ได้ยินมาว่าหลังจากซั่งกวนเยว่ได้รับตำแหน่งพระชายาแล้ว นางก็อยู่ภายในตำหนักสักการะเทพบนยอดเขาซู่หมิงมาโดยตลอด
หลังจากที่หรงซิวไปยังสำนักหลิงเซียว ซั่งกวนเยว่ก็ยิ่งตั้งใจบำเพ็ญเพียรมากยิ่งขึ้น และไม่ค่อยได้ออกมาเท่าไร
แต่ใครจะรู้เล่าว่า คนผู้นั้นยังอยู่ด้านในจริงๆ หรือไม่?
ความจริงแล้วนี่เป็นเรื่องที่เจียงจื่อหยวนสงสัยมาโดยตลอด และไม่เคยที่จะยอมแพ้ในการสืบค้น
นางอยากจะไปสืบหาความจริงอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้นางอยู่ได้เพียงแค่ในเขาว่านจงเท่านั้น ออกไปจากที่แห่งนี้ไม่ได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว
อีกทั้งด้านนอกของยอดเขาซู่หมิงยังมีม่านพลังขวางกั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่บุคคลภายนอกจะเห็นสถานการณ์ภายในอย่างชัดเจน
เจียงจื่อหยวนมองไปทางนั้นอยู่ครู่หนึ่ง นางผ่อนคลายร่างกายของตนเองลงมาด้วยความผิดหวัง นางสับสนไปเล็กน้อย
นางไม่สามารถไปตรวจสอบอีกฝ่ายท่ามกลางสายตาสาธารณชนได้
หากต้องการรู้ความจริง ดูเหมือนว่าจะต้องหาให้คนอื่นไปสืบมาให้
ตำหนักสักการะเทพตำหนักบรรทมของหรงซิว มีการคุ้มกันที่เข้มงวด แม้แต่ผู้อาวุโสบางคนยังต้องขออนุญาตและรอคำอนุญาตจากหรงซิวก่อน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางบุกไปที่นั่นเมื่อครั้งที่แล้ว ทำให้หรงซิวต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และลงโทษผู้คุ้มกันให้ปล่อยนางเข้ามาโดยพลการอย่างรุนแรง
แค่คิดก็รู้แล้วว่า หากนางอยากเข้าไปอีกครั้งในตอนนี้ เกรงว่าเป็นเรื่องยากราวกับขึ้นสวรรค์
เจียงจื่อหยวนครุ่นคิดแผนการที่อยู่ในใจ
จำเป็นจะต้องเลือกคนที่เหมาะสมแล้ว…
…
การมาของเจียงจื่อหยวน ทำให้พระราชวังเมฆาสวรรค์เกิดความปั่นป่วนไม่น้อย
และเหมือนว่านางจะล่วงเกินตระกูลเหลี่ยงด้วย ทำให้ความยุ่งยากรัดตัวแล้ว
ทุกคนต่างรู้อย่างชัดเจนว่า การยอมรับเจียงจื่อหยวนเข้ามาในตอนนี้ สำหรับพระราชวังเมฆาสวรรค์แล้ว มันมีแต่เรื่องเลวร้ายไม่มีเรื่องดี
แต่นางก็เข้ามาแล้ว อีกทั้งยังไปรอท่านประมุขออกจากด่านฝึกที่เขาว่านจงด้วย
ไม่ใช่แค่ผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ แม้กระทั่งบุคคลสำคัญของพระราชวังเมฆาสวรรค์หลายคน ก็ยังไม่เข้าใจว่าทเหตุใดผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกและผู้อาวุโสอวี๋จิ้งถึงได้ปล่อยให้นางเข้ามา
แต่เพราะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตราลัญจกรของท่านประมุข ผู้อาวุโสทั้งสองไม่ได้ประกาศออกไป
ดังนั้นหลังจากที่ทุกคนครุ่นคิดเรื่องนี้แล้ว จึงเข้าใจเพียงว่าพระราชวังเมฆาสวรรค์เห็นแก่ตระกูลเจียงแห่งเซียนสุ่ยหลิงที่จงรักภักดีมาหลายปี จึงได้ทำเช่นนี้
แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วพระราชวังเมฆาสวรรค์ก็เป็นตระกูลอันดับหนึ่ง จึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก
หลังจากผ่านไปสองวัน เรื่องนี้ก็ค่อยๆ ซาลง แทบจะไม่มีใครพูดถึงอีก
เจียงจื่อหยวนก็รออยู่ภายในเขาว่านจงอย่างเงียบเชียบ ราวกับนางได้หายตัวไปแล้ว
…
ทะเลทรายจันทราสีชาด
ท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี จันทราสีเลือดลอยเด่นอยู่บนฟ้า
แสงจันทร์ปกคลุมที่พื้นดิน ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสีแดงจางๆ หนึ่งชั้น
บนทะเลทรายที่กว้างใหญ่ มีแต่ความเงียบงัน
ด้านหลังของเนินทราย มีมู่หงอวี่นั่งขัดสมาธิอยู่
ทุกคืนในทะเลทรายจันทราสีชาดจะหนาวเย็นอย่างมาก แม้ว่าจะไม่ได้ต่างอันใดกับตอนกลางวัน แต่ความจริงแล้วนั้นอุณหภูมิแตกต่างกันอย่างมาก หนาวแทบจะถึงขั้วกระดูก
มู่หงอวี่หลับตาทั้งสองข้างลง บนใบหน้ามีน้ำค้างแข็งสีขาวปกคลุมหนึ่งชั้น
ยังดีที่พลังแห่งสวรรค์และโลกพวยพุ่งเข้าภายในร่างกายของนางอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลมปราณของนางนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
นางอยู่ที่ทะเลทรายจันทราสีชาดมาหลายเดือนแล้ว และสามารถค้นพบความสมดุลนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เวลาค่อยๆ ผ่านพ้นไป มันทั้งเงียบและสงบ
บริเวณทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกล แต่ภาพเหตุการณ์กลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ภายในคุกที่ทางแคบและมืด ไม่รู้ว่าแสงจันทร์สีแดงส่องเข้ามาจากทางไหน
ลำแสงที่ซ้อนทับกัน เหมือนกับน้ำแข็งได้เจอไฟ มันละลายลงไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่เวลาหนึ่งจิบชา มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อลำแสงสุดท้ายที่ผ่านร่างกายของเขาไป ในที่สุดหลานเซียวก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาล้มลงไปที่พื้นด้านข้าง
ตู๋กูโม่เป่าและผู้อาวุโสลำดับห้าที่รออยู่นานแล้วก็รีบสาวเท้าก้าวเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
ฟิ้ว!
ชีวิตจะหาไม่อยู่แล้ว แต่ยังจะมาห่วงเรื่องผิวพรรณเนี่ยนะ?
หากเขาไม่รู้จักนิสัยของหลานเซียวมาก่อน เขาจะต้องลุกขึ้นไปทุบตีคนผู้นี้อย่างแรงแน่นอน
ตู๋กูโม่เป่าพูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นยะเยือก
“หากเจ้าไม่อยากให้ใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งเสียโฉมไปด้วย ก็อยู่เฉยๆ! เรื่องโง่ๆ เช่นนี้ทำเพียงครั้งเดียวก็พอ หากมีครั้งหน้า…”
หลานเซียวโบกมือขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
“โอ้ อันใดกันล่ะ? ข้ายังสบายดีอยู่เลยไม่ใช่หรือ?”
ขณะที่พูดเขาก็อดหันไปมองตู๋กูโม่เป่าครู่หนึ่งไม่ได้ มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย
“แต่ว่า เจ้ารอคอยก็พูดออกมาดีๆ บนโลกนี้คงมีแต่นังหนูเยว่เออร์คนเดียวละมั้งที่รับเจ้าได้น่ะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนไปหลายส่วน และยังแฝงด้วยความเอาใจใส่ด้วย
“จริงสิ นางล่ะ?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลานเซียวก็มองไปรอบๆ
“นางไม่ได้กลับมาพร้อมกับเจ้าด้วยหรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าพูดขึ้นเสียงเรียบ
“นางอยู่ที่เขาเฝิงหมิน”
ท่าทางของหลานเซียวชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าดูไม่เลว
“สถานที่แห่งนั้น…ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดถึงนางแล้ว เจ้าล่ะ เหตุใดถึงลงมืออย่างกะทันหัน?”
แม้ว่าท่าทางของหลานเซียวจะดูผ่อนคลายเช่นเดิม แต่แววตาของเขามีความจริงจังขึ้นหลายส่วน
ดูจากสถานการณ์ของเขาในตอนนี้แล้ว ตู๋กูโม่เป่าไม่มีทางไม่รู้ว่าลงมือในอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว มันจะสร้างความลำบากมากมายขนาดไหน
นี่คือสาเหตุที่เขาฝืนสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ทราบข่าวของเขา
ตู๋กูโม่เป่าเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบุพกาลชายแดนเหนือให้อีกฝ่ายฟังคร่าวๆ
หลังจากที่เขาเงียบไปสักพัก เขาก็ลูบหางตาของตนเอง แล้วถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ที่แท้มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักหลิงเซียว มิน่าล่ะเจ้าถึงได้ทำเช่นนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...