เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1422

ได้ยินมาว่าหลังจากซั่งกวนเยว่ได้รับตำแหน่งพระชายาแล้ว นางก็อยู่ภายในตำหนักสักการะเทพบนยอดเขาซู่หมิงมาโดยตลอด

หลังจากที่หรงซิวไปยังสำนักหลิงเซียว ซั่งกวนเยว่ก็ยิ่งตั้งใจบำเพ็ญเพียรมากยิ่งขึ้น และไม่ค่อยได้ออกมาเท่าไร

แต่ใครจะรู้เล่าว่า คนผู้นั้นยังอยู่ด้านในจริงๆ หรือไม่?

ความจริงแล้วนี่เป็นเรื่องที่เจียงจื่อหยวนสงสัยมาโดยตลอด และไม่เคยที่จะยอมแพ้ในการสืบค้น

นางอยากจะไปสืบหาความจริงอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้นางอยู่ได้เพียงแค่ในเขาว่านจงเท่านั้น ออกไปจากที่แห่งนี้ไม่ได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว

อีกทั้งด้านนอกของยอดเขาซู่หมิงยังมีม่านพลังขวางกั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่บุคคลภายนอกจะเห็นสถานการณ์ภายในอย่างชัดเจน

เจียงจื่อหยวนมองไปทางนั้นอยู่ครู่หนึ่ง นางผ่อนคลายร่างกายของตนเองลงมาด้วยความผิดหวัง นางสับสนไปเล็กน้อย

นางไม่สามารถไปตรวจสอบอีกฝ่ายท่ามกลางสายตาสาธารณชนได้

หากต้องการรู้ความจริง ดูเหมือนว่าจะต้องหาให้คนอื่นไปสืบมาให้

ตำหนักสักการะเทพตำหนักบรรทมของหรงซิว มีการคุ้มกันที่เข้มงวด แม้แต่ผู้อาวุโสบางคนยังต้องขออนุญาตและรอคำอนุญาตจากหรงซิวก่อน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางบุกไปที่นั่นเมื่อครั้งที่แล้ว ทำให้หรงซิวต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และลงโทษผู้คุ้มกันให้ปล่อยนางเข้ามาโดยพลการอย่างรุนแรง

แค่คิดก็รู้แล้วว่า หากนางอยากเข้าไปอีกครั้งในตอนนี้ เกรงว่าเป็นเรื่องยากราวกับขึ้นสวรรค์

เจียงจื่อหยวนครุ่นคิดแผนการที่อยู่ในใจ

จำเป็นจะต้องเลือกคนที่เหมาะสมแล้ว…

การมาของเจียงจื่อหยวน ทำให้พระราชวังเมฆาสวรรค์เกิดความปั่นป่วนไม่น้อย

และเหมือนว่านางจะล่วงเกินตระกูลเหลี่ยงด้วย ทำให้ความยุ่งยากรัดตัวแล้ว

ทุกคนต่างรู้อย่างชัดเจนว่า การยอมรับเจียงจื่อหยวนเข้ามาในตอนนี้ สำหรับพระราชวังเมฆาสวรรค์แล้ว มันมีแต่เรื่องเลวร้ายไม่มีเรื่องดี

แต่นางก็เข้ามาแล้ว อีกทั้งยังไปรอท่านประมุขออกจากด่านฝึกที่เขาว่านจงด้วย

ไม่ใช่แค่ผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ แม้กระทั่งบุคคลสำคัญของพระราชวังเมฆาสวรรค์หลายคน ก็ยังไม่เข้าใจว่าทเหตุใดผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกและผู้อาวุโสอวี๋จิ้งถึงได้ปล่อยให้นางเข้ามา

แต่เพราะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตราลัญจกรของท่านประมุข ผู้อาวุโสทั้งสองไม่ได้ประกาศออกไป

ดังนั้นหลังจากที่ทุกคนครุ่นคิดเรื่องนี้แล้ว จึงเข้าใจเพียงว่าพระราชวังเมฆาสวรรค์เห็นแก่ตระกูลเจียงแห่งเซียนสุ่ยหลิงที่จงรักภักดีมาหลายปี จึงได้ทำเช่นนี้

แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วพระราชวังเมฆาสวรรค์ก็เป็นตระกูลอันดับหนึ่ง จึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก

หลังจากผ่านไปสองวัน เรื่องนี้ก็ค่อยๆ ซาลง แทบจะไม่มีใครพูดถึงอีก

เจียงจื่อหยวนก็รออยู่ภายในเขาว่านจงอย่างเงียบเชียบ ราวกับนางได้หายตัวไปแล้ว

ทะเลทรายจันทราสีชาด

ท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี จันทราสีเลือดลอยเด่นอยู่บนฟ้า

แสงจันทร์ปกคลุมที่พื้นดิน ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสีแดงจางๆ หนึ่งชั้น

บนทะเลทรายที่กว้างใหญ่ มีแต่ความเงียบงัน

ด้านหลังของเนินทราย มีมู่หงอวี่นั่งขัดสมาธิอยู่

ทุกคืนในทะเลทรายจันทราสีชาดจะหนาวเย็นอย่างมาก แม้ว่าจะไม่ได้ต่างอันใดกับตอนกลางวัน แต่ความจริงแล้วนั้นอุณหภูมิแตกต่างกันอย่างมาก หนาวแทบจะถึงขั้วกระดูก

มู่หงอวี่หลับตาทั้งสองข้างลง บนใบหน้ามีน้ำค้างแข็งสีขาวปกคลุมหนึ่งชั้น

ยังดีที่พลังแห่งสวรรค์และโลกพวยพุ่งเข้าภายในร่างกายของนางอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลมปราณของนางนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

นางอยู่ที่ทะเลทรายจันทราสีชาดมาหลายเดือนแล้ว และสามารถค้นพบความสมดุลนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เวลาค่อยๆ ผ่านพ้นไป มันทั้งเงียบและสงบ

บริเวณทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกล แต่ภาพเหตุการณ์กลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

ภายในคุกที่ทางแคบและมืด ไม่รู้ว่าแสงจันทร์สีแดงส่องเข้ามาจากทางไหน

ลำแสงที่ซ้อนทับกัน เหมือนกับน้ำแข็งได้เจอไฟ มันละลายลงไปอย่างรวดเร็ว

เพียงแค่เวลาหนึ่งจิบชา มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อลำแสงสุดท้ายที่ผ่านร่างกายของเขาไป ในที่สุดหลานเซียวก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาล้มลงไปที่พื้นด้านข้าง

ตู๋กูโม่เป่าและผู้อาวุโสลำดับห้าที่รออยู่นานแล้วก็รีบสาวเท้าก้าวเข้ามาด้วยความรวดเร็ว

ฟิ้ว!

ชีวิตจะหาไม่อยู่แล้ว แต่ยังจะมาห่วงเรื่องผิวพรรณเนี่ยนะ?

หากเขาไม่รู้จักนิสัยของหลานเซียวมาก่อน เขาจะต้องลุกขึ้นไปทุบตีคนผู้นี้อย่างแรงแน่นอน

ตู๋กูโม่เป่าพูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นยะเยือก

“หากเจ้าไม่อยากให้ใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งเสียโฉมไปด้วย ก็อยู่เฉยๆ! เรื่องโง่ๆ เช่นนี้ทำเพียงครั้งเดียวก็พอ หากมีครั้งหน้า…”

หลานเซียวโบกมือขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

“โอ้ อันใดกันล่ะ? ข้ายังสบายดีอยู่เลยไม่ใช่หรือ?”

ขณะที่พูดเขาก็อดหันไปมองตู๋กูโม่เป่าครู่หนึ่งไม่ได้ มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย

“แต่ว่า เจ้ารอคอยก็พูดออกมาดีๆ บนโลกนี้คงมีแต่นังหนูเยว่เออร์คนเดียวละมั้งที่รับเจ้าได้น่ะ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนไปหลายส่วน และยังแฝงด้วยความเอาใจใส่ด้วย

“จริงสิ นางล่ะ?”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลานเซียวก็มองไปรอบๆ

“นางไม่ได้กลับมาพร้อมกับเจ้าด้วยหรือ?”

ตู๋กูโม่เป่าพูดขึ้นเสียงเรียบ

“นางอยู่ที่เขาเฝิงหมิน”

ท่าทางของหลานเซียวชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าดูไม่เลว

“สถานที่แห่งนั้น…ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดถึงนางแล้ว เจ้าล่ะ เหตุใดถึงลงมืออย่างกะทันหัน?”

แม้ว่าท่าทางของหลานเซียวจะดูผ่อนคลายเช่นเดิม แต่แววตาของเขามีความจริงจังขึ้นหลายส่วน

ดูจากสถานการณ์ของเขาในตอนนี้แล้ว ตู๋กูโม่เป่าไม่มีทางไม่รู้ว่าลงมือในอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว มันจะสร้างความลำบากมากมายขนาดไหน

นี่คือสาเหตุที่เขาฝืนสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ทราบข่าวของเขา

ตู๋กูโม่เป่าเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบุพกาลชายแดนเหนือให้อีกฝ่ายฟังคร่าวๆ

หลังจากที่เขาเงียบไปสักพัก เขาก็ลูบหางตาของตนเอง แล้วถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

“ที่แท้มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักหลิงเซียว มิน่าล่ะเจ้าถึงได้ทำเช่นนี้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์