หรงซิวหยุดเดินชั่วขณะ เขาพยายามควบคุมพลังลมปราณที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ภายในกายให้สงบลง
เขาเหลือบสายตามองดูนาง เมื่อเห็นว่านางไม่ได้รับผลกระทบใดใด เขาจึงค่อยผ่อนท่าทางเป็นกังวลของตนลง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เริ่มเดินหน้าต่อ
ฉู่หลิวเยว่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าของนางนิ่งสงบราวกับหลับไหลสู่ห้วงนิทรา
ถวนจื่อกลับมามีขนาดเท่าฝ่ามืออีกครั้ง พลางซุกซบอยู่บนหน้าอกของนางอย่างเงียบๆ
ดูเหมือนว่าความสงบสุขนั้นกำลังจะหวนคืนกลับมาอีกครา
คราบเลือดบนเสื้อผ้าของหรงซิว ถูกเปลวไฟแผดเผาจนแห้งกรัง เหลือเพียงแค่รอยสีแดงเข้มขนาดใหญ่เท่านั้น
เขาก้าวเดินด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบา ทุกแห่งหนที่เขาผ่านไปไม่หลงเหลือร่องรอยใดใดไว้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากเดินทางมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ในที่สุดหรงซิวก็มาถึงข้างหุบเขาแห่งหนึ่ง
นี่คือหนึ่งในหุบเขาเก้าวิถี และตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ถือว่าเป็นจุดที่ไกลที่สุดพอดี
หรงซิวบินลงมาพร้อมกับร่างที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
หิมะจากเดิมที่ตกหนัก กลับค่อยๆ เบาบางลง อีกทั้งอุณหภูมิโดยรอบนั้นสูงกว่าด้านนอกค่อนข้างมาก
ด้านหนึ่งของผาหิน มีหัวมังกรขนาดใหญ่ติดไว้แน่น
ดวงตาทั้งสองดูเหมือนโพรงที่ว่างเปล่า ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไปจนหมดสิ้นเสียแล้ว
เหลือเพียงร่องรอยบนหน้าผาและพื้นดินที่สดใหม่เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าเมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าเจ้ากระดูกมังกรจะดิ้นรนสู้จนสุดชีวิตเพื่อที่จะได้หนีออกไปจากจากที่นี่
อนิจจา…
หรงซิวถอนสายตากลับมา แล้วค่อยๆ วางฉู่หลิวเยว่ไว้ด้านหลังแผ่นหินขนาดใหญ่อย่างระมัดระวัง และนั่งเคียงข้างนาง
เขาค่อยๆ เอนตัวพิงก้อนหินก้อนนั้น งอขาอันเรียวยาวเข้ามาเพื่อให้ฉู่หลิวเยว่ได้นอนในอ้อมแขนของเขา
หลังจากสังเกตสีหน้าของนางแล้ว หรงซิวก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย แล้วผละมือออกมา เขาหยิบผ้าคลุมสีขาวราวกับหิมะออกมาแล้วค่อยๆ เช็ดเลือดจากมุมปากของตน
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งกระจายไปทั่ว เขาขมวดคิ้วแน่น กังวลว่ากลิ่นเหล่านี้จะกระทบต่อนาง
ในขณะที่เดินทางมานั้น เขารีบมากจนแทบจะไม่มีเวลาเปลี่ยนชุดเสียด้วยซ้ำ
และในตอนนี้…
ถ้าจะให้เขาปล่อยนางเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าลาะก็ เขาทำไม่ได้แน่ๆ
เขาโน้มศีรษะเล็กน้อย พิงไหล่ของนาง ปิดตาคู่สวยโฉบเฉี่ยวที่ชอบทำให้คนมองใจสั่นลง และสูดลมหายใจเบาๆ
หอมหวาน อบอุ่นละมุนละไม
แม้ว่าทั้งตัวนั้นจะเต็มไปด้วยเลือด แต่กลิ่นบนเรือนร่างของนางกลับดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย ยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้คนอยู่เสมอ
มือข้างหนึ่งของหรงซิวกอดนางไว้ และมืออีกข้างของเขาก็ค่อยๆ ลูบใบหน้าของนางเบาๆ สัมผัสนั้นอ่อนโยนราวกับสายลมที่พัดผ่านมา
ดูเหมือนเขาจะทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกคันเล็กน้อย ไม่รู้ว่านางพึมพำอะไรออกมา แล้วม้วนตัวออกไป
หรงซิวขยับแขนของเขาเล็กน้อย ค่อยๆ หันตัวนางกลับมาอย่างใจเย็น
ในครานี้เขาไม่กล้าขยับอีกต่อไปแล้ว เขานำสองมือของเขาโอบรอบเอวของนางไว้
ไม่ได้พบเจอกันเสียนาน ดูเหมือนว่านางจะผอมลงไปเล็กน้อย รอบเอวของนางไม่เต็มแขนเท่าที่ควร
ใบหน้าที่กำลังหลับใหลของนางช่างมีเสน่ห์จับใจ
แต่หรงซิวรู้ดีว่าภายในกายของนางยามนี้ มิได้เงียบสงบเหมือนดั่งที่เห็นอยู่
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วกายจนทำให้รู้สึกไม่สบายตัว
ผนึกนั่น…คงใกล้จะแตกในเร็วๆ นี้แล้วสินะ?
…
อีกด้านหนึ่ง เมื่อได้รับความช่วยเหลือของเสวี่ยเสวี่ย ผู้อาวุโสฮวาเฟิงและคนอื่นๆ ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฝ่ายตรงข้ามมีทั้งหมดหกคน ครึ่งหนึ่งในนั้นถูกจัดการโดยเสวี่ยเสวี่ยที่พุ่งเข้าสู้เพียงลำพัง
อีกสามคนที่เหลือต่างก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน และพลังในการต่อสู้ของคนเหล่านั้นก็ลดลงไปมาก
ประกอบกับความพยายามยับยั้งจากของผู้อาวุโสคนอื่นๆ ทำให้ผู้อาวุโสฮวาเฟิงได้ใช้เวลานี้อย่างเต็มที่
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่ก็ยากที่จะเก็บซ่อนความตกใจ เมื่อได้เห็นภาพฉากนี้ด้วยตาตัวเอง
บันไดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งทอดยาวลงไปข้างล่าง
ครั้นมองเข้าไปข้างใน ทุกอย่างล้วนมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง
มีเพียงกลิ่นคาวเลือดและลมปราณจากภายใน ลอยตลบอบอวลจนพุ่งขึ้นมาแตะจมูก!
ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการถึงเหตุการณ์ด้านล่างนั่น
“ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ…พวกเขาอยู่ข้างใต้นั้นหรือเจ้าคะ?”
ชือรุ่ยเออร์เขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“พวกเจ้าคอยอยู่ข้างนอกก่อน เดี๋ยวพวกข้าจะเข้าไปสำรวจข้างในกัน”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพยายามระงับอารมณ์ที่อยู่ภายในใจ พลางเอ่ยเสียงเรียบ
ผู้อาวุโสตันชิงก้าวขึ้นไปข้างหน้า
“ข้าไปด้วย”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพยักหน้า
ทุกคนล้วนเขยิบไปยืนด้านข้าง และรอคอยด้วยความอดทน
ผู้อาวุโสตันชิงเดินไปที่เส้นแบ่งเขตบริเวณทางเข้า พลันหันกลับมามองอีกครั้ง
เจียงจื่อหยวนผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังฝูงชน พลันรู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วสันหลัง และเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว
และสบเข้ากับสายตาของผู้อาวุโสตันชิงอย่างจัง
ผู้อาวุโสตันชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไว้รอพบพวกของปั๋วเหยี่ยนเสียก่อน แล้วค่อย…ถามให้แน่ชัดว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ พวกเขาผ่านเหตุการณ์อันใดมากันบ้าง”
ทันใดนั้น เจียงจื่อหยวนก็ตัวสั่นสะท้านราวกับกำลังหวาดกลัวอันใดบางอย่าง โดยไร้สาเหตุ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...