มันมีลักษณะคล้ายงูเหลือมขนาดมหึมาที่มีเลือดแดงสดไหลเวียนทั่วร่างกาย เกล็ดบนร่างกายของมันส่องประกายด้วยแสงสีเลือดเย็นยะเยือกภายใต้แสงตะวันโชติช่วง
ปีกกระดูกสีดำที่ด้านหลังสยายออกเกือบปกคลุมทั่วผืนฟ้า!
พลังปราณที่ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวจนทำให้คนแทบจะหายใจไม่ออก!
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนต่างตกตะลึงไปชั่วขณะ
ไป๋เชินเบิกตาโต เขาเกือบคิดว่าตนเองตาฝาดไป
“นั่นมัน…สัตว์อสูรระดับเจ็ด นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาใช่หรือไม่!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซือถิงและคนอื่นต่างมีสีหน้าตื่นตระหนก สัตว์อสูรระดับเจ็ด! คือสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ในตำนานใช่หรือไม่!
“เร็ว! รีบหนีไป!”
ริมฝีปากของเหวินเยี่ยนพลันซีดขาว เขาได้สติและตะโกนเสียงดังทันที
“แจ้งทุกคนในสำนักเทียนลู่ให้อพยพออกจากบรรพตวั่นหลิงว่านหลิงเดี๋ยวนี้!”
…
โฮกก!
ทันทีที่นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาปรากฏตัว เหล่าสัตว์อสูรทุกตัวในบรรพตวั่นหลิงก็พากันส่งเสียงร้องคำรามดังก้องสะท้านฟ้า!
นั่นคือพวกมันกำลังแสดงความยอมศิโรราบ!
นาคาปีกทมิฬกลืนเวหากระพือปีกสั่นสะเทือน เงาร่างวูบไหวของมันก็บินโฉบไปยังภูเขาลูกนั้นที่ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นอยู่อย่างรวดเร็ว!
เหล่าสัตว์อสูรต่างยินดีต้อนรับ
ระดับของสัตว์อสูรนั้นมีความเข้มงวด และในฐานะสัตว์อสูรระดับเจ็ด ดังนั้นนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาจึงอยู่ในระดับสูงสุดของที่นี่เป็นธรรมดา!
แท้จริงที่นี่คืออาณาเขตของมันต่างหาก
มันเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก เพียงไม่กี่อึดใจมันก็มาถึงด้านหน้าภูเขาลูกนั้นแล้ว
ในรูม่านตาแนวตั้งสีเขียวเย็นยะเยือกฉายแววอาฆาตอำมหิต!
ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลก ๆ ออกมาจากคอของมัน!
สัตว์อสูรที่มารวมตัวกันบริเวณเชิงเขาส่งเสียงกู้ก้องสะท้อนออกมาพร้อมกัน!
หลังจากนั้นพวกมันก็มุ่งหน้าขึ้นเขาทันที!
…
มันหายไปไหน
นั่นคือสิ่งที่ประมุขตระกูลมอบของขวัญพิเศษให้นางด้วยความเป็นห่วงเกรงว่านางจะเผชิญกับภัยอันตราย
นางเคยลังเลที่จะใช้มันเมื่อตอนที่นางถูกหมีแผงคอสีทองไล่ตาม แต่นางรู้ดีว่าตอนนี้หากไม่เอามาใช้คงไม่ได้การแล้ว
แต่…เหตุใดถึงหาไม่เจอ
กู้หมิงจูสำรวจร่างกายของนางอีกครั้ง ทว่าไม่พบสิ่งใด นางจึงเริ่มกระวนกระวายขึ้นมา
หากไม่มีของชิ้นนั้น นางจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยเยี่ยงไร
นางเงยหน้ามองสัตว์อสูรเหนือเวหาตัวนั้นอย่างอดมิได้
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร แต่นางก็สามารถมั่นใจได้ว่ามันต้องเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่อันตรายอย่างยิ่ง!
แล้วตอนนี้ดูเหมือนมันกำลังจะลงมือสังหารแล้ว!
นางจะทำเช่นไรดี!
กู้หมิงจูร้อนรนหัวใจเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าซีดเผือด และรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วสรรพางค์กาย
ตู้ม ต้าม!
ในขณะที่นางกำลังกังวลอยู่นั้น ก็มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น
น้องหันไปมองด้วยความตกใจ แล้วก็เห็นว่าสัตว์อสูรที่เคยอยู่เชิงเขาด้านล่าง กำลังยกโขยงขึ้นมาบนยอดเขาอย่างกะทันหัน
เพราะสัตว์อสูรจำนวนมากยกโขยงขึ้นมาพร้อมกัน แทบทำให้หินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของนางสั่นสะเทือน!
ความกลัวในจิตใจของนางทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ นางวิ่งหนีสะเปะสะปะอย่างไม่รู้ทิศทาง
…
ขณะเดียวกัน ฉู่หลิวเยว่และพวกพ้องที่กำลังเริ่มค้นหาทางออกก็รับรู้ถึงคลื่นความเคลื่อนไหวอันทรงพลังแกร่งกล้า
มีก้อนหินตกลงมาจากกำแพงถ้ำหลายก้อน
มู่หงอวี๋ตกใจ
“อะไรน่ะ ข้างนอกมีอะไรเกิดขึ้น”
“ดูเหมือนจะมีคนโจมตี…ไม่สิ! น่าจะเป็นสัตว์อสูรพวกนั้นมากกว่า!” เฉินหู่นึกขึ้นได้ในทันที
นอกจากพวกมันแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีก
“พวกมันโจมตีภูเขาลูกนี้เพื่ออะไร หรือต้องการบีบให้เราออกไป” มู่หงอวี๋นิ่วหน้า “ตกลงพวกมันพุ่งเป้าหมายมาที่เราด้วยเหตุใดกันแน่”
ฉู่หลิวเยว่หลุบตาต่ำเล็กน้อย
เมื่อกู้หมิงเฟิงเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของนางแล้วก็ต้องหรี่ตา
“เราจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่”
ทุกคนหันไม่มองฉู่หลิวเยว่พร้อมกัน
สถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าจะรออยู่ที่นี่ต่อไปหรือหาทางออกอื่น ดูเหมือนแทบจะไม่มีความหมายใดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์