เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1358

ชือรุ่ยเออร์ชะงัก พลันเอ่ยถาม

“ผู้อาวุโสเจ้าคะ พวกเรา… จะทำอย่างใดกันดี?”

แค่ก่อนหน้านี้ก็เกิดเรื่องวุ่นวายมากพอแล้ว และตอนนี้ยังเกิดเรื่องแบบนี้อีก…

แผนพาตัวฉู่เยว่ออกมา ดูท่าจะสิ้นหวังเสียแล้ว

“ฮวาเฟิง พวกเรารออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว”

ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่อยู่ด้านหลังก้าวเท้าออกมา เขากล่าวย้ำพลางขมวดคิ้ว

แม้คลื่นความผันผวนเหล่านั้นจะหยุดลงแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากนี้มันจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่?

พวกเขารอดมาได้เพราะหนีทัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะโชคดีเช่นนี้ทุกครั้ง

อีกอย่าง ประตูบานใหญ่ด้านหน้านั่นก็ถูกปิดตายไปแล้ว

ทุกคนล้วนหันมามองผู้อาวุโสฮวาเฟิง เพื่อรอเขาตัดสินใจ

หลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็เอ่ยว่า

“พวกเจ้าถอยไปก่อน ข้าจะเดินไปดูข้างหน้าเสียหน่อย”

“ผู้อาวุโสเจ้าคะ!”

ชือรุ่ยเออร์ตะโกนเรียกเขา ด้วยความร้อนรนไปทั้งใจ

ถึงนางจะเป็นห่วงฉู่เยว่ แต่การปล่อยให้ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเข้าไปคนเดียวนั้นอันตรายเกินไป

“ตรงนี้ไม่ปลอดภัย พวกเจ้าไปก่อนเถอะ ข้าขอไปดูสักหน่อย เดี๋ยวกับมา”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจ้องมองนางด้วยสายตาผ่อนคลาย และหันไปเอ่ยกับผู้อาวุโสอีกคนว่า

“ไม่นานตันชิงน่าจะมาถึงที่นี่ เจ้าพาพวกเขาไปหลบในที่ที่ปลอดภัยก่อน”

“ตกลง”

ผู้อาวุโสคนนั้นตอบตกลง ก่อนจะหมุนตัวจากไปพร้อมกับคนอื่นๆ

เดิมทีชือรุ่ยเออร์อยากจะโน้มน้าวเขาอีกครั้ง แต่พอลองคิดๆ ดูแล้ว สุดท้ายนางก็กลืนคำพูดที่เหลือลงไป

ผู้คนจากภูเขาหลิงอวิ้นกวาดสายตามองไปรอบๆ และหลังจากทบทวนดูดีๆ แล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจล่าถอยในที่สุด

เจียงจื่อหยวนตามพวกเขาไป ขาเรียวก้าวไปสองก้าว และอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองอีกครั้ง

ภายในหุบเขาเต็มไปด้วยก้อนหินและฝุ่นควันลอยคลุ้งในอากาศ

และคนที่ถูกขังอยู่ข้างใน… ก็น่าจะถูกขังอยู่ในนั้นไปตลอดชีวิตแล้วกระมัง?

ด้านในประตูบานใหญ่

ฉู่หลิวเยว่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ดวงตาสองข้างปิดสนิท พลางกลืนกินพลังปราณรอบตัวอย่างดุเดือด

ไข่มุกธาราในจุดตันเถียนหมุนวนเร็วขึ้นและเร็วขึ้น

ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงบ กาลเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า

รอยแตกร้าวปรากฏบนป้ายหลุมศพมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่นางมิได้สังเกต

ความเข้มข้นของพลังปราณทั้งหมดในที่แห่งนี้ เพิ่มพูนความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน

ฉู่หลิวเยว่ดูนิ่งเฉยราวไม่เหน็ดเหนื่อย นางปล่อยให้พลังเหล่านั้นหลั่งไหลเข้าไปในร่างกาย ผ่านตามเรียวแขนขาและเข้าไปในกระดูกของนาง

กระทั่งผ่านไปสักพัก นางก็สัมผัสได้ถึงซึ่งค่ายกลที่มองไม่เห็นอย่างแผ่วเบา

ระดับแปดขั้นกลาง!

แวบหนึ่งฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจมาก

ดูเหมือนความเร็วในการฝึกของนางขณะอยู่ที่นี่ จักรวดเร็วกว่าการฝึกด้านนอกเสียอีก

ถึงมันจะเทียบกับภูเขาเฝิงหมินไม่ได้ แต่แค่นี้ก็ถือว่าโดดเด่นมากแล้ว

จวบจนถึงยามที่นางต้องทะลวงขั้นพลังปราณแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

ฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้ ตระหนักได้แล้วว่าการไหลเวียนของเวลาในถ้ำและด้านนอกต่างกันมาก

และไม่รู้ว่าพลบเพลาข้างนอกนั้น ล่วงเลยไปนานแค่ไหนแล้ว…

โดยทั่วไปแล้ว สถานที่ที่สามารถบิดเบือนการไหลเวียนของเวลาได้เช่นนี้ ล้วนเป็นอาณาเขตของเซียนเทพทั้งสิ้น…

ความคิดนี้แวบเข้ามาให้หัวของฉู่หลิวเยว่

แต่ก็จำต้องรีบปัดทิ้งไป และเริ่มให้ความสนใจและตั้งจิตไปที่การทะลวงขั้นพลังปราณแทน

มันอันตรายเกินกว่าที่พวกเขาคาดไว้มาก

“ไม่รู้ว่ายามนี้ปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ อยู่ที่ใดแล้ว… ตอนนี้ข้าขอเพียงรวมกลุ่มกับตันชิงให้ได้ก่อน ไม่รู้เลยว่ามีใครอยู่กับเขาหรือเปล่า…”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าว พลันหันไปมองเจียงจื่อหยวน

“จื่อหยวน ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเจ้าแยกทางกัน ตันชิงได้พูดอันใดกับเจ้าหรือไม่?”

แต่ไหนแต่ไรมา ตันชิงมักจะเป็นห่วงเป็นใยลูกศิษย์ผู้น่าภูมิใจคนนี้เสมอ

ท่ามกลางความเป็นความตายเช่นนี้ เขาจะไม่พูดอันใดเลยหรือ?

เจียงจื่อหยวนส่ายหัวและกำมือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อด้วยความประหม่า

“มะ… ไม่มีเจ้าค่ะ… ตอนนั้นมันวุ่นวายมาก ฉะนั้น…”

ผู้อาวุโสหลายคนทำหน้าทุกข์ใจ

“ช่างเถอะ ไว้รอดูว่าเขาจะมาได้หรือไม่ ถ้ามีคนอื่นๆ อยู่ด้วย หรือถ้ามีข่าวคราวจากปั๋วเหยี่ยน คงจะดีไม่น้อยเลย”

เจียงจื่อหยวนหลุบตาลง

“ฮวาเฟิง สถานการณ์เป็นอย่างใดบ้าง?”

ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็กลับมาถึงจุดรวมตัว

ทุกสายตาพลันจับจ้องมองเขา

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงส่ายศีรษะเบาๆ

“ฉู่เยว่… น่าจะยังออกมาไม่ได้อีกพักใหญ่”

ทั่วทั้งบริเวณพลันเงียบเสียงลงทันตา แต่ทุกคนกลับไม่ได้ทำหน้าตาตื่นตกใจแต่อย่างใด

เพราะพวกเขาคิดไว้แล้วว่าจักต้องเป็นแบบนี้

หลังจากนั้นชือรุ่ยเออร์ก็ถามว่า

“เช่นนั้น ตอนนี้…”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ

“ไปรวมกลุ่มกับตันชิงก่อน แล้วค่อยไปหาปั๋วเหยี่ยนกับคนอื่นๆ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์