เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1557

“ยกเลิกพันธสัญญา! ขอขมาถึงหน้าประตู?”

คนทั้งหลายล้วนตื่นตะลึงกันทั่วถ้วน

เผ่าหงส์ทองคำทะนงตัวมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ยอมรับในพันธสัญญาของนางหนูเยว่เออร์กับหงส์ทองคำตัวนั้นเดิมก็เป็นเรื่องปกติ

แต่ข้อเรียกร้องข้อนี้ออกจะเกินไปหน่อยแล้ว!

“นี่ล้อกันเล่นหรืออย่างใด? สัตว์อสูรในพันธสัญญาของนางหนูเยว่เออร์ติดตามนางมาหลายปี ร่วมทางกันมาตั้งแต่ยังเป็นไก่ฟ้าเก้าสีจนบุกทะลวงกลายเป็นหงส์ทองคำ มาบัดนี้พวกมันบอกให้ยกเลิกก็ต้องยกเลิกอย่างนั้นหรือ? ช่างไร้สาระสิ้นดี!”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนที่มีอุปนิสัยอ่อนโยนมาโดยตลอดก็ขมวดคิ้วอย่างทนไม่ไหวเช่นกัน

ดูก็รู้ว่าระหว่างแม่หนูผู้นั้นกับเจ้าตัวกลมต่างฝ่าฟันความลำบากด้วยกันมาไม่น้อยกว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ได้

บัดนี้เผ่าหงส์ทองคำกลับส่งสารมาตามใจ บอกให้พวกเขายกเลิกพันธสัญญาเสีย มีที่ไหนในใต้หล้าบ้างที่ทำกันเช่นนี้!

ผู้อาวุโสเหวินซีลอบถอนใจ

หลังรู้ว่าผู้ส่งสารเป็นใคร ในใจของเขาก็บังเกิดความกังวลขึ้นมาน้อยๆ รู้สึกได้เลยว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับนางหนูเยว่เออร์อย่างแน่นอน

ทว่าคิดไม่ถึงเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะเอาแต่ใจไร้เหตุผลเช่นนี้

“เรื่องในสำนักที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พวกมันเองก็คงรู้หมดแล้ว แม้ถวนจื่อจะถือกำเนิดเป็นไก่ฟ้าเก้าสี ทว่าตอนนี้มันกลายเป็นหงส์ทองคำไปแล้วจริงๆ มันผู้นั้นจะออกหน้าจัดการย่อมเป็นเรื่องปกติ”

หนานซู่ไหวกล่าว

กำแพงมีหู ประตูมีช่อง ยิ่งไปกว่านั้นครานี้การเคลื่อนไหวของสำนักใหญ่โตเสียปานนั้น

แม้พวกเขาจะพยายามปิดข่าวสุดความสามารถ แต่บัดนี้เกรงว่าอาณาจักรเสิ่นซวี่คงรู้กันทั้งบางแล้ว

“แต่ไม่จำเป็นต้องมีท่าทีแข็งกร้าวขั้นนี้หรอกกระมัง?”

ผู้อาวุโสเหวินซีเอ่ยถามอย่างอดรนทนไม่ไหว

สารฉบับนี้ถูกเขียนส่งให้เจ้าสำนักโดยตรง แต่เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายมิคิดไว้หน้ากันเลยแม้แต่นิดเดียว

มิแปลกใจเลยว่ายามเจ้าสำนักอ่านสารจบ สีหน้าถึงได้เย็นเยียบลงแบบนั้น

“…คราก่อนโหมวเหยาเคยประสบพบเจอความลำบากในเขตของพวกเรามาไม่น้อย ไหนจะยังมีเรื่องของมันอีก”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเอ่ยเดาออกมา

มิอาจโทษเขาได้เรื่องแผนสมคบคิดที่ว่า เพียงแต่โหมวเหยาผู้นั้นโอหังเสียยิ่งกว่าอะไร ทั้งยังจิตใจคับแคบนัก เรื่องราวคราก่อนย่อมมิอาจปล่อยผ่านได้ขนาดนั้น

หนานซู่ไหวผงกศีรษะรับ

“ไท่ซวีเฟิ่งหลงกับหงส์ทองคำเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลสองเผ่าใหญ่ ความสัมพันธ์ระหว่างสองเผ่านับว่าเบาบางมาแต่ไหนแต่ไร แม้จะไม่ได้แตกหักกันซึ่งหน้า แต่กลับมีการตีกันในที่ลับอยู่ไม่น้อย สำหรับพวกมันแล้ว สายเลือดของเผ่าทำพันธสัญญากับมนุษย์ย่อมมิใช่เรื่องน่าเชิดชูอันใด ถึงขั้นนับได้ว่าเป็นจุดด่างพร้อยได้เลยด้วยซ้ำ”

“ตอนนี้ข่าวนางหนูเยว่เออร์ทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำย่อมกระจายออกไปเป็นแน่แล้ว จุดสำคัญอยู่ที่ว่านอกจากนี้แล้ว นางยังทำพันธสัญญากับอินทรีสามตาอีกด้วย”

คนธรรมดายามได้ยินเรื่องแบบนี้ ความคิดแรกที่ผ่านเข้าหัวมาย่อมต้องตกตะลึงและสงสัยใคร่รู้

อย่างไรเสียการทำพันธะกับอสูรศักดิ์สิทธิ์สองตัวในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องที่หาได้ยากอยู่แล้ว

ทว่าถ้าลอยไปถึงหูเผ่าหงส์ทองคำเมื่อไร ย่อมมิใช่เรื่องดีอะไรแน่

“เผ่าหงส์ทองคำคงถูกเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงหัวเราะเยาะมาเพราะเรื่องนี้เป็นแน่”

ดังนั้น ท่าทีของพวกมันจึงออกมาแข็งกร้าวเช่นนี้

คนทั้งหลายต่างเงียบเสียงลงโดยพลัน

คำพูดนี้ของหนานซู่ไหวใช่ว่าจะไร้เหตุผลเสียทีเดียว

“มิต้องพูดถึงเยว่เออร์เลย เรื่องนี้เป็นข้าก็ไม่มีทางตอบรับ”

ซั่งกวนจิ้งพลันเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าสีหน้ากลับหนักแน่นอย่างมาก

อีกฝ่ายมิได้มองฉู่หลิวเยว่อยู่ในสายตาแต่แรกแล้ว!

ช่างอัปยศอดสูเสียนี่กระไร!

“ผู้อาวุโสซั่งกวนโปรดวางใจ เยว่เออร์เป็นศิษย์ของข้า เรื่องครานี้ข้ากับท่านมีจุดยืนเดียวกัน”

หนานซู่ไหวคลายสีหน้าลงโดยพลัน

“ข้าจะตอบสารกลับไปคุยกับพวกมันให้รู้เรื่องด้วยตัวเอง! เรื่องนี้มิอาจเจรจาด้วยได้เด็ดขาด!”

ตอนนี้นางหนูเยว่เออร์ยังคงหมดสติ ฝั่งหงส์ทองคำกลับเขียนสารเช่นนี้มา นับว่ารังแกกันเกินไปแล้ว!

“ข้าไปเอง”

สุ้มเสียงติดแหบพร่าน้อยๆ พลันแว่วดังขึ้นมาจากด้านข้าง

คนทั้งหลายต่างหันศีรษะไปมองอย่างตื่นตกใจ พบว่าประตูเรือนถูกคนเปิดออก เงาร่างเพรียวเบาเดินสาวเท้าออกมาหยุดยืนอยู่ที่บานประตู

เป็นฉู่หลิวเยว่นั่นเอง

แววตาหรงซิวสั่นไหวน้อยๆ เขารีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาเป็นคนแรก

ฝีเท้าของเขาไม่รีบร้อน หากแต่ความเร็วกลับว่องไวนัก

เวลาชั่วพริบตา คนก็ไปถึงหน้าประตูแล้ว

“ขอบคุณองค์ไท่จู่และท่านอาวุโสทั้งหลายที่เป็นห่วง เยว่เออร์ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ”

ความจริงนางรู้สึกตัวตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว เพียงแต่ร่างกายอ่อนล้าเกินไป จึงมิอาจตื่นขึ้นมาได้

บัดนี้รักษาตัวจนใกล้หายดีแล้วถึงสามารถยันตัวลุกขึ้นมาได้

“เช่นนั้นก็ดี!”

หนานซู่ไหวถอนใจแผ่วเบา สายตาที่มองนางเปี่ยมด้วยความเอ็นดูถึงที่สุด

“ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”

ในใจของฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกอุ่นวาบ นางส่ายศีรษะ

“ความจริง ต้องบอกว่าข้าต่างหากที่ลากสำนักมาเกี่ยวข้องด้วย…”

หนานซู่ไหวเบิกตากว้าง

“นางหนูนี่ พูดจาไร้สาระอันใดออกมากัน!”

ใครจะกล้าพูดเล่าว่าครานี้เป็นเพราะลูกศิษย์สุดที่รักของเขา หนานซู่ไหวที่ก่อเรื่อง เขาไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด!

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ รู้ว่าต่อหน้าอาจารย์ย่อมมิอาจพูดเรื่องนี้ออกมาได้ จึงกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไปจนสิ้น

หรงซิวรู้ถึงความคิดของนางก็พลันหัวเราะออกมาเสียงเบา

“ทุกสิ่งทุกอย่างในสำนักเริ่มกลับเข้าที่ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป”

ฉู่หลิวเยว่ถึงได้วางใจจริงๆ เสียที

นางพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ได้รับผลลัพธ์ตอบกลับมาเช่นวันนี้ นางก็นับว่าไร้สิ่งใดให้เสียใจแล้ว

ฉู่หลิวเยว่หยุดชะงักไปพักหนึ่ง จากนั้นก็หันมองหนานซู่ไหวอีกครา

“ท่านอาจารย์ บนสารได้เขียนบอกวันเวลาไว้หรือไม่?”

หนานซู่ไหวตะลึงไปครู่หนึ่ง ถึงรู้สึกตัวว่านางกำลังถามเรื่องอะไร จึงขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นอย่างอดไม่อยู่

เดิมเขาคิดจะปฏิเสธไปตรงๆ ทว่ายามมองเห็นสีหน้าของฉู่หลิวเยว่แล้วพลันบังเกิดความลังเลขึ้นมาเสียได้

“เจ้า…คิดจะไปจริงหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า

“ถวนจื่อเป็นสัตว์อสูรในพันธะของข้า แต่ก็เป็นสัตว์ในเผ่าหงส์ทองคำด้วย รอบนี้ข้าไม่ไปไม่ได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์