เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1481

หรงซิวปรายมองไป๋หลี่ฉุนพลางคลี่รอยยิ้มบางเบา

“ท่านประมุข แม้ตำแหน่งของท่านจะสูงส่ง แต่กฎเกณฑ์ของพระราชวังเมฆาสวรรค์ ล้วนเป็นบรรพชนก่อตั้งขึ้น มิอาจละเมิดได้ตามใจ ท่านว่าอย่างไรเล่า? ตราบที่เจียงจื่อหยวนเข้าข่ายหนึ่งในสองกรณีนี้ ข้าก็จะละเว้นโทษตายของนางให้”

สายตาของฝูงชนพลันแปลกประหลาดไปในบัดดล

จู่ๆ หรงซิวก็พูดขึ้นมาเช่นนี้ ย่อมมิใช่แค่กล่าวลอยๆ เป็นแน่

บัดนี้เจียงจื่อหยวนอายุเท่าไรแล้วหนอ?

ยามอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิตก็เป็นคุณหนูใหญ่ที่ถูกประคบประหงมตามใจ พรสวรรค์หรือก็พอมีอยู่บ้าง มาบัดนี้แน่นอนว่าตัวนางคนนั้นได้จากไปแล้ว

คนผู้หนึ่งที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว พูดอย่างไรก็ไม่เหมือนคนที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างความดีความชอบยิ่งใหญ่แก่พระราชวังเมฆาสวรรค์กระมัง?

เช่นนั้น…ก็เหลือแค่ข้อสองที่เป็นไปได้แล้ว

แต่ว่าแม้นเซียนสุ่ยหลิงจะเป็นหนึ่งในยี่สิบแปดกองกำลังที่สังกัดพระราชวังเมฆาสวรรค์ ทว่าระหว่างพวกเขาหาได้ความสัมพันธ์เกี่ยวดองกันทางสายเลือดไม่!

เจียงจื่อหยวนเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเจียงแบบนี้อยู่ดีๆ จะไปมีสายเลือดผู้สืบทอดสายตรงของพระราชวังเมฆาสวรรค์ได้อย่างไรกัน!

ไป๋หลี่ฉุนทั้งตื่นตกใจทั้งเคืองขุ่น

เขาจ้องหรงซิวเขม็ง คิดลอบสืบเอาเงื่อนงำเล็กน้อยจากดวงหน้าของเขา

หรือว่าเขาจะรู้อะไรเข้าแล้ว?

ไม่น่าใช่กระมัง!

เรื่องราวพวกนั้นจมกองฝุ่นมาหลายปีดีดัก คนที่รู้ก็ลาโลกไปแทบหมดแล้ว เหตุใดหรงซิวถึงได้…

ทว่าไป๋หลี่ฉุนมิกล้าฟันธงแต่อย่างใด

ดูจากท่าทีของหรงซิว หากมิมีหลักฐานที่แน่นหนา ย่อมไม่พูดออกมาได้เรียบง่ายปานนี้แน่!

แต่ว่า…

จะให้ยอมรับง่ายๆ ได้อย่างไรเล่า!

ไป๋หลี่ฉุนรู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งกดทับหน้าอกไว้ อึดอัดคับข้องเสียจนแทบหายใจไม่ออก

“พอพูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นมิใช่ว่ากรณีของคุณหนูใหญ่เจียง ดูจะไม่สอดคล้องกับทั้งสองกรณีเลยมิใช่หรือ?”

ฉู่หลิวเยว่เอ่ยเสียงค่อย มองเจียงจื่อหยวนที่หมดสติไปแล้วด้วยสายตาที่เศร้าโศกอยู่ไม่น้อย

“ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่เจียงเพิ่งจะอายุยี่สิบสองยี่สิบสาม เมื่อก่อนเป็นลูกรักสวรรค์อยู่ดีๆ ต้องมาตกต่ำเช่นนี้ ช่างน่าเศร้านัก…”

ไป๋หลี่ฉุนโมโหเสียจนหน้าแดงก่ำ!

เสแสร้งแกล้งทำนัก!

เกรงว่าคนพวกนี้จะตั้งหน้าตั้งตารอให้เจียงจื่อหยวนตายเร็วๆ สิไม่ว่า!

ก่อนหน้านี้บีบบังคับกันทุกวิถีทาง มาครานี้กลับทำตัวปากหวานก้นเปรี้ยวเช่นนี้ ช่างชวนให้รู้สึกรังเกียจโดยแท้!

หรงซิวยังคงมีสีหน้าราบเรียบ

“มารดาผู้ให้กำเนิดนางจากไปตั้งแต่นางยังเล็ก บัดนี้เจียงเฮ่อเทียนเองก็สิ้นแล้ว เหลือแค่นางตัวคนเดียวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเส้นลมปราณของนางขาดสะบั้น ชื่อเสียงป่นปี้ไม่มีชิ้นดี…”

สถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าการตายเป็นทางเดียวที่จะปลดปล่อยเจียงจื่อหยวนไปได้

ทว่าคำพูดเช่นนี้เป็นดั่งหนามแหลมที่ทิ่มแทงลงกลางใจไป๋หลี่ฉุนอย่างแรง

หรงซิวกล่าวว่า

“ท่านประมุข ข้ารู้ว่าหลายปีมานี้ท่านรักใคร่เอ็นดูเจียงจื่อหยวนมาแต่ไหนแต่ไร มิสู้…ท่านรีบหนีไปเสียตั้งแต่ตอนนี้?”

ระหว่างที่พูด เขาพลันก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง

ฝีเท้าก้าวนี้ประหนึ่งเหยียบลงใจกลางแผลสดของไป๋หลี่ฉุนอย่างไรอย่างนั้น

ฟางเส้นสุดท้ายในหัวของเขาพลันขาดสะบั้น!

“หยวนหยวนเป็นหลานในไส้ของข้า พวกเจ้าหน้าไหนเล่ากล้าแตะนาง!”

แม้นก่อนหน้านี้จะคนจำนวนไม่น้อยที่พอเดาได้ถึงเรื่องนี้ ทว่าตอนได้ยินไป๋หลี่ฉุนยอมรับเองกับหู ก็ยังคงสร้างแรงกระทบอย่างยิ่งยวดอยู่ดี!

ใครไม่รู้บ้างว่าประมุขแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ไป๋หลี่ฉุน ตลอดชีวิตหมกมุ่นอยู่กับการฝึกตน ไม่เคยแต่งงาน แล้วก็ไม่มีบุตรชายสืบทอดด้วย

คราที่พระราชวังเมฆาสวรรค์เกิดการแย่งชิงอำนาจตึงเครียดในหลายพื้นที่ เขาก็อาศัยฉวยใช้จุดนี้เอาชนะผู้อื่น ขึ้นครองตำแหน่งประมุขได้ในคราเดียว!

คำพูดที่เคยกล่าวในครานั้นคือ ตัวเขาไร้ซึ่งภรรยา หากเป็นประมุขแล้วไซร้ ย่อมสามารถทำตัวเที่ยงตรงยิ่งกว่าอะไรใดใด

พอมาตอนนี้ จู่ๆ เขากลับมาพูดว่าเจียงจื่อหยวนคือหลานสาวแท้ๆ ของตนอย่างนั้นหรือ!?

ช่างเป็นเรื่องมงคลที่ไร้เค้าลางมาก่อนเสียนี่กระไร!

หรงซิวชะงักฝีเท้า ริมฝีปากบางหยักยกวาดเป็นเส้นโค้งน้อยๆ

“อ้อ? ตลอดชีวิตท่านไม่เคยแต่งงานเลยสักครั้ง ไฉนถึงได้มีหลานสาวโผล่ออกมาเสียดื้อๆ เล่า? ท่านประมุข แม้ท่านจะอาลัยอาวรณ์ในตัวเจียงจื่อหยวน ก็ไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้ามาช่วยนาง สาดโคลนตมลงหัวตัวเองเช่นนี้หรอกกระมัง?”

ชื่อเสียงที่มีอยู่นี้ หายไปแล้วก็มิอาจเรียกกลับคืนมาได้อีก!

ไป๋หลี่ฉุนฟังแล้วขมับถึงกับปวดตุบตุบ เลือดกายในกายไหลวนเดือดพล่าน ประหนึ่งว่าแทบจะปะทุออกมาอยู่รอมร่อ!

คำพูดนี้ของหรงซิวช่างแทงใจดำคนโดยแท้!

แน่นอนว่าเขามิอาจพาบุตรสาวกลับพระราชวังเมฆาสวรรค์ด้วยได้

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตระเวนไปหลายต่อหลายที่ จากนั้นก็ส่งนางไปให้ครอบครัวหนึ่งเลี้ยงดู

ในระหว่างนั้น เขาก็ลอบดูแลนางอยู่ในที่ลับมาโดยตลอด

ด้วยเพราะรู้ว่านี่คือทายาทคนเดียวของเขาในชีวิตนี้ ดังนั้นเขาจึงรักใคร่เอ็นดูบุตรสาวคนนี้อย่างมาก

ภายหลังจึงคิดทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ จัดแจงให้นางตบแต่งเข้าสกุลเจียง

ต่อมา นางก็ให้กำเนิดเจียงจื่อหยวน

ทว่าน่าเศร้าที่ยามคลอดนางเสียเลือดเยอะเกินไป อยู่ได้แค่ปีกว่านางก็จากโลกนี้ไป

แล้วไป๋หลี่ฉุนจะไม่รักใคร่เอ็นดูหลานสาวผู้นี้ของตนได้หรือ?

ด้วยเหตุนี้ ครานั้นในที่สุดเขาก็เชื่อมั่นในตัวเองอย่างแรงกล้า ไม่สนใจคำติเตียนลับหลังใดๆ จากฝูงชน แล้วจัดการพาเจียงจื่อหยวนเข้าพระราชวังเมฆาสวรรค์ ให้นางเติบโตอยู่ข้างกายตน

ของกินของใช้แลเงินจับจ่ายใช้สอย ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามข้อกำหนดของคุณหนูผู้สืบทอดพระราชวังเมฆาสวรรค์ทั้งสิ้น

เริ่มแรกทุกคนยังรู้สึกว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าท่าทีของเขาแข็งกร้าวนัก จึงยากจะพูดอะไรออกไป

เพียงแต่เขาไร้ซึ่งบุตรชายสืบทอด ตัวคนเดียวเปล่าเปลี่ยว บางทีอาจถูกชะตากับเจียงจื่อหยวน ถึงได้ยืนกรานเช่นนี้

เวลาผ่านไปนานจนทุกคนชินชา จึงมิได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาอีก

เจียงจื่อหยวนที่ได้ยินคำพูดนี้ถึงกับนิ่งงันงงงวยไม่น้อยอยู่พักใหญ่

ทว่าในไม่ช้า นางก็จับประเด็นสำคัญได้

นางเป็นหลานสาวแท้ๆ ของไป๋หลี่ฉุน!

นางเป็นคุณหนูใหญ่แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ตัวจริง!

นางไม่ต้องตายแล้ว! ทั้งยังจะได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในภายหลังอีกด้วย!

สถานะนี้สูงศักดิ์แลมีเกียรติกว่าก่อนหน้านี้มากมิใช่หรือไร!

เจียงจื่อหยวนหลั่งน้ำตาอย่างตื่นเต้น มือกำชายเสื้อของไป๋หลี่ฉุนไว้แน่น

“ท่านตา…”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”

หรงซิวที่ยืนอยู่ข้างกันนั้นหัวเราะน้อยๆ

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็เริ่มทดสอบกันเลยเถิด”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์