เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1507

เดิมทีนางคิดว่ายังมีม่านพลังขวางกั้น น่าจะสามารถรับประกันความปลอดภัยได้หลายส่วน

แต่ใครจะรู้เล่าว่าโหมวเหยาจะใช้วิธีการนี้ เขาใช้เกล็ดมังกรของตนเองเพียงแผ่นเดียว เปลี่ยนเป็นร่างที่แท้จริง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาบุกเข้ามาในสำนักหลิงเซียว ตอนนี้เขายังเริ่มโจมตีฉู่หลิวเยว่ทันทีโดยไม่กล่าวเตือนอันใดสักคำ!

แล้วสำนักหลิงเซียวจะไม่ตอบสนองอันใดเลยได้อย่างใด?

มังกรตัวนั้นปกคลุมด้วยเกล็ดสีม่วงทอง กรงเล็บสี่นิ้วที่แหลมคม แรงคุกคามหนักหน่วงจนทุกคนตกตะลึง

ดวงตาทั้งสองข้างนั้นเป็นสีดำเข้ม แล้วยังมีสีม่วงอ่อนแฝงอยู่จางๆ อีกด้วย ทำให้มีความรู้สึกลึกลับซับซ้อนอย่างยิ่ง

เย็นชา ราบเรียบ เฉยเมย!

ความเร็วของมันนั้นสูงมาก เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว มันก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่แล้ว!

ในขณะเดียวกันนั้นเอง มันก็ส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำและแฝงไปด้วยแรงกดดันออกมา!

“โฮก…”

ทันใดนั้นเองพลังที่น่ากลัวก็กระจายออกไปสี่ทิศแปดทาง อากาศที่อยู่โดยรอบของฉู่หลิวเยว่ถูกบีบอัดอย่างรุนแรง!

นางรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้น ในตอนนั้นเหมือนกับว่าพลังดั้งเดิมภายในร่างกายของนางโคจรช้าลง

วินาทีถัดมา พลังอันไร้รูปร่างที่หนักอึ้งก็เข้าครอบงำตัวของนาง!

ร่างของฉู่หลิวเยว่ลอยกระเด็นออกไปในทันที!

“เยว่เออร์ระวัง!”

ซั่งกวนจิ้งตกใจเป็นอย่างมาก

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าดวงตาของนางพร่าเลือน ร่างกายถอยหลังลงไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้

แต่อย่างใดก็ตามนางคงอยู่ในสภาวะนั้นได้ไม่นาน ในตอนนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งและนุ่มนวลมาประคองเอวของนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว พลังที่ช่วยเหลือนางเอาไว้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นนางก็ตกอยู่ในอ้อมกอดกว้างที่อบอุ่น

กลิ่นหอมเย็นที่คุ้นเคย ทำให้จิตใจของนางสงบยิ่งขึ้น

หันกลับไปมอง จากนั้นก็เห็นว่าเป็นหรงซิวที่กำลังมองไปด้านหน้าด้วยสายตาเย็นชา จิตสังหารพวยพุ่ง!

“ผู้อาวุโสโหมวเหยา ก่อนที่ท่านจะลงมือท่านจะต้องคิดทบทวนให้ดี! ตอนนี้เยว่เออร์เป็นพระชายาของพระราชวังเมฆาสวรรค์แล้ว หากท่านต้องการจะทำร้ายนางหรือสังหารนาง ดังนั้นความสัมพันธ์ของพระราชวังเมฆาสวรรค์กับท่านจะแตกหักกันโดยสิ้นเชิง!”

น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำมีพลัง ทุกถ้อยคำเหมือนกับอัสนีที่ผ่าลงมาจากท้องฟ้า!

รอบข้างเงียบกริบในทันที

เห็นชัดว่าทุกคนนั้นคิดไม่ถึงว่าหรงซิวจะพูดอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ แล้วยังใช้พระราชวังเมฆาสวรรค์ทั้งหมดมาเดิมพันด้วย!

ภายในแววตาของมังกรคู่นั้นมีประกายความตกใจ

“พระราชวังเมฆาสวรรค์? พระชายา?”

หลังจากที่โหมวเหยาทราบว่าซั่งกวนจิ้งยังมีชีวิตอยู่ เขาก็รีบนำคนมาสังหารอีกฝ่ายในทันที ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสสืบเสาะเรื่องราวต่างๆ

ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่า ฉู่หลิวเยว่มีฐานะเช่นนี้

ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ พระราชวังเมฆาสวรรค์ถือว่าเป็นตระกูลอันดับสูงสุด

ต่อให้จะเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างไท่ซวีเฟิ่งหลง ก็ยังต้องหวาดกลัวพวกเขาอยู่หลายส่วน

หากเป็นฐานะปกติก็แล้วไปเถอะ แต่ประเด็นสำคัญก็คือ… เขาคาดไม่ถึงว่าแม่นางคนนี้จะเป็นพระชายา!

เรื่องนี้อาจจะต้องยุ่งยากมากขึ้นแล้ว!

ในแววตาของโหมวเหยายังมีความกรุ่นโกรธที่พวยพุ่ง

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางได้ใช้โครงกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลง ดังนั้นนางจึงมีโทษประหาร! เรื่องนี้ไม่มีทางจบง่ายๆ แน่นอน!”

“วิธีพวกเราไม่มีความคิดที่จะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ!”

เมื่อซั่งกวนจิ้งเห็นว่าหรงซิวลงมือได้ทันเวลาพอดี และยังสามารถช่วยฉู่หลิวเยว่เอาไว้ได้ เขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“โหมวเหยา เรื่องนี้พวกเราต้องขอโทษเจ้าอย่างมาก และขอแสดงความจริงใจ พร้อมร่วมหาทางแก้ปัญหากับเจ้า แต่ถ้าหากเจ้ายังมีท่าทีที่แข็งกระด้างเช่นนี้ เช่นนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคุยกันอีกต่อไปแล้ว!”

“ผู้อาวุโสโหมวเหยา ข้าเคารพท่านด้วยฐานะสูงส่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยินยอมให้ท่านทำอันใดตามอำเภอใจภายในถิ่นของสำนักหลิงเซียว! หากท่านยังลงมืออีกครั้งแล้วละก็ พวกเราจะไม่นิ่งเฉยนั่งรอความตายแน่นอน!”

โหมวเหยารู้สึกโกรธจนแทบจะหายใจไม่ออก

คนของตระกูลซั่งกวนเป็นบ้ากันไปหมดแล้วใช่หรือไม่!

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นฝ่ายกระทำความผิด แต่เหตุใดน้ำเสียงยังคงวางตนเป็นเจ้านายอยู่เลย!

ความจริงแล้วในจุดนี้ ซั่งกวนเยว่ก็พูดได้ถูกต้อง

นางมีพระราชวังเมฆาสวรรค์และสำนักหลิงเซียวคอยปกป้องคุ้มภัยอยู่ หากต้องการจะเอาชีวิตนาง เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเป็นไปไม่ได้

ถ้าเช่นนั้น…

แน่นอนว่ามีเพียงต้องหาหนทางอื่นมาชดเชย!

“เช่นนั้นก็ดี! ในเมื่อเจ้าพูดแล้ว ข้าก็มีเพียงสองเงื่อนไข! ขอเพียงเจ้าสามารถทำตามได้ เรื่องนี้ก็ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน!”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า

“ท่านเชิญพูดมาได้เลย”

โหมวเหยาจ้องหน้านาง

“ข้อแรก เจ้าต้องคืนโครงกระดูกที่เหลือทั้งหมด รวมถึงนำกระดูกที่ใช้ไปกับร่างกายของอินทรีสามตาด้วย! ข้อสอง ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่เพื่อเป็นการลงโทษ เจ้าจำเป็นจะต้องรับการโจมตีของข้าสามกระบวนท่า! ขอเพียงเจ้าสามารถผ่านมันไปได้ บุญคุณความแค้นนี้เป็นอันจบสิ้น!”

ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้พูด ซั่งกวนจิ้งก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“โหมวเหยา! เจ้าอย่าให้มันเกินไปนัก! เจ้าอยู่ในระดับใด เยว่เออร์อยู่ในระดับใด? ให้เยว่เออร์รับการโจมตีของเจ้าสามกระบวนท่า นี่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าต้องการจะสังหารนางอย่างโจ่งแจ้งหรือ? หากเจ้าต้องการจะพูดคุย ก็พูดคุยกันดีๆ! ไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระเช่นนี้! มันจะเสียเวลาทุกคน!”

ซั่งกวนจิ้งโมโหขึ้นมาจริงๆ แล้ว

โหมวเหยาเป็นบุคคลสำคัญของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง ฐานะสูงส่ง ฝีมือแข็งแกร่ง

แต่ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่เพิ่งอยู่ในระดับเก้าขั้นกลางเท่านั้นเอง!

อย่าว่าแต่สามกระบวนท่าเลย เพียงแค่หนึ่งกระบวนท่า ก็เกรงว่า…

โหมวเหยาหัวเราะเสียงเย็น

“เหตุใด รับไม่ได้หรือ? อย่าลืมสิว่านางเป็นคนพูดออกมาเองนะ กล้าทำแล้วต้องกล้ารับ เมื่อครู่นี้ยังมีปณิธานอันยิ่งใหญ่ และตรงไปตรงมาอยู่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงหวาดกลัวเสียแล้วล่ะ? ข้าเองก็ระบุอย่างชัดเจนแล้ว หากพวกเจ้าจริงใจและต้องการปรับความเข้าใจจริงๆ เช่นนั้นก็รับเงื่อนไขนี้สิ! หากเจ้าไม่ต้องการ…”

“คำพูดที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ยังคงเป็นเช่นเดิม ข้านั้นจริงใจและต้องการปรับความเข้าใจจริงๆ”

ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตัดบทคำพูดของโหมวเหยา

“แต่ว่าทั้งสองเงื่อนไขนี้ ข้ารับปากเพียงเงื่อนไขข้อที่สองเท่านั้น จื่อเฉินเป็นอสูรในพันธสัญญาของข้า ในเมื่อข้าช่วยเขาฟื้นคืนกายเนื้อแล้ว ก็จะไม่ปล่อยให้ใครมาทำลายได้อีกเด็ดขาด ซึ่งข้าไม่ทำ ส่วนคนอื่น… ข้าก็ไม่อนุญาต!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์