บทที่ 1356 ปิดตาย – ตอนที่ต้องอ่านของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ตอนนี้ของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเกิดใหม่ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1356 ปิดตาย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
หลังกล่าวเช่นนั้น ผู้อาวุโสก็เห็นว่าเจียงจื่อหยวนหน้าซีดลงกว่าเดิม และอดถามด้วยความกังวลไม่ได้ว่า
“จื่อหยวน เจ้าเป็นอันใดหรือเปล่า?”
มุมปากของเจียงจื่อหยวนกระตุกยิ้มอย่างฝืดเคือง
“มิ มิเป็นไรเจ้าค่ะ… ศิษย์แค่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย…”
มันยากที่นางจะผ่อนคลายได้ท่ามกลางสภาพอันน่าสมเพชของตัวเองในยามนี้
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปพักเสียหน่อยเถอะ”
เดิมทีเขาเองก็คร้านเกินกว่าจะปลอบประโลมนาง แต่ใครใช้ให้เจียงจื่อหยวนเป็นหนึ่งในศิษย์รักของตันชิงกันล่ะ?
หากถึงยามพบพาน แล้วตันชิงมาเห็นเจียงจื่อหยวนในสภาพแบบนี้ เกรงว่าอีกฝ่ายคงหัวเสียเป็นแน่
เขาเองก็ต้องรักษาภาพพจน์ไว้ด้วย
“ขอบพระคุณ ท่านผู้อาวุโส”
เจียงจื่อหยวนก้มศีรษะลงอีกครั้งพลางกล่าวเสียงเบา
แต่หารู้ไม่ว่ามือเรียวใต้แขนเสื้อนั้น กำลังกำหมัดแน่นราวอดกลั้น
ปลายเล็บแหลมคมแทงเข้าไปในฝ่ามือจนเลือดซิบ แต่นางไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
เป็นไปได้อย่างใด…
ท่านอาจารย์และคนอื่นๆ ยังมีชีวิตอยู่หรือ!?
แถมยังจะมารวมกลุ่มกับพวกนางที่นี่อีก!
แล้วนางจะทำเยี่ยงไรดี?
หากทั้งสองกลุ่มรวมตัวกันจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้น…
นางจักหาข้อแก้ตัวเช่นไร?
คลื่นความวิตกกังวลแลหวาดหลัวขยายตัวกัดกินหัวใจของนางเป็นวงกว้าง ทำให้เจียงจื่อหยวนอึดอัดใจจนแทบหายใจไม่ออก
…
ยามราตรีของบุพกาลชายแดนเหนือนั้นแสนจะสั้น
แค่ทุกคนล้มตัวนอนได้สักพัก รุ่งสางก็มาเยือนเสียแล้ว
หลังจากได้ฟื้นฟูร่างกายพักหนึ่ง พวกเขาก็กลับมามีแรงอีกครั้ง
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่ พลางเอามือทั้งสองข้างไพล่หลัง ดวงตาของชายชราจับจ้องไปที่ประตูอย่างแน่วแน่
“ท่านผู้อาวุโสเจ้าคะ ท่านสัมผัสได้หรือไม่ว่า หลังจากที่ฉู่เยว่ถูกดูดเข้าไปตั้งแต่เมื่อวาน พลังปราณในหุบเขาแห่งนี้ก็มีความเสถียรและอ่อนโยนมากขึ้น อีกทั้งยัง ไม่ได้ยินเสียงคำรามของมังกรแล้วด้วย”
ชือรุ่ยเออร์เดินไปหาผู้อาวุโสฮวาเฟิง พลางกระซิบถาม
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพยักหน้าแลครุ่นคิด
“เจ้าเองก็สังเกตด้วยหรือ?”
เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น เกรงว่าเมื่อวานพวกเขาคงไม่มีทางพำนักอยู่ในหุบเขานี้ได้อย่างปลอดภัยแน่นอน
แต่ความสงบเช่นนี้ กลับทำให้เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องข้างในนั้นมากกว่า
ผ่านไปนานขนาดนี้ แต่ก็ยังไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวของคนในนั้น
“จะให้รอแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้…”
ชือรุ่ยเออร์พึมพำเบาๆ แต่ทันใดนั้น นางก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมา
“ใช่แล้ว ท่านผู้อาวุโสเจ้าคะ หรงซิวรู้หรือเปล่าว่าพวกท่านมาที่นี่?”
“เขาน่าจะไม่รู้”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงชะงักไปเล็กน้อย
“ก่อนที่พวกข้าจะมาที่นี่ หรงซิวก็ออกไปจากสำนักแล้ว เหตุใดหรือ?”
ชือรุ่ยเออร์ส่ายหน้า
นางแค่คิดว่าถ้าหรงซิวอยู่ที่นี่ด้วยกัน มันอาจจะพอเป็นไปได้
นั่นเพราะ…
เขากับฉู่เยว่มีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง
ด้วยนิสัยของเขาแล้ว หากเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาน่าจะมีวิธีรับมือกับมัน
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้…
“ช่างมันเถิด ยามนี้ก็พักฟื้นร่างกายเสียก่อน หากค่ำแล้วยังไร้การตอบสนองจากฉู่เยว่…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกัดฟันแน่น
…
แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่เองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นข้างนอกบ้าง
สมาธิทั้งหมดของนาง ล้วนจดจ่ออยู่กับการบำเพ็ญจิต
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดนางก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“องค์ไท่จู่ ท่านรู้หรือไม่ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว?”
ถึงจะยังเบลอๆ แต่นางก็รู้สึกว่าเวลาล่วงเลยมานานแล้ว
ปกติองค์ไท่จู่จะเป็นคนเตือนนาง
ทว่าคราวนี้ หลังจากรออยู่นาน กลับไร้ซึ่งเสียงเอ่ยเตือนของเขา
“องค์ไท่จู่เจ้าคะ? องค์ไท่จู่?”
ฉู่หลิวเยว่ตะโกนเรียกในใจอีกสองที
นางถึงได้ยินเสียงองค์ไท่จู่ตอบกลับมาอย่างเนือยๆ
“ประมาณ…หนึ่งเดือน”
ฉู่หลิวเยว่ตกใจอย่างแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...