พระราชวังเมฆาสวรรค์
เขาว่านจง
ยอดเขาสูงชัน ต้นไม้หนาแน่น เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านเงาไม้จนกลายเป็นรอยกระดำกระด่าง
บนพื้นมีใบไม้ร่วงกองสุมกันเป็นกองใหญ่ ตอนที่เหยียบลงไปนั้น มีเสียง “สวบสาบ” ดังขึ้น
สายลมพัดเล็กน้อย ใบไม้ปลิวว่อน เป็นความเงียบสงบที่หาได้ยาก
แต่ตอนที่อยู่ภายในตำแหน่งนี้ ถึงจะสามารถสัมผัสได้ว่าต้นไม้ใบหญ้าในบริเวณโดยรอบนี้ พลังที่แผ่กระจายออกมานั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง ทำให้เกิดความรู้สึกกดดันขึ้นมาไม่น้อย
เงาร่างทั้งสามเดินมุ่งหน้าผ่านป่าไปยังยอดเขา
คนผู้นั้นก็คือ ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก
ระหว่างการเดินทางผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกไม่ได้พูดอันใดมากเท่าไร เขาเงียบไปอย่างมาก
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกที่เดินนำหน้าสุดมีใบหน้าไร้อารมณ์
ด้านหลังก็คือเจียงจื่อหยวนและผู้อาวุโสอวี๋จิ้งที่มีท่าทางผ่อนคลายมากกว่า
พวกเขาสามารถได้เปรียบในการโต้เถียงกับผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก ดังนั้นจึงรู้สึกอารมณ์ดีกันอย่างมาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจียงจื่อหยวนที่สามารถสลัดหลุดจากสถานการณ์สิ้นหวังมาได้
นางรู้สึกเหมือนได้เจอฟ้าหลังฝน ฝีเท้าการก้าวเดินของนางก็เร็วขึ้นไม่น้อย
นางกำสิ่งที่อยู่ในมือแน่น พร้อมถอนหายใจออกมา
ยังดี… ยังดีที่ตอนแรกท่านประมุขทิ้งไพ่ไม้ตายไว้ให้นาง!
ตอนนี้นางสามารถเข้ามาในพระราชวังเมฆาสวรรค์ได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถไปอยู่เป็นเพื่อนท่านประมุขได้
หากไม่มีสถานการณ์พิเศษ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถไล่นางได้อีกแล้ว!
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกกำลังเดินนำอยู่ด้านหน้า
ต่อให้ไม่ได้หันกลับมามอง เขาก็สามารถคาดเดาได้ว่า ในตอนนี้เจียงจื่อหยวนจะมีสีหน้าภาคภูมิใจขนาดไหน
เขาขมวดคิ้วขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังคิดไม่ออกว่า ท่านประมุขกำลังคิดอันใดอยู่กันแน่ ถึงได้ให้ตราสัญลักษณ์ที่สำคัญขนาดนี้กับเจียงจื่อหยวนที่เป็นเพียงแค่คนนอกคนหนึ่ง!
หรือเขามองว่าเจียงจื่อหยวนเป็นหลานแท้ๆ ของตนเอง?
ไม่ทราบว่าทางโอรสสวรรค์จะรู้เรื่องนี้หรือยัง…
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งสามก็มายืนอยู่บนยอดเขาอันเงียบสงบ
กลางยอดเขาแห่งนี้ มีหยกขาวแกะสลักขนาดใหญ่ตั้งอยู่
หากมองมาจากด้านบนจะเห็นว่า ความจริงแล้วนั่นคือประตูทรงกลมบานหนึ่ง และบนประตูบานนั้นมีสัญลักษณ์พระราชวังเมฆาสวรรค์สลักอยู่
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมประสานมือทำความเคารพ
เจียงจื่อหยวนและผู้อาวุโสอวี๋จิ้งก็ปฏิบัติตาม
พวกเขาเงียบไปครู่หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าท่านประมุขไม่ได้ออกจากด่านฝึกมานานมากแล้ว
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกหันกลับไปมองทางเจียงจื่อหยวน แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ในเมื่อตราสัญลักษณ์ของเจ้าสำนักอยู่ในมือของเจ้า ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่เถอะ ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแย่ทั้งหมด นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ นอกจากท่านประมุขออกจากด่านฝึกแล้ว ไม่เช่นนั้นเจ้าห้ามออกจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว!”
เสียงของเขาทุ้มต่ำมีพลัง เหมือนกับค้อนอันหนักอึ้งกระทบเข้าที่หัวใจของนาง
เจียงจื่อหยวนเหม่อลอย แล้วหลุบตาลงต่ำ
“เจ้าค่ะ จื่อหยวนจะปฏิบัติตามกฎเป็นอย่างดี ไม่กล้าฝ่าฝืนแม้แต่ครึ่งคำ”
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกรู้สึกแน่นหน้าอกเล็กน้อย แต่เมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็จะโมโหไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอันใดอีก
ท่าทางของผู้อาวุโสอวี๋จิ้งที่มีต่อเจียงจื่อหยวนก็ดีขึ้นมาก
“จื่อหยวน หลังจากช่วงเวลานี้ไป เจ้าลำบากหน่อยนะ”
เจียงจื่อหยวนอมยิ้ม
แต่นางไม่สนใจ และปล่อยมันไปเช่นนี้
แม้ว่าเขาว่านจงอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จะมีการคุ้มกันที่แน่นหนาอย่างมาก ปกติคนที่สามารถมาที่นี่ได้นั้นก็มีจำนวนน้อยมากอยู่แล้ว
แต่คนที่เดินทางไปมาในที่แห่งนี้ก็มีไม่น้อยเลย
อีกทั้งล้วนเป็นคนที่มีตำแหน่งในพระราชวังเมฆาสวรรค์
ในเมื่อมาแล้ว ก็จำเป็นจะต้องสร้างชื่อเสียงที่ดี
นางไม่สามารถออกไปผจญภัยข้างนอกได้อีกแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องคว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้!
และสำคัญไปมากกว่านั้น ทำเลที่ตั้งของเขาว่านจงแห่งนี้ดีอย่างยิ่ง ได้รอคอยอยู่ที่นี่ สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามจำนวนไม่น้อย
อย่างน้อยก็สามารถมองเห็นยอดเขาซู่หมิงที่อยู่ห่างออกไปอีกด้วย
…บนยอดเขาซู่หมิงคือสถานที่ตั้งของตำหนักสักการะเทพ ซึ่งเป็นห้องบรรทมของโอรสสวรรค์หรงซิว
และแน่นอนว่าตอนนี้เป็นสถานที่ประทับของพระชายา!
หลังจากนั่งคุกเข่าไปได้สักพัก เจียงจื่อหยวนก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ
เงาร่างสายหนึ่งที่คุ้นเคยเล็กน้อย ลอยออกมาจากทางยอดเขาซู่หมิง
เจียงจื่อหยวนหรี่ตามอง
เหมือนว่าคนผู้นั้นคือ… เยี่ยนชิง?
จริงสิ ช่วงเวลาที่หรงซิวกลับสำนักหลิงเซียว เหมือนว่าข้างกายของเขาจะไม่มีผู้ติดตามเลย
นางมองดูท่าทางรีบร้อนของเยี่ยนชิง เขาจะไปทำอันใดกันนะ?
เจียงจื่อหยวนมองไปทางนั้น สองมือกำหมัดกรอด
ซั่งกวนเยว่…
ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...