เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1457

ใครก็ตามที่มีสติปัญญา น่าจะเดาได้ว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติกับแหวนเฉียนคุนวงนี้!

ภายในจิตใจของฉู่หลิวเยว่กำลังปั่นป่วนอย่างรุนแรง

เมื่อคราที่นางตัดสินใจเดินทางออกมาจากพระราชวังเมฆาสวรรค์ นางมักจะใช้แหวนเฉียนคุนในการพรางตัว

เมื่อดูจากภายนอกแล้ว แหวนเฉียนคุนวงนี้ก็เหมือนจะเป็นเพียงแค่แหวนธรรมดาที่เขรอะไปด้วยฝุ่น

ถ้าหากพวกเขาไม่ได้สังเกตอย่างถี่ถ้วน คงไม่มีใครคิดว่า สิ่งที่สวมอยู่บนนิ้วมือของนางนั้น จะเป็นแหวนสูงศักดิ์อันเลอค่าแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์!

แต่ยามนี้ แหวนเฉียนคุนวงนี้กลับสามารถสกัดกั้นพลังของเหยาปินได้อย่างง่ายดาย…

ขณะเดียวกัน เหยาปินก็ได้สังเกตเห็นความผิดปกตินั้น พลันจ้องมองฉู่หลิวเยว่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

ดูเหมือนแหวนเฉียนคุนที่อยู่บนมือของฉู่เยว่นั้น จะไม่ใช่แหวนธรรมดาเป็นแน่…

ในใจเขารู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา พลันยกมือขึ้นแล้วปล่อยพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ออกไป!

พลังปราณศักดิ์สิทธิ์สายนั้น หลั่งไหลเข้าสู่แหวนหยกยุพราชอย่างรวดเร็ว!

ในครานั้น พลานุภาพค่อยๆ แข็งแกร่งยิ่งขึ้น! เสียงสายลมพัดหวนอื้ออึง!

ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ท่ามกลางวังวนแห่งความผันผวน ชายผ้าปลิวสะพัดไปตามแรงลม รู้สึกราวร่างกายกำลังถูกพลังอันบ้าคลั่งนั้นรัดไว้แน่น!

ก่อนจะตัดสินใจในทันที!

เปรี๊ยะ!

เกิดเสียงกะเทาะดังออกมา!

นางค่อยๆ ดึงพลังจากแหวนเฉียนคุนออกมาอย่างใจเย็น และพยายามปลดปล่อยป้ายไม้นั้นไปพร้อมๆ กัน!

ฟิ้วว!

ผู้คนต่างเห็นเพียงบางสิ่งบินออกมา!

ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ เดินโซซัดโซเซออกมาจากความผันผวนอย่างเงียบๆ

และขณะเดียวกัน นางก็ผนึกแหวนเฉียนคุนอีกครั้ง!

ภายในนั้นมีบางสิ่งที่มิอาจเปิดเผยให้ใครเห็นได้ซ่อนอยู่มากมาย…

เหยาปินเริ่มขยับตัว และเคลื่อนที่มาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พลันกำป้ายไม้นั่นไว้ในมืออย่างแน่นหนา!

จากนั้น เขาค่อยๆ สะบัดข้อมือ เพื่อเรียกแหวนหยกยุพราชคืนมา

เมื่อรู้สึกได้ว่าพลังที่ถูกกดทับไว้ ได้อันตรธานหายไปจนสิ้นแล้ว ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

ในสายตาของผู้คนที่ชมอยู่ เจ้าสิ่งนั้นไม่สามารถทนต่อพลังแห่งแหวนหยกยุพราชอันศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ จนกระทั่งถูกบีบออกมา

มิได้สังเกตเลยว่าใบหน้าของฉู่เยว่ดูซีดเซียวเพียงใด?

สรุปแล้วคงไม่มีใครรู้สึกสงสัยหรือค้างคาใจอันใดอีก

ยกเว้นเหยาปิน

สายตาของเขาจ้องมองไปที่ฉู่หลิวเยว่ด้วยความเคลือบแคลงใจ

ความรู้สึกของเขาเมื่อครู่นั้นไม่ผิดแน่

แหวนที่อยู่บนมือของฉู่เยว่วงนั้น คงไม่ใช่แค่แหวนธรรมดาทั่วไป…

แต่มันเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น

ดูสภาพฉู่เยว่ในตอนนี้สิ ไม่เห็นจะเหมือน…

หรือคงจะเป็นตัวเขาที่คิดมากไปเองจริงๆ?

ร่องรอยความรู้สึกที่ไม่ค่อยแน่ใจ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาในใจของเหยาปิน

“ท่านอ๋องเหยา เจ้าสิ่งที่ท่านกำลังถืออยู่คือกระไรหรือ?”

จู่ๆ มีเสียงหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ขัดจังหวะความคิดของเหยาปิน

เขาตั้งสติอีกครั้ง และแผนจัดการกับเรื่องนี้ก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันภายหลัง

สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือเรื่องถ้ำปีศาจทมิฬ!

ถึงก่อนหน้านี้เขาพอจะเดาได้ว่าเจ้าสิ่งนี้คืออันใด แต่หลังจากได้เห็นรูปเสาเทพยดาที่เขาเกลียดชังอย่างมากบนป้ายไม้นั้น ในใจของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้นและขุ่นเคืองไม่มีที่สิ้นสุด!

เขากำป้ายไม้นั่นแน่น แล้วหันมองไปที่ฉู่หลิวเยว่ในทันที

“ฉู่เยว่! นี่คือป้ายไม้จากถ้ำปีศาจทมิฬ! และมันอยู่ในระดับที่สูงมาก! หากเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับถ้ำปีศาจทมิฬจริงๆ เหตุใดถึงมีสิ่งนี้อยู่กับเจ้า!?”

เมื่อเขาได้เอ่ยปากออกไป ผู้คนก็ล้วนพากันส่งเสียงเกรียวกราว

ป้ายไม้ของถ้ำปีศาจทมิฬ!?

นั่นคือสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจครอบครองได้ มิใช่หรือ?

สิ่งนี้คือเครื่องยืนยันความสงสัยของพวกเขาต่อฉู่เยว่เมื่อครู่ก่อน ใช่หรือไม่!?

ฉู่หลิวเยว่มองไปที่ป้ายไม้นั้น พลางยิ้มอย่างฝืดเคือง

“ที่แท้ท่านก็พูดถึงสิ่งนี้นี่เอง…”

นางนวดคลึงปลายคิ้วเบาๆ

“ท่านลืมไปแล้วหรือว่า ข้าเพิ่งบอกไปว่าข้าเคยต่อสู้กับคนของพวกนั้นมาก่อน และป้ายไม้นี้ ก็ได้มาจากการต่อสู้ในครั้งนั้น”

แต่เหยาปินกลับไม่เชื่อ

“ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? เกรงว่าจะไม่ใช่แล้วกระมัง?”

“คนของถ้ำปีศาจทมิฬล้วนพกป้ายไม้นี้กันทั้งนั้น กล่าวได้ว่า นี่คือสัญลักษณ์บ่งบอกตัวตนของพวกเขา พลังยิ่งแข็งแกร่ง ระดับก็ยิ่งสูง ความสำคัญของป้ายไม้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่อยู่ในมือข้านั้น… สามารถใช้เรียกชื่อของบางสิ่งที่ดำรงอยู่ในถ้ำปีศาจทมิฬได้แน่นอน พูดตามตรง อย่างน้อยสิ่งนั้นก็คือผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง!”

“คนเช่นนี้ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ คงไม่มีทางปล่อยให้ป้ายไม้นี้ ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะศัตรูของข้า!”

“เจ้าบอกว่าเจ้าได้รับสิ่งนี้มาในครานั้น… นั่นมันหมายความว่าเจ้าได้ฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงของอีกฝ่ายไปแล้ว ใช่หรือไม่!?”

มุมปากของเหยาปินกระตุกเบาๆ รู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ซ่านขึ้นมาบนใบหน้าอันซูบเซียวของเขาจนแข็งทื่อ

“คำพูดเช่นนี้… ใครมันจะเชื่อ?”

ทั่วทั้งพื้นที่ตกอยู่ในความสงัด

เดาได้ไม่ยากว่า ฉู่เยว่น่าจะมีป้ายไม้นี้ก่อนที่เขาจะเดินทางเข้าสู่ยังบุพกาลชายแดนเหนือเสียอีก เนื่องจากตอนที่เขากลับมา เขาอาศัยอยู่ในสำนักหลิงเซียวมาโดยตลอด ไม่น่าจะมีโอกาสไปคว้าของสิ่งนี้มาได้

และเมื่อตอนที่เขาเข้าสู่บุพกาลชายแดนเหนือ เหมือนว่าเขาเพิ่งจะทะลวงสู่จอมยุทธ์ระดับแปดเองมิใช่หรือ?

พลังเช่นนี้… สังหารผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง…

มีแค่พวกช่างฝันเท่านั้นแหละ!

หากแต่เมื่อเผชิญกับคำถามที่กดดันของของเหยาปิน ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกใดๆ เลยแม้แต่น้อย

นางหัวเราะออกมาเบาๆ น้ำเสียงนั้นยังคงเรียบนิ่งเช่นเคย

“ท่านเหยา ดูเหมือนว่าท่านจะลืมไปเรื่องหนึ่ง ข้าเคยบอกไปแล้วว่า คนที่ข้าต่อสู้ด้วย ได้ออกจากถ้ำปีศาจทมิฬไปนานแล้ว ดังนั้น สำหรับเขาแล้ว ของสิ่งนี้คงจะ… ไม่ได้สำคัญอันใดหรอกกระมัง?”

เหยาปินกลับพูดไม่ออก คำพูดที่เหลือติดหงักอยู่ในลำคอ

นั่นสินะ ฉู่เยว่เคยพูดแบบนั้นจริงๆ

แต่ในตอนนั้น เขาไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้นเลยสักนิด

หากบุคคลผู้นั้นไม่ใช่คนของถ้ำปีศาจทมิฬแล้ว ป้ายไม้นี้ก็จะกลายเป็นสิ่งของไร้ค่าไปโดยปริยาย ไม่ควรค่าแก่การครอบครอง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์