ขั้นที่เท่าไหร่”
ฉู่หลิวเยว่ชะงัก
“ขั้นที่สอง”
เมื่อสิ้นเสียงของนาง บรรยากาศโดยรอบก็เงียบลงทันที
กู้หมิงจูทำราวกับว่าได้ยินเรื่องตกลขบขัน นางหัวเราะ และถามอย่างล่วงเกิน
“ปรมาจารย์ขั้นสองเองรึ ฉู่หลิวเยว่ เจ้าไม่ได้เข้าใจผิดใช่หรือไม่ ระดับขั้นแค่นี้เจ้าก็คิดที่จะเอาชนะหมีแผงคอทองคำหรือ เจ้าฝันอยู่หรือเปล่า!”
ฉู่หลิวเยว่มีสีหน้าเรียบนิ่ง
นางเพิ่งกลับชาติมาเกิดได้ประมาณสองเดือน ความสามารถในการควบคุมพลังฟ้าดินมีขีดจำกัด ระยะนี้จึงทำได้เพียงไต่ระดับปรมาจารย์ขั้นสองเท่านั้น
แม้แต่มู่หงอวี๋และคนอื่นก็ยังแสดงสีหน้าผิดหวัง
เกรงว่าปรมาจารย์ขั้นสองคงไม่มีโอกาสแล้วจริงๆ…ก่อนหน้านี้กู้หมิงจูเพิ่งจะบรรลุปรมาจารย์ขั้นสาม แต่ก็ยังมิสามารถสู้กับหมีตัวนี้ได้ นับประสาอะไรกับพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์