ทุกวินาทีที่ผ่านพ้นไป ล้วนสร้างความลำบากใจให้แก่คนที่รออยู่ด้านนอก
ต่างจากฉู่เยว่ที่เพิกเฉยต่อเวลาและกำลังเตรียมตัวทะลวงอย่างใจจดใจจ่อ โดยวางแผนจะทะลวงขึ้นสู่จอมยุทธ์ระดับเก้าให้ได้ในคราวเดียว!
ร่างกายของนางเปรียบเสมือนหลุมดำ ที่กลืนกินพลังปราณรอบด้านอย่างไม่หยุดหย่อน
พลังเหล่านี้ไหลผ่านไปทั่วร่างกาย มันหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อและกระดูกทีละส่วนของนาง
อัตราการกลืนกินแลหลอมรวมพลังปราณ พุ่งพรวดขึ้นอย่างน่าตกใจ
รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นทั่วป้ายหลุมศพ
เส้นรอยแตกสีดำหลายเส้นที่ตวัดผ่านป้ายหลุมศพนั้น ราวเต็มไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
หากมันระเบิดออกมา จะสามารถกลืนกินและทำลายทุกสิ่งในทันที!
ลายเส้นอันงดงามแปดเส้นปรากฏขึ้นบนไข่มุกธารา
พลังปราณนั้นหมุนวนราวกับเกลียวคลื่นที่ล้อมรอบมันไว้
ฉู่หลิวเยว่หลับตาแน่น แผงขนตาสีดำหนายาวงอนสั่นไหวเล็กน้อย
ประหนึ่งทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก ที่เพียงโบกสะบัดเบาๆ ก็สามารถทำให้เกิดมหันตภัยครั้งใหญ่ได้!
กรรร์!
ทันใดนั้น ก็มีเสียงมังกรคำรามดังออกมาจากหลุมศพ!
ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นระรัว แม้แต่พลังปราณในกายเองก็ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากเสียงคำรามนั่น และเริ่มตื่นตัวพุ่งพล่านราวกำลังจะระเบิดออกมาจากตัวนาง!
แควก!
ถวนจื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางกู่ร้องเสียงดัง ระดับเสียงอันทรงพลังแผดกระจายไปทั่ว! สู้กับพลังของมังกรตัวนั้น!
ด้วยความช่วยเหลือของถวนจื่อ ไม่นานฉู่หลิวเยว่ก็ดีขึ้น
นางรีบรวบรวมพลังปราณในจุดตันเถียน และสาดมันเข้าไปในไข่มุกธารา!
เปรี้ยง!
พลังปราณทั้งสองปะทะกัน พลันกระจายออกไป!
และพุ่งเข้าสู่อวัยวะสำคัญภายในของฉู่หลิวเยว่ทันที!
ความปวดร้าวแล่นแปลบไปทั่วร่างกาย!
ไข่มุกธาราหยุดหมุน ร่างบางของฉู่หลิวเยว่สั่นสะท้าน พลันกระอักเลือดออกมาคราหนึ่ง
ใบหน้านวลซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว พลังปราณในจุดตันเถียนของนางทำท่าจะสลายไปอยู่รอมร่อ
นางฝืนนั่งตัวตรงแล้วปาดเลือดตรงมุมปากออก ก่อนจะรวบรวมพลังปราณขึ้นมาใหม่แล้วลองอีกครั้ง!
เปรี้ยง!
ลายเส้นแปดเส้นบนไข่มุกธาราส่องแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ
หากแต่ยังไร้สัญญาณของลายเส้นที่เก้า
ฉู่หลิวเยว่จัดระบบลมปราณภายใน พลางดูดกลืนพลังปราณแห่งสวรรค์และโลกจากภายนอกไม่หยุดหย่อน
แกรก!
กลางป้ายหลุมศพแตกเป็นรู พร้อมรอยร้าวที่แตกแขนงออกไปทั่วแผ่นหิน!
มีพลังบางอย่างแวบออกมาจากรูตรงกลางนั่น พลันสงบลงอย่างรวดเร็ว
…
ขณะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นหลังประตู พวกผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็เคลื่อนตัวออกไปไกลแล้ว
พวกเขาอยู่ในหุบเขา และเดินในทิศทางตรงกันข้ามจากก่อนหน้านี้
มีเสียงหินกลิ้งลงมาข้างหลังดังขึ้นไม่ขาดสาย ส่งผลให้พวกเข้าต้องมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ
หลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่ง สุดท้ายผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง
แน่นอนว่าตอนนี้พวกเขามองไม่เห็นอันใดทั้งสิ้น นอกจากท้องฟ้าดำมืดที่อยู่ไกลออกไป
“เกิดอันใดขึ้นที่นั่นกัน?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล
“ไม่น่าใช่หิมะตกหรอกกระมัง?”
ผู้อาวุโสที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน หันมองตามสายตาของเขา พลางกล่าวด้วยอารมณ์คาดเดา
พวกเขาอยู่ที่นี่นานพักใหญ่แล้ว และเผชิญกับช่วงหิมะตกอยู่หลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งท้องฟ้าจักมืดครึ้มเช่นนี้
แต่กลับมีบางอย่างทำให้ผู้อาวุโสฮวาเฟิงไม่สบายใจอยู่เนืองนิจ
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วดึงสายตากลับมา และหันไปมองผู้อาวุโสอีกคน
“ตอนนี้ตันชิงอยู่ที่ใดแล้ว? และอยู่ห่างจากเราเท่าใด?”
ผู้อาวุโสคนนั้นหยิบตราหยกขึ้นมา แล้วกล่าวด้วยความตกใจ
“เหมือนว่าตันชิงเองก็กำลังมาทางนี้ อีกไม่นาน เดี๋ยวเราก็ได้พบเขาแล้ว”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงผ่อนลมหายใจออกเบาๆ
“เช่นนั้นก็ดี”
ยามนี้ยิ่งรวมตัวกันได้มากเท่าไร ก็ยิ่งดีสำหรับพวกเขา
“หวังว่าตันชิงจะอยู่กับพวกปั๋วเหยี่ยนนะ หรือไม่ก็…”
หรือไม่ก็ รู้ข่าวคราวของปั๋วเหยี่ยนสักนิดก็ยังดี
เจียงจื่อหยวนที่ได้ยินพลันชะงักปลายเท้าเสียดื้อๆ
พวกท่านอาจารย์… ใกล้จะมาถึงแล้วหรือ?
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลันหันหลังกลับแล้วรีบเดินไปหากลุ่มของผู้อาวุโสฮวาเฟิง
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง พวกเราใช้เนินด้านหน้าปีนขึ้นไปข้างบนกันเถอะเจ้าค่ะ”
เหล่าผู้อาวุโสตกตะลึง
“กระไรนะ”
เจียงจื่อหยวนยิ้มแหยราวประหม่า
“ท่านเห็นชะง่อนผาที่พังทลายตรงนั้นหรือไม่? จู่ๆ ศิษย์ก็นึกขึ้นได้ว่า ดูเหมือนก่อนหน้านี้ศิษย์จะเข้ามาทางนั้น และหากเราปีนขึ้นไปทางนั้น แล้วเดินไปตามเส้นทางที่เหลือ น่าจะปลอดภัยกว่า”
“ก่อนหน้านี้ข้าถามเจ้า แต่เจ้าบอกว่าปวดหัวจนจำอันใดไม่ได้ มิใช่หรือไร?”
ชือรุ่ยเออร์ย้อนถามทันที พลางจ้องมองเจียงจื่อหยวนราวจับสังเกต
อันใดจะบังเอิญปานนั้น จะบอกว่าอยู่ๆ นางก็จำได้อย่างนั้นหรือ?
“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยบอกว่าเจ้าเคยเดินผ่านช่องผานั่น… ถ้าเจ้ามาจากทางนั้นจริงๆ ก็… ไม่น่าจะมองไม่เห็นหุบเขานี้หรอกกระมัง?”
เจียงจื่อหยวนแทบกลั้นหายใจ พร้อมความเกลียดชังที่ปรากฏขึ้นในใจของนาง
“นี่ไม่ใช่กระดูกมนุษย์!”
ใครบางคนอุทานขึ้น
บรรยากาศโดยรอบพลันเงียบกริบ
ขนาดนี้แล้ว พวกเขาย่อมตระหนักถึงความจริงข้อนี้ได้!
แต่ถ้ามันไม่ใช่กระดูกมนุษย์ แล้วมันจะเป็น…
“ข้างหลังยังมีอีก!”
ชายชราคิ้วขาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ชือรุ่ยเออร์กล่าวเสียงเข้ม
ชือรุ่ยเออร์และคนอื่นๆ หันไปมองทันที ก่อนจะเห็นซากกระดูกที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาทางด้านหลัง ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินทีละนิด!
รูปร่างและขนาดของมัน เหมือนกับชิ้นที่โผล่ขึ้นมาก่อนหน้านี้ไม่มีผิด!
พื้นดินยังคงสั่นสะเทือนไม่หยุด
โครงกระดูกหลายชิ้นปรากฏขึ้นในหุบเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“หนึ่งชิ้น สองชิ้น…”
ผู้อาวุโสคนนี้กวาดตามอง และค่อยๆ ลดเสียงลง
เพราะจำนวนกระดูกทั้งหมดที่ปรากฏขึ้นในหุบเขานั้น เกินความคาดหมายของพวกเขามาก!
กระดูกสีขาวเหล่านี้จัดวางกันอย่างมีรูปแบบ เนื่องจากความกว้างของช่องว่างระหว่างกระดูกสองชิ้นนั้น มีขนาดเท่ากันพอดิบพอดี
และยังมีลักษณะเหมือนกันแทบทุกประการ
“นี่มันอันใดกัน?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงมองมันจากระยะไกลอย่างแทบไม่เชื่อสายตา
คนธรรมดาที่ไหนจะฝังกระดูกมากมายเช่นนี้ไว้ใต้พื้นดิน แถมยังจัดวางในลักษณะนี้อีก!?
โครงกระดูกหลายชิ้นปรากฏขึ้นในหุบเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“หนึ่งชิ้น สองชิ้น…”
ผู้อาวุโสคนนี้กวาดตามอง และค่อยๆ ลดเสียงลง
เพราะจำนวนกระดูกทั้งหมดที่ปรากฏขึ้นในหุบเขานั้น เกินความคาดหมายของพวกเขามาก!
กระดูกสีขาวเหล่านี้จัดวางกันอย่างมีรูปแบบ เนื่องจากความกว้างของช่องว่างระหว่างกระดูกสองชิ้นนั้น มี
คนธรรมดาที่ไหนจะฝังกระดูกมากมายเช่นนี้ไว้ใต้พื้นดิน แถมยังจัดวางในลักษณะนี้อีก!?
ทันใดนั้น จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวเขา
ประเดี๋ยวก่อน!
นี่ไม่ใช่กระดูกของมนุษย์ เช่นนั้น…ก็เป็นไปมากที่มันจะเป็นกระดูกของสัตว์อสูร
หากแต่มีสัตว์อสูรไม่กี่สายพันธุ์ ที่มีโครงกระดูกขนาดใหญ่เช่นนี้ บวกกับเสียงมังกรคำรามที่เคยได้ยินก่อนหน้านี้อีก…
กรร์!
เสียงมังกรคำรามดังกึกก้อง!
ทุกคนหันไปมองทางต้นเสียง พลันตกใจกันแทบสิ้นสติ!
ไกลออกไป กะโหลกมังกรสีขาวขนาดใหญ่โผล่พรวดขึ้นมาจากพื้น! พร้อมแรงกดดันอันทรงพลังเกินต้าน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...