ใครก็ตามที่มีสติปัญญา น่าจะเดาได้ว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติกับแหวนเฉียนคุนวงนี้!
ภายในจิตใจของฉู่หลิวเยว่กำลังปั่นป่วนอย่างรุนแรง
เมื่อคราที่นางตัดสินใจเดินทางออกมาจากพระราชวังเมฆาสวรรค์ นางมักจะใช้แหวนเฉียนคุนในการพรางตัว
เมื่อดูจากภายนอกแล้ว แหวนเฉียนคุนวงนี้ก็เหมือนจะเป็นเพียงแค่แหวนธรรมดาที่เขรอะไปด้วยฝุ่น
ถ้าหากพวกเขาไม่ได้สังเกตอย่างถี่ถ้วน คงไม่มีใครคิดว่า สิ่งที่สวมอยู่บนนิ้วมือของนางนั้น จะเป็นแหวนสูงศักดิ์อันเลอค่าแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์!
แต่ยามนี้ แหวนเฉียนคุนวงนี้กลับสามารถสกัดกั้นพลังของเหยาปินได้อย่างง่ายดาย…
ขณะเดียวกัน เหยาปินก็ได้สังเกตเห็นความผิดปกตินั้น พลันจ้องมองฉู่หลิวเยว่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
ดูเหมือนแหวนเฉียนคุนที่อยู่บนมือของฉู่เยว่นั้น จะไม่ใช่แหวนธรรมดาเป็นแน่…
ในใจเขารู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา พลันยกมือขึ้นแล้วปล่อยพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ออกไป!
พลังปราณศักดิ์สิทธิ์สายนั้น หลั่งไหลเข้าสู่แหวนหยกยุพราชอย่างรวดเร็ว!
ในครานั้น พลานุภาพค่อยๆ แข็งแกร่งยิ่งขึ้น! เสียงสายลมพัดหวนอื้ออึง!
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ท่ามกลางวังวนแห่งความผันผวน ชายผ้าปลิวสะพัดไปตามแรงลม รู้สึกราวร่างกายกำลังถูกพลังอันบ้าคลั่งนั้นรัดไว้แน่น!
ก่อนจะตัดสินใจในทันที!
เปรี๊ยะ!
เกิดเสียงกะเทาะดังออกมา!
นางค่อยๆ ดึงพลังจากแหวนเฉียนคุนออกมาอย่างใจเย็น และพยายามปลดปล่อยป้ายไม้นั้นไปพร้อมๆ กัน!
ฟิ้วว!
ผู้คนต่างเห็นเพียงบางสิ่งบินออกมา!
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ เดินโซซัดโซเซออกมาจากความผันผวนอย่างเงียบๆ
และขณะเดียวกัน นางก็ผนึกแหวนเฉียนคุนอีกครั้ง!
ภายในนั้นมีบางสิ่งที่มิอาจเปิดเผยให้ใครเห็นได้ซ่อนอยู่มากมาย…
เหยาปินเริ่มขยับตัว และเคลื่อนที่มาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พลันกำป้ายไม้นั่นไว้ในมืออย่างแน่นหนา!
จากนั้น เขาค่อยๆ สะบัดข้อมือ เพื่อเรียกแหวนหยกยุพราชคืนมา
เมื่อรู้สึกได้ว่าพลังที่ถูกกดทับไว้ ได้อันตรธานหายไปจนสิ้นแล้ว ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
ในสายตาของผู้คนที่ชมอยู่ เจ้าสิ่งนั้นไม่สามารถทนต่อพลังแห่งแหวนหยกยุพราชอันศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ จนกระทั่งถูกบีบออกมา
มิได้สังเกตเลยว่าใบหน้าของฉู่เยว่ดูซีดเซียวเพียงใด?
สรุปแล้วคงไม่มีใครรู้สึกสงสัยหรือค้างคาใจอันใดอีก
ยกเว้นเหยาปิน
สายตาของเขาจ้องมองไปที่ฉู่หลิวเยว่ด้วยความเคลือบแคลงใจ
ความรู้สึกของเขาเมื่อครู่นั้นไม่ผิดแน่
แหวนที่อยู่บนมือของฉู่เยว่วงนั้น คงไม่ใช่แค่แหวนธรรมดาทั่วไป…
แต่มันเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น
ดูสภาพฉู่เยว่ในตอนนี้สิ ไม่เห็นจะเหมือน…
หรือคงจะเป็นตัวเขาที่คิดมากไปเองจริงๆ?
ร่องรอยความรู้สึกที่ไม่ค่อยแน่ใจ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาในใจของเหยาปิน
“ท่านอ๋องเหยา เจ้าสิ่งที่ท่านกำลังถืออยู่คือกระไรหรือ?”
จู่ๆ มีเสียงหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ขัดจังหวะความคิดของเหยาปิน
เขาตั้งสติอีกครั้ง และแผนจัดการกับเรื่องนี้ก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันภายหลัง
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือเรื่องถ้ำปีศาจทมิฬ!
ถึงก่อนหน้านี้เขาพอจะเดาได้ว่าเจ้าสิ่งนี้คืออันใด แต่หลังจากได้เห็นรูปเสาเทพยดาที่เขาเกลียดชังอย่างมากบนป้ายไม้นั้น ในใจของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้นและขุ่นเคืองไม่มีที่สิ้นสุด!
เขากำป้ายไม้นั่นแน่น แล้วหันมองไปที่ฉู่หลิวเยว่ในทันที
“ฉู่เยว่! นี่คือป้ายไม้จากถ้ำปีศาจทมิฬ! และมันอยู่ในระดับที่สูงมาก! หากเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับถ้ำปีศาจทมิฬจริงๆ เหตุใดถึงมีสิ่งนี้อยู่กับเจ้า!?”
เมื่อเขาได้เอ่ยปากออกไป ผู้คนก็ล้วนพากันส่งเสียงเกรียวกราว
ป้ายไม้ของถ้ำปีศาจทมิฬ!?
นั่นคือสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจครอบครองได้ มิใช่หรือ?
สิ่งนี้คือเครื่องยืนยันความสงสัยของพวกเขาต่อฉู่เยว่เมื่อครู่ก่อน ใช่หรือไม่!?
ฉู่หลิวเยว่มองไปที่ป้ายไม้นั้น พลางยิ้มอย่างฝืดเคือง
“ที่แท้ท่านก็พูดถึงสิ่งนี้นี่เอง…”
นางนวดคลึงปลายคิ้วเบาๆ
“ท่านลืมไปแล้วหรือว่า ข้าเพิ่งบอกไปว่าข้าเคยต่อสู้กับคนของพวกนั้นมาก่อน และป้ายไม้นี้ ก็ได้มาจากการต่อสู้ในครั้งนั้น”
แต่เหยาปินกลับไม่เชื่อ
“ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? เกรงว่าจะไม่ใช่แล้วกระมัง?”
“คนของถ้ำปีศาจทมิฬล้วนพกป้ายไม้นี้กันทั้งนั้น กล่าวได้ว่า นี่คือสัญลักษณ์บ่งบอกตัวตนของพวกเขา พลังยิ่งแข็งแกร่ง ระดับก็ยิ่งสูง ความสำคัญของป้ายไม้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่อยู่ในมือข้านั้น… สามารถใช้เรียกชื่อของบางสิ่งที่ดำรงอยู่ในถ้ำปีศาจทมิฬได้แน่นอน พูดตามตรง อย่างน้อยสิ่งนั้นก็คือผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง!”
“คนเช่นนี้ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ คงไม่มีทางปล่อยให้ป้ายไม้นี้ ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะศัตรูของข้า!”
“เจ้าบอกว่าเจ้าได้รับสิ่งนี้มาในครานั้น… นั่นมันหมายความว่าเจ้าได้ฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงของอีกฝ่ายไปแล้ว ใช่หรือไม่!?”
มุมปากของเหยาปินกระตุกเบาๆ รู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ซ่านขึ้นมาบนใบหน้าอันซูบเซียวของเขาจนแข็งทื่อ
“คำพูดเช่นนี้… ใครมันจะเชื่อ?”
ทั่วทั้งพื้นที่ตกอยู่ในความสงัด
เดาได้ไม่ยากว่า ฉู่เยว่น่าจะมีป้ายไม้นี้ก่อนที่เขาจะเดินทางเข้าสู่ยังบุพกาลชายแดนเหนือเสียอีก เนื่องจากตอนที่เขากลับมา เขาอาศัยอยู่ในสำนักหลิงเซียวมาโดยตลอด ไม่น่าจะมีโอกาสไปคว้าของสิ่งนี้มาได้
และเมื่อตอนที่เขาเข้าสู่บุพกาลชายแดนเหนือ เหมือนว่าเขาเพิ่งจะทะลวงสู่จอมยุทธ์ระดับแปดเองมิใช่หรือ?
พลังเช่นนี้… สังหารผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง…
มีแค่พวกช่างฝันเท่านั้นแหละ!
หากแต่เมื่อเผชิญกับคำถามที่กดดันของของเหยาปิน ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกใดๆ เลยแม้แต่น้อย
นางหัวเราะออกมาเบาๆ น้ำเสียงนั้นยังคงเรียบนิ่งเช่นเคย
“ท่านเหยา ดูเหมือนว่าท่านจะลืมไปเรื่องหนึ่ง ข้าเคยบอกไปแล้วว่า คนที่ข้าต่อสู้ด้วย ได้ออกจากถ้ำปีศาจทมิฬไปนานแล้ว ดังนั้น สำหรับเขาแล้ว ของสิ่งนี้คงจะ… ไม่ได้สำคัญอันใดหรอกกระมัง?”
เหยาปินกลับพูดไม่ออก คำพูดที่เหลือติดหงักอยู่ในลำคอ
นั่นสินะ ฉู่เยว่เคยพูดแบบนั้นจริงๆ
แต่ในตอนนั้น เขาไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้นเลยสักนิด
หากบุคคลผู้นั้นไม่ใช่คนของถ้ำปีศาจทมิฬแล้ว ป้ายไม้นี้ก็จะกลายเป็นสิ่งของไร้ค่าไปโดยปริยาย ไม่ควรค่าแก่การครอบครอง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...