เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1538

ในตอนนั้นเอง มือของฉู่หลิวเยว่พลันกระตุกกึกน้อยๆ

สีหน้าของหรงซิวพลันเปล่งประกาย สติกลับคืนมาในพริบตา ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมามองนาง

พริบตานั้นเอง แววตาดำมืดในก้นบึ้งของนัยน์ตาค่อยๆ หายวับไปอย่างเงียบงัน

เพียงแวบเดียวก็ฟื้นฟูความอ่อนโยนแลความเยือกเย็นที่มีไว้ใช้เพียงต่อหน้านางเท่านั้นขึ้นมาได้

นางยังมิได้ลืมตาขึ้น ดูแล้วก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาในตอนนี้ด้วย

ทว่าหรงซิวกลับมั่นใจอย่างมากว่าความรู้สึกนึกคิดของนางกำลังค่อยๆ ทยอยฟื้นฟูกลับมาแล้ว

เพียงแค่ว่าในตอนนี้ด้วยเพราะถูกเกล็ดน้ำแข็งจับตัวแช่แข็งไว้ ไร้หนทางขยับเขยื้อนร่างกาย จึงมิอาจทำเช่นนี้ได้

“เยว่เออร์”

หรงซิวกระชับมือนางไว้แน่น เกี่ยวรั้งนิ้วของนางเข้ามายังใจกลางฝ่ามือทีละน้อย

ประหนึ่งว่าทำเช่นนี้แล้วจะสามารถทำให้นางอบอุ่นขึ้นมาได้

สุ้มเสียงของเขาทุ้มต่ำเสนาะหู เจือด้วยความแหบพร่าเล็กน้อยจนแทบจับไม่ได้ ราวกับว่ากำลังสะกดกลั้นอันใดบางอย่างเอาไว้

“เยว่เออร์ ตื่นขึ้นมาเถิด”

ฉู่หลิวเยว่จำมิได้แล้วว่าความรู้สึกนึกคิดของนางพร่าเลือนไปนานเท่าไรแล้ว

ตั้งแต่ที่ไอเย็นเข้าสู่ร่างกาย ภายในร่างของนางก็ค่อยๆ จับตัวกันเป็นน้ำแข็ง ราวกับว่ากระทั่งสติเองก็เลือนรางตามไปด้วย

นางรู้สึกราวกับว่าตนเองลอยคว้างอยู่ในที่ว่างสีขาวไร้ที่สิ้นสุด ทั้งตัวนางเองก็มิรู้ว่าตนเองควรมุ่งหน้าไปทิศทางใดดี

ราวกับมิว่านางจะก้าวไปยังทิศทางใด ก็ล้วนไร้หนทางที่จะหลีกหนีออกไปจากที่นี่ได้

ความรู้สึกนึกคิดของนางไม่แน่ชัด จึงอยากพาตัวเองออกจากสถานการณ์แปลกประหลาดนี่เต็มทน

ทว่าภายในความมืดมิด ราวกับมีมือไร้รูปร่างจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังฉุดรั้งนางเอาไว้ไม่หยุดหย่อน ด้วยคิดจะลากนางกลับไปยังจุดเดิมอีกคราหนึ่ง

ในตอนที่นางเหนื่อยล้าจนทนไม่ไหว รู้สึกอยากจะยอมแพ้เต็มทน สุ้มเสียงอันคุ้นเคยสายหนึ่งพลันลอยแว่วเข้ามาจากที่ไกลแสนไกล

หรงซิว!

ฉู่หลิวเยว่ฟื้นได้สติขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น!

นางเริ่มพยายามดิ้นรนพาความรู้สึกนึกคิดของตนให้แจ้งชัดขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง ทว่าเปลือกตากลับหนักอึ้ง ทั่วทั้งร่างเองก็รู้สึกเย็นเยียบอย่างน่าใจหาย

นางมิรู้มาก่อนเลยว่าวันหนึ่งนางจะทำให้การเคลื่อนไหวอันง่ายดาย เช่นการลืมตายากเย็นถึงปานนี้

ทว่าเสียงเรียกอย่างต่อเนื่องของหรงซิวที่ลอยเข้าหูของนางเรื่อยๆ ทำให้นางเริ่มได้สติแจ่มชัดขึ้นมา

มิรู้ว่าเนิ่นนานเท่าใด ในที่สุดนางก็พบว่าภายในพื้นที่ว่างเปล่าสีขาวรอบตัวได้ปรากฏเปลวเพลิงสีทองเจิดจ้าขึ้นมา!

เปลวเพลิงสีทองได้แผ่เพลิงแผดเผาร้อนระอุขยายไปทั่วร่างกายของฉู่หลิวเยว่

เกล็ดน้ำแข็งสีเลือดละลายออกไปอย่างต่อเนื่อง

มือของนางเริ่มกลับมามีไออุ่นในท้ายที่สุด

หรงซิวเบนสายตาออก ก่อนจะหยุดลงบนเปลวเพลิงสีทอง คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากันน้อยๆ

พลังมหาศาลของไอเย็นสายนี้… แกร่งเกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้าเสียอีก

แม้นเปลวเพลิงสีทองนี้จะสามารถละลายเจ้าเกล็ดน้ำแข็งสีเลือดนี้ได้ก็ตาม หากแต่มันกลับสิ้นเปลืองพลังอย่างยิ่งยวด

ลำพังแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ พลังปราณดั้งเดิมภายในกายของเขาก็แห้งเหือดไปแล้วไม่น้อย

ทว่ามันยังคงช่วยละลายได้แค่มือของนางข้างเดียว

หากต้องการกำจัดเกล็ดน้ำแข็งทั่วทั้งร่างของนางแล้วละก็ เกรงว่าเขาต้องสูญเสียพลังของตนไปเกือบทั้งหมด

ทว่า ไอเย็นที่อยู่ด้านใต้นี้ไหลทะลักออกมาไม่หยุดหย่อน ในไม่ช้ามันก็จะได้เปรียบกว่าเขา

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่รู้ด้วยว่าตนต้องใช้เวลาอยู่ในนี้อีกนานเท่าใด

หากปล่อยให้ไอเย็นค้างคาไว้ภายในร่างกายของนางนานเกินไป อาจทำให้ร่างกายนางได้รับบาดเจ็บหนักก็เป็นได้

หากตอนนี้ร่างของนางได้รับความเสียหาย เช่นนั้นร่างศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตของนาง…

ทว่าแค่ค่ายกลกระสวยสวรรค์เริ่มเคลื่อนไหว ก็สามารถผ่าพวกมันออกเป็นส่วนๆ โดยไม่ให้สุ้มเสียงได้อย่างง่ายดาย

หรงซิวปรายตามองทั่วทั้งสี่ทิศ

เส้นโครงเหล่านี้กำลังเริ่มบีบล้อมเข้าใกล้คนทั้งสองมากขึ้นเรื่อยๆ!

เห็นได้ชัดเลยว่าเพื่อยับยั้งสิ่งที่อยู่ข้างใต้นี้เอาไว้ ค่ายกลกระสวยสวรรค์จึงคิดจะทำลายเขาหมื่นเมรัยทั้งลูกให้ราบเป็นหน้ากลองทั้งอย่างนั้น!

รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ทั้งหมดด้วย!

ทันใดนั้นเอง เขาก็เริ่มรู้สึกแน่นที่หน้าอก

ใจของเขากระตุกน้อยๆ ก่อนจะหลุบตาลงมองคนในอ้อมกอด

ร่างกายครึ่งหนึ่งของนางยังคงถูกแช่แข็งอยู่ในเกล็ดน้ำแข็งอย่างเก่า

เพียงแต่ตอนนี้เกล็ดน้ำแข็งได้ละลายมาถึงบริเวณหัวไหล่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แขนทั้งสองข้างของนางเองก็เป็นอิสระในที่สุด

นางเงื้อมือขึ้นจนเกือบแตะโดนหรงซิวโดยไม่รู้ตัว

มือข้างนี้ของนางถูกหรงซิวกุมเอาไว้ในมือเสียแนบแน่น มืออีกข้างของนางเงื้อขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะคว้าเอาเสื้อบริเวณอกของเขากำไว้แน่นก่อนจะดึงรั้งมันลงมา

พริบตานั้นเอง ราวกับว่าหรงซิวเข้าใจถึงความหมายของนางก็มิปาน

เขาหลุบสายตาลงมองด้านล่างน้อยๆ

บนก้อนหินที่แตกระแหง กระบี่ชื่อเซียวนอนแผ่อยู่บนนั้นอย่างเงียบงัน

หรงซิวเงื้อมือขึ้นมา เปลวเพลิงสีทองลอยแผ่ออกไป!

กระบี่ชื่อเซียวพลันลอยทะยานขึ้นมา!

หรงซิวคว้าเอากระบี่ชื่อเซียวมาถือไว้ในมือ!

ในตอนนั้นเอง เส้นโครงสีเงินที่อยู่บนกำแพงหินพลันพวยพุ่งเข้ามายังด้านหลังของฉู่หลิวเยว่!

จากนั้น เส้นโครงที่อยู่บริเวณโดยรอบก็ทยอยพุ่งออกมาจากใจกลางรอยแตกเช่นเดียวกัน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์