เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1389

“ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะปลอดภัยกัน…”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก้าวเท้ามุ่งลงไปข้างล่าง มิได้สัมผัสถึงสีหน้าที่แปลกไปของผู้อาวุโสตันชิงแม้แต่น้อย

ยามเขาก้าวขึ้นไปบนบันไดอันเย็นเฉียบ ในใจเขาก็ยิ่งสั่นสะท้านตามไปด้วย

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าแว่วขึ้นมาจากด้านล่าง

ในใจผู้อาวุโสฮวาเฟิงบีบรัดแน่น เขาตั้งท่าเตรียมรับมือในทันที!

ฝ่ามือรวบรวมพลังปราณดั้งเดิมไว้โดยพลัน เตรียมจะออกกระบวนท่าในทันใด!

ชั่วพริบตา สุ้มเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นมา

“ฮวาเฟิง นี่ข้าเอง”

สุ้มเสียงนี้แม้จะฟังดูอ่อนแรงอยู่บ้าง ทว่าผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็ยังคงฟังออกตั้งแต่แวบแรกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร!

สีหน้าของเขายินดีปรีดายิ่ง รีบเบนสายตามองต่ำลงไป

“ปั๋วเหยี่ยน! นั่นเจ้าหรือ?”

เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังเดินขึ้นมา

ไม่นาน ดวงหน้ามีอายุอันคุ้นตาพลันปรากฏขึ้นมาในครรลองสายตา

นั่นคือผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนที่ไม่ได้เจอกันนานไม่ผิดแน่!

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงรีบก้าวฉับๆ เข้าไปประคองเขา

“ปั๋วเหยี่ยน เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง?”

เขารู้จักปั๋วเหยี่ยนมานานหลายปีดีดัก ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายในสภาพอ่อนแอซีดเซียวเช่นนี้

ยามเดินเข้าไปใกล้ เขาถึงได้เห็นว่าบนร่างของปั๋วเหยี่ยนยังมีบาดแผลประปรายอยู่หลายจุด

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหน้าเปลี่ยนสีในบัดดล

“เอาไว้ก่อน ข้างล่างยังมีคนอีกมาก พาพวกเขาทั้งหมดออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนโบกมือพลางกล่าว

“อันใดนะ? อ้อ ได้…ได้!”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงตอบสนองรวดเร็ว เขาพยุงผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนขึ้นไป จากนั้นก็หันศีรษะกลับไปกวักมือเรียกบรรดาผู้อาวุโสคนอื่นๆ

“พวกเจ้าตรงนั้นน่ะ ลงไปรับคนขึ้นมาด้านบนกับข้าเร็ว!”

“เข้าใจแล้ว!”

คนจำนวนหนึ่งพุ่งตามผู้อาวุโสฮวาเฟิงลงไปอย่างว่องไว

ส่วนคนที่เหลือล้วนมาห้อมล้อมอยู่ข้างกายผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน

เมื่อเห็นเขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ผู้คนทั้งหมดต่างก็ตื่นตกใจแลตกตะลึง

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนย่อมนับได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้มีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ระดับแนวหน้าจากทั่วทั้งสำนักหลิงเซียว

พวกเขาไปเผชิญปัญหาวุ่นวายแต่ใดมากันแน่ กระทั่งตัวเขายังตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้ได้?

ทว่ายามผู้อาวุโสตันชิงเห็นเขาอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็ผ่อนลมหายใจออกมา

ยังดี คนยังมีชีวิตอยู่…

“คนอื่นๆ ก็ยังอยู่ดีกันใช่หรือไม่?”

สีหน้าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพลันเคร่งขรึม ริมฝีปากสั่นระริก

“ตายไปเจ็ด มีสามคนที่เป็นผู้อาวุโสของสำนัก”

ผู้คนที่ห้อมล้อมอยู่ข้างกายได้ยินเช่นนั้น ล้วนแล้วแต่ตื่นตระหนก

ในชั่วขณะหนึ่งต่างก็มิรู้ว่าควรพูดสิ่งใดออกไปดี

ผู้อาวุโสตันชิงเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถอนใจพลางส่ายศีรษะ

“พวกข้าเองก็พยายามสุดกำลังเท่าที่ทำได้ นี่ถือว่าดีมากแล้ว เจ้าเองก็อย่าโทษตัวเองเกินไปนักเล่า”

ดวงหน้าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพลันปรากฏแววสลดเสียใจ

“ทว่าสุดท้ายแล้วก็เป็นข้าที่ผลีผลามเกินไป…”

เขาคิดแค่ว่าครานี้เป็นโอกาสอันดีที่บรรดาลูกศิษย์จะได้ฝึกปรือฝีมือ กลับละเลยอันตรายที่อาจแฝงอยู่ที่นี่ได้ไปเสียสนิท!

การตายของทุกๆ คน เขาล้วนต้องรับผิดชอบทั้งนั้น

ผู้อาวุโสตันชิงชะงักกึก

“เจียงจื่อหยวนอยู่ตรงนั้น”

เขาพูดพลางบุ้ยคางไปยังทิศทางนั้น

ทุกคนล้วนมองตามไปยังทางนั้นด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน

นี่…

ไม่ปกติแล้วกระมัง!

เหตุใดผู้อาวุโสตันชิงไม่พูดถึงเรื่องราวหรือคนอื่น กลับเอาแต่พูดถึงเจียงจื่อหยวนกันเล่า?

อีกทั้งยามได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้แล้ว ก็ดูไม่เหมือนจะเป็นคำพูดในทางชื่นชมเสียเท่าใด

“อันใดนะ?”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเองก็ตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขารีบตวัดสายตามองไปฟากนั้นอย่างทันท่วงที

พอมองไป ก็พบเจียงจื่อหยวนที่ยืนอยู่หลังสุดในกลุ่มคน กำลังพรางการมีอยู่ของตัวเองให้น้อยที่สุด ซึ่งเป็นอย่างที่เขาคาดไว้

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนขมวดคิ้ว พลันเอ่ยแฝงเจตนาคลุมเครือออกมาว่า

“โชคยังดีอยู่มากทีเดียวเลยนี่…”

เจียงจื่อหยวนก้มศีรษะ ทั่วกายแข็งทื่อ มิกล้าขยับเขยื้อน

ผู้อาวุโสตันชิงแสยะมุมปาก ทว่าบนใบหน้ากลับไร้รอยยิ้ม

“ก็อย่างที่เจ้าว่านั่นแหละ”

คำเรียกนี้ทำให้เสวี่ยเสวี่ยอารมณ์ดีขึ้นมาทีเดียว ก่อนจะเชิดหัวขึ้นสูงอย่างทะนงตนพลางโผบินมาหา

“เมื่อครู่ต้องขอบคุณมันมากที่มาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นแล้วพวกข้าก็คงจะ…”

ผู้อาวุโสตันชิงถอนใจออกมาคำรบหนึ่ง

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหัวเราะร่า ก่อนจะถามเสวี่ยเสวี่ยว่า

“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว เจ้านายของเจ้าเองก็คงอยู่ที่นี่ด้วยกระมัง?”

ระหว่างถามไปพลาง เขาก็เงยศีรษะมองรอบๆ ไปพลาง

“ตอนนี้เขาอยู่ไหนกันเล่า?”

เสวี่ยเสวี่ยลอบเบ้ปากอยู่ในใจ

เฮอะ

ก็ต้องไปอยู่ข้างกายนางน่ะซี!

เดิมทีมันเองก็อยากตามไปด้วย น่าเสียดายที่นายท่านบอกว่าฝั่งนี้เองยังมีปัญหาอยู่ไม่น้อยที่ต้องให้มันมาช่วยเหลือ

เหอะ!

ดูก็รู้ว่าไม่อยากให้มันไปเจออาเยว่สุดที่รักชัดๆ!

เมื่อเห็นสีหน้าของเสวี่ยเสวี่ยเป็นเช่นนั้น ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็พอจะเดาได้คร่าวๆ ว่าหรงซิวยังมีเรื่องอื่นต้องไปสะสาง จึงมิได้เอ่ยซักไซ้ไล่เลียงต่อ

ฝั่งโน้นคงคิดรอให้เรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายเสียก่อนค่อยกลับมารวมกลุ่มกับพวกเขา

ในตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสฮวาเฟิงและคนอื่นๆ ก็พาคนในคุกใต้ดินทยอยขึ้นมากันทีละคนแล้ว

บรรดาศิษย์และเหล่าผู้อาวุโสตกอยู่ในสภาพดูไม่จืดกันทั้งสิ้น บนร่างแต่ละคนล้วนเปรอะไปด้วยคราบเลือดไม่มากก็น้อย

มีบางคนที่ดูแล้วอาการค่อนข้างสาหัส ชั่วพริบตารอบข้างก็มีคนรุดไปช่วยเหลือดูแลข้างหน้าอย่างว่องไว

เคราะห์ยังดีที่พวกเขามากันเยอะขนาดนี้ แต่ส่วนใหญ่ยังคงรอดชีวิตกลับมาได้

หากว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพวกเขาทั้งหมดแล้วล่ะก็…

เช่นนั้นเกรงว่าสำนักหลิงเซียวก็คงเกิดหายนะครั้งใหญ่แล้ว

“คิดไม่ถึงเลยว่า…ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเจ้ายังกลับมาในสภาพดีได้”

ผู้อาวุโสตันชิงเอ่ยอย่างอดรนทนไม่ไหว

คราแรก เขานึกว่าพวกเขาทั้งหมด…

“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว…”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหรี่ตา ราวกับว่ากำลังนึกย้อนถึงอันใดบางอย่าง

“จริงๆ แล้วก็ประหลาดอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว”

เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้ากระอักกระอ่วนไม่น้อย

“เหมือนว่า…มีคนกำลังลอบช่วยเหลือพวกข้าอยู่ในที่ลับ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์