ข้าก็ลำบากมากทีเดียว…
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ร้อนผ่าว เหมือนกับมีไฟไหม้
ไม่รู้ว่าหลายวันมานี้นางหลับลึกมากเกินไป หรือว่าหรงซิวมือเบามากเกินไป คาดไม่ถึงว่านางจะไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
“หรงซิว!”
ฉู่หลิวเยว่เขินอายขึ้นมาหลายส่วนอย่างหาได้ยาก
หรงซิวเห็นว่าอีกฝ่ายถูกเขาแกล้งจนใบหน้าแดงก่ำ จึงไม่ได้แกล้งต่อ และต้องถอยออกมาอย่างน่าเสียดาย
เขากุมมือของนางเอาไว้ สิบนิ้วประสาน
“พวกเราได้หมั้นหมายกันไว้แล้ว ขาดเพียงแค่งานแต่งงานเท่านั้น ไม่ใช่หรือ? ถ้าเจ้าคิดว่ามันไม่เหมาะ… ถ้าเช่นนั้น… ก็เปลี่ยนเป็นเจ้ามาช่วยข้าแทน?”
ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้จะตอบรับประโยคนี้อย่างใด
จิตใจของคนผู้นี้เป็นสีดำจริงๆ ด้วย อีกทั้งใบหน้าก็ยังหนาขึ้นทุกวัน
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วแค่นหัวเราะเสียงเบา ก่อนจะเงยหน้าจ้องมองเขา
“ฝันไปเถอะ!”
ในที่สุดนางก็สามารถลุกขึ้นมายืนได้
ในตอนนี้นางถึงจะตระหนักได้ว่า เสื้อด้านในสีขาวราวกับหิมะนั้นเหมือนว่าจะไม่ใช่ของนาง
หรงซิวมองเห็นความสงสัยของนางจึงอธิบายขึ้นว่า
“ทางนี้มีเสื้อผ้าสำรองของเจ้าอยู่ แต่ว่า… มันเป็นชุดของหลายเดือนก่อน เมื่อนำมาใส่ตอนนี้… มันอาจจะไม่พอดีตัว”
เมื่อพูดถึงตรงนี้สายตาของเขาก็กวาดไปมองรอบกายของนาง
แม้ว่าชุดนี้จะเหมือนกับของผู้ชาย ด้านในหลวมกว่า จึงยากจะซ่อนรูปร่างอันงดงามของสาวน้อยเอาไว้ได้
ความเงียบปกคลุมขึ้น ทำให้หัวใจสั่นไหว
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเล็กน้อย จึงเบนสายตาออกไปทางอื่นด้วยตนเอง มือข้างหนึ่งคลายคอเสื้อโดยไม่รู้ตัว
“เอาตามนี้ไปก่อน อีกสักสองสามวันค่อยให้พวกเขาส่งชุดใหม่มาให้”
ฉู่หลิวเยว่ “… เจ้าช่วยข้าจัดเตรียมชุดมาตลอดเลยหรือ?”
แล้วก็ยังมีชุดด้านใน!
หรงซิวไม่ได้ปฏิเสธ เขาตอบรับอย่างตรงไปตรงมา
“ในตอนที่เจ้าโตขึ้น เสื้อผ้าเหล่านี้ต้องถูกเปลี่ยนเป็นประจำ เดิมทีเปลี่ยนเดือนละครั้ง เพียงแต่ช่วงนี้เจ้าอยู่ในสำนักตลอดเวลา ข้าจึงไม่ได้ให้พวกเขานำเสื้อผ้ามาส่ง”
ช่วงอายุสิบหกสิบเจ็ด ช่วงเวลาสั้นๆ แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์
หรงซิวขยับนิ้วอย่างไร้เสียง เหมือนว่าปลายเล็บที่เกลี้ยงเกลาเหมือนมีกลิ่นหอมแผ่กระจายออกมา
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าไม่สามารถอยู่ที่ห้องนี้ต่อไปได้อีกแล้ว!
นางมองหาไปรอบๆ จากนั้นก็พบว่าเสื้อผ้าที่นางใส่ก่อนหน้านี้ไม่อยู่แล้ว
เมื่อลองคิดไปมาก็ถูกต้อง เสื้อผ้าเหล่านั้นเลอะคราบเลือดสกปรก ไม่ว่าอย่างใดก็ต้องทิ้งมันไป
นางหยิบเสื้อคลุมสีแดงออกมาจากแหวนเฉียนคุน พร้อมเข็มขัดหยกสีดำ
จากนั้นก็มัดผมสีดำขลับของนางขึ้น หากมองจากที่ไกลๆ คนที่นั่งอยู่ก็คือหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง
ยกเว้นใบหน้าที่งดงามและน่าทึ่ง
ฉู่หลิวเยว่ส่องกระจกสัมฤทธิ์มองสำรวจใบหน้าของตนเอง
“การสวมหน้ากากไว้ตลอดนั้นไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นจึงมีแค่ตอนที่ผู้อาวุโสวั่นเจิงมาหา ข้าจึงช่วยใส่มันกลับลงไป”
หรงซิวพูดขึ้นพร้อมสะบัดมือเบาๆ หน้ากากบางๆ ก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าของฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่เอื้อมมือออกไปรับ
เดิมทีนางจะสวมใส่ในทันที แต่คิดไปคิดมาก็ชะงักการกระทำเอาไว้
นางเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง และมองไปยังตัวเองที่อยู่ในกระจกสัมฤทธิ์
เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่เดือน ใบหน้าของนางเหมือนว่าจะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
คิ้วมีความละเอียดอ่อนและชัดเจนมากขึ้น ใบหน้าก็มีเค้าโครงเด่นชัดยิ่งขึ้น
แต่ทั้งหมดนี้…
ยิ่งเหมือนกับซั่งกวนเยว่เมื่อกาลก่อนยิ่งนัก
นางจำได้ว่าเมื่อชาติก่อนตอนที่นางมีอายุเท่านี้ ใบหน้าของนางก็มีส่วนคล้ายกับตอนนี้ถึงเจ็ดแปดส่วนเลยทีเดียว
กอปรกับท่าทางเหล่านี้… ทำให้นางยิ่งดูเหมือนมากขึ้น
เขาขมวดคิ้วมุ่นแล้วหันมองหรงซิวอย่างไม่มั่นใจ
“หรงซิว ที่เจ้าอยากให้ฉู่เยว่ไปเขาเฝิงหมินนั้น น่าจะมีเหตุผลอื่นใช่หรือไม่?”
ดูจากท่าทางที่หรงซิวปฏิบัติต่อฉู่เยว่ ครั้งนี้ไม่ใช่การลงโทษนางอย่างแน่นอน
หรงซิวผงะไปเล็กน้อย
“ขอรับ”
“เขาเฝิงหมินอันตรายมาก แต่… สถานที่ที่อันตรายที่สุด กลับเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
“เพียงแค่… ขอเวลาช่วงหนึ่งเท่านั้น”
…
อีกด้านหนึ่ง เมื่อผู้อาวุโสวั่นเจิงเห็นฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาจับตัวนางมาสำรวจอยู่หลายรอบ จนมั่นใจว่าร่างกายของนางนั้นฟื้นตัวแล้วจริงๆ อีกทั้งยังไม่มีปัญหาอื่นใดมาแทรกซ้อน ในที่สุดเขาก็สามารถปล่อยวางความกังวลได้
“เจ้าเด็กหน้าเหม็น! เจ้าหลับไปครั้งนี้ ทำให้อาจารย์ของเจ้าต้องตกใจเกือบตาย!”
ปกติแล้วผู้อาวุโสวั่นเจิงเป็นคนที่เคร่งเครียด จากคำพูดของเขาในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาถูกฉู่หลิวเยว่กระตุ้นอย่างหนัก
ช่วยไม่ได้ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาสลบอยู่ในอ้อมแขนของหรงซิว ใบหน้าที่ซีดขาว ทำให้เขารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก
หลายปีมานี้ กว่าเขาจะได้ลูกศิษย์มาสักคนหนึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก เมื่อลูกศิษย์เกิดเรื่องเขาจะไม่รู้สึกปวดใจได้อย่างใด?
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง ข้านั้นสบายดีมาก!”
“วั่นเจิง!”
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
ทั้งสองคนหันกลับไปมอง ชายชราเท้าเปล่าคนหนึ่งโบกพัดใบปาล์ม เดินมาจากกลางอากาศ
ผู้อาวุโสเมิ้งเย่!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นแรงอย่างกะทันหัน
…ถ้าจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสเมิ้งเย่เคยพูดว่า รอผู้อาวุโสวั่นเจิงกลับมา เขาจะนำบัญชีไปให้อีกฝ่ายดู?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...