เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1494

หนึ่งเค่อผ่านไป ฉู่หลิวเยว่ลูบที่แหวนเฉียนคุนของตนเองด้วยความพึงพอใจ

ความรู้สึกที่ได้รับของขวัญมา…

ดีจนไม่สามารถดีไปมากกว่านี้ได้แล้ว…

ไม่เพียงแต่ไม่ต้องมอบของขวัญกลับคืน และยังไม่ต้องแบกรับภาระใดๆ ทั้งสิ้น!

“ผู้อาวุโสทุกท่านใจกว้างเป็นอย่างมาก เยว่เออร์รู้สึกละอายที่จะรับของมาเป็นอย่างมาก”

ฉู่หลิวเยว่พูดออกมาอย่างทอดถอนใจ

ทุกคนลอบกัดฟันกรอด

รู้สึกละอายที่ได้รับสิ่งเหล่านี้หรือ?

เช่นนี้เจ้าอย่าเอาไปสิ!

แต่คนทั่วไปก็ล้วนมองออกว่า ตอนที่นางรับของมานั้นท่าทางมีความสุขอย่างมาก!

น่าเสียดายที่คำพูดนี้ไม่สามารถพูดออกไปได้

เนื่องจาก “ของขวัญ” นี้เป็นตัวแทนของคำขอโทษ ซึ่งถือว่าเป็นหนทางการประนีประนอมที่ดีที่สุดแล้วในปัจจุบัน

องค์ปฐมกษัตริย์เห็นว่าฉู่หลิวเยว่มีความสุข เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ก่อนจะหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง

“เยว่เออร์ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ล้วนเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของอาณาจักรเสิ่นซวี่ ทุกตระกูลล้วนมีรากฐานอันลึกซึ้ง! สำหรับพวกเขาแล้วของเหล่านี้ไม่นับว่าเป็นอันใดเลย! ไม่ต้องมาร้องครวญครางเช่นนี้ คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าพวกเจ้าตั้งใจหลอกลวงคน!”

ทุกคนกระอักเลือดออกมา

แล้วอย่างเจ้าไม่เรียกว่าหลอกลวงหรอกหรือ?

ตระกูลของพวกเขามีฐานะ แต่สิ่งที่มอบให้ไปนั้นล้วนเป็นสิ่งล้ำค่าที่หาได้ยาก!

นี่เท่ากับเป็นการเฉือนเนื้อของพวกเขาเลยนะ!

แต่พวกเขาจะมีหนทางอื่นหรืออย่างใด?

ไม่ต้องพูดถึงซั่งกวนเยว่ แต่ซั่งกวนจิ้งผู้นั้นกลับมีแววตาดุร้าย!

ไม่ว่าของที่มอบให้จะเป็นของดีหรือไม่ดี จะเป็นของถูกหรือแพง เขาแค่กวาดสายตามองก็มองออกแล้ว!

ดังนั้นในเวลานี้ยังจะมีใครกล้าล่วงเกินเขาด้วยการมอบสิ่งของคุณภาพต่ำให้อีกหรือ?

ต่อให้ปวดใจก็ต้องมอบทรัพย์สมบัติให้!

มอบก็ต้องมอบ!

ขอเพียงเรื่องวันนี้สามารถจบลงได้ก็พอแล้ว!

หลังจากเรื่องดำเนินไปสักพักหนึ่ง ในที่สุดก็มีคนขอตัวลา

ไม่ว่าอย่างใดก็ตามข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับฉู่หลิวเยว่นั้น วันนี้ล้วนได้รับการแก้ไขและคำอธิบายแล้ว

ต่อให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อไป มันก็ไม่มีประโยชน์อันใดขึ้นมา

หนึ่งในนั้นรวมถึงเหยาปินยังคงพยายามทำให้องค์ปฐมกษัตริย์พึงพอใจ

…ปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธที่ยังมีชีวิตอยู่ หากสามารถสานสัมพันธ์ได้ ก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างไม่สามารถจินตนาการได้เลย!

แต่เห็นได้ชัดว่าองค์ปฐมกษัตริย์ไม่มีความสนใจในด้านนี้ เขาเพียงแค่พูดไม่กี่คำและขับไล่คนเหล่านั้นออกไป

ความสัมพันธ์เพียงหนึ่งเดียวที่เขาให้ความสนใจ นั่นก็คือฉู่หลิวเยว่ แล้วเขาจะให้ความสนใจกับเรื่องอื่นได้อย่างใด?

เมื่อเหยาปินและคนอื่นๆ เห็นว่าความหวังในวันนี้มีเพียงริบหรี่ ภายในใจก็รู้สึกผิดหวัง และต้องจากไปด้วยความเสียดาย

เห็นได้ชัดว่าความโกรธของซั่งกวนจิ้งยังไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ การที่เมินเฉยต่อพวกเขานั้นก็เป็นเรื่องปกติแล้ว

บางที ต้องรอไปสักพักค่อยหาหนทางใหม่ก็ยังไม่สาย…

หลังจากนั้นไม่นานผู้คนที่อยู่ในจัตุรัสก็ต่างแยกย้ายกันออกไป

บรรยากาศบริเวณรอบข้างก็ค่อยๆ เย็นลง แต่กลับดูสงบสุขขึ้นมาไม่น้อย

เมื่อมองดูความว่างเปล่าของจัตุรัสอีกครั้ง ฉู่หลิวเยว่ก็ถอนหายใจออกมา

ในที่สุดก็จบลงแล้ว…

ก่อนหน้านี้ยังคงรู้สึกตึงเครียดอยู่ไม่จาง แต่ในตอนนี้นางก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก และความเหนื่อยล้าก็เข้าปกคลุม

นางไม่ใช่เทพเจ้าจะไม่ให้รู้สึกเหนื่อยล้าก็คงไม่ได้

ครั้งนี้นางต้องรับมือกับคนจำนวนมาก อีกทั้งคนเหล่านั้นยังมีฐานะไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังตัวและรอบคอบเป็นพิเศษ

ซึ่งเรื่องเหล่านี้สิ้นเปลืองกำลังกายและกำลังสมองไปมาก

ยังดีที่เรื่องทุกอย่างสามารถคลี่คลายได้อย่างราบรื่น

อีกทั้งในตอนสุดท้ายนางก็ยังได้ลาภก้อนโตมาด้วย

เรื่องนี้จึงทำให้นางมีความสุขไม่น้อย

“องค์ไท่จู่…”

ขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังพูดขึ้น เสียงที่คุ้นเคยให้ดังขึ้นมาจากด้านหลัง

“ผู้อาวุโสซั่งกวน”

ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง

“ผู้อาวุโสซั่งกวน ปั๋วเหยี่ยน ในเมื่อเรื่องนี้ก็จบลงแล้ว พวกเราก็กลับสำนักกันเลยดีหรือไม่?”

ผู้อาวุโสเหวินซีที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวเตือนขึ้น

หากจะให้ยืนอยู่ที่นี่ต่อไปเกรงว่าจะไม่เหมาะสม

“ถูกต้อง! พวกเรากลับกันก่อนเถอะ! วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เยว่เออร์… เองก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน”

ตอนที่พูดคำว่า “เยว่เออร์” ออกมา ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็ชะงักไปเล็กน้อย ความแปลกใจประกายวาบขึ้นในดวงตา

หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็กระตุกไป

เหมือนนางเองก็รู้ว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนคิดจะทำอันใด

“ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพูดได้ถูกต้อง องค์ไท่จู่ พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมา

องค์ปฐมกษัตริย์พยักหน้า แล้วลูบศีรษะของนาง

การละครที่ยอดเยี่ยมจึงได้สิ้นสุดลง

ทุกคนเดินทางกลับไปที่สำนัก เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ พวกเขาก็ยังรู้สึกโศกเศร้าใจเช่นเดิม

เดิมทีผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ อยากจะให้นางมาตอบคำถามบางประการ แต่องค์ปฐมกษัตริย์ก็ปฏิเสธ โดยบอกว่านางกำลังต้องการการพักผ่อน

ทุกคนจึงทำได้เพียงยอมแพ้ ก่อนจะปล่อยให้ฉู่หลิวเยว่ไปพักผ่อน

แน่นอนว่าองค์ปฐมกษัตริย์ต้องติดตามฉู่หลิวเยว่กลับมายังที่เขาจิ่วเหิงด้วย

หรงซิวเองก็ติดตามทั้งสองคนมาจนถึงหน้าประตู ในตอนที่เขากำลังจะเข้าไป องค์ปฐมกษัตริย์ก็หันหน้ากลับมา แล้วส่งสายตาสื่อความหมายให้กับเขา

“หรงซิว พวกเราสองปู่หลานมีเรื่องจะคุยกันเล็กน้อย”

นี่ถือเป็นการส่งแขกแล้ว

ตั้งแต่เขาได้รับตำแหน่งโอรสแห่งสวรรค์ เขาไม่เคยถูกคนไล่ให้อยู่หน้าประตูเช่นนี้เลย

แต่เหมือนว่านี่เป็นสิ่งที่โอรสแห่งสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ได้คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว เขาจึงรีบชะงักฝีเท้าทันทีแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ถ้าอย่างนั้นผู้เยาว์ก็ไม่ขอรบกวนท่านกับเยว่เออร์แล้ว หากมีคำสั่งอันใด สามารถสั่งการมาได้เลย”

หลังที่พูดจบเขาก็ถอยหลังลงไปจริงๆ มีเพียงดวงตาหงส์ที่เหลือบสายตามามองทางฉู่หลิวเยว่ด้วยแววตานุ่มลึก

องค์ปฐมกษัตริย์แค่นหัวเราะในใจเสียงเบา

อยากจะพาตัวเยว่เออร์ของพวกเราไป มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์