อี้เหวินจั๋วเหลือบสายตาหันกลับไปมอง ในแววตามีความสงสัยอยู่เล็กน้อย
ซั่งกวนเยว่น่าจะเพิ่งฟื้นได้ไม่นาน ตามหลักการแล้วหนานซู่ไหวและพวกน่าจะต้องพะเน้าพะนอนางอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงปล่อยให้นางมาที่นี่คนเดียว?
อีกทั้งตอนนี้ยังมาตามหาจวินจิ่วชิง
“ก่อนหน้านี้พวกเราเคยมีความขัดแย้งกันมาก่อน และยังไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ เพื่ออธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ชัดเจน”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“นี่คือถิ่นของท่าน ท่านไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อข้าอยู่ที่นี่ข้าจะทำอันใดได้เล่า?”
นี่นางกำลังกระทบกระเทียบใคร?
สีหน้าของอี้เหวินจั๋วเย็นชามากยิ่งขึ้น
“พวกเจ้าไปคุยกันให้ชัดเจนไป”
เมื่อพูดจบ เขาก็เหลือบสายตามองจวินจิ่วชิงอย่างสื่อความหมาย
“อย่าล่าช้า เสร็จแล้วก็รีบกลับไปฝึกซ้อม”
จวินจิ่วชิงพยักหน้าแล้วตอบรับ
“ขอรับ”
…
ภายในห้อง ฉู่หลิวเยว่และจวินจิ่วชิงกำลังนั่งเผชิญหน้ากัน
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดอยู่ แต่ว่าภายในห้องมีม่านพลังปกคลุมอยู่หนึ่งชั้น ทั้งสองคนจึงไม่กังวลว่าจะมีคนอื่นได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกัน
บรรยากาศเย็นยะเยือก อากาศเหมือนถูกแช่แข็ง
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมา
“จวินจิ่วชิง ส่งบิดาของข้ากลับมาเสียดีๆ บุญคุณความแค้นระหว่างข้าและเจ้า สามารถหลบล้างไปได้ในครั้งนี้”
จวินจิ่วชิงรู้ดีว่าที่นางมาที่นี่ก็เพื่อเรื่องนี้
เมื่อได้ยินดังนี้ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างรวดเร็ว สีหน้ากลับสงบราบเรียบ
“ข้าไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ใด”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เย็นชาขึ้นมาในทันใด!
นางยืดเหยียดหลังตรง ไหล่ผึ่งผาย ดวงตาดำขลับเหมือนหยกดำ แล้วจ้องไปที่จวินจิ่วชิงตาเขม็ง
ทันใดนั้นเองมุมปากของนางก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นๆ
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่อยากพูดคุยกับข้าด้วยความสันติ”
“ข้าไม่ทราบจริงๆ”
จวินจิ่วชิงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาที่ลึกล้ำแฝงไปด้วยความไม่แยแส ระลอกคลื่นที่ไม่อาจคาดเดาพัดเข้ามา
“ตอนแรกข้าก็จะพาเขาไป เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้ากลับมา แต่ในเมื่อตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว อีกทั้งความทรงจำยังฟื้นคืน เช่นนั้นสำหรับข้าแล้ว เขาก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีกต่อไป ข้าจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบังเจ้า”
ดูจากสีหน้าของจวินจิ่วชิงแล้ว หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็ดำดิ่ง
“ในตอนแรกข้าให้คนพาเขาไปที่สุสานสังหารเทพ…”
ฉู่หลิวเยว่หน้าเปลี่ยนสีในทันที
“จวินจิ่วชิง!”
สุสานสังหารเทพ!
นั่นเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อันตรายที่สุดของอาณาจักรเสิ่นซวี่!
ด้วยระดับฝีมือของฉู่หนิงแล้ว เขาไปที่นั่นมีโอกาสรอดเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น!
จวินจิ่วชิงยกมือขึ้น
“วางใจเถอะ เป็นเพียงแค่รอบนอกเท่านั้นไม่อันตรายถึงชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ส่งคนไปคอยสอดส่องอยู่ตลอด ข้าจะเอาชีวิตของเขาไปเหตุใด?”
ฉู่หลิวเยว่สะกดกลั้นเพลิงโทสะที่พุ่งพล่านภายในใจลง
แม้ว่านางจะไม่ชอบพูดคุยและติดต่อกับจวินจิ่วชิง แต่ก็ต้องยอมรับว่า คำพูดของเขานั้นใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
ในตอนแรกเขาเพียงแค่ใช้ฉู่หนิงมาข่มขู่นาง
ดังนั้นเขาจึงจะต้องระมัดระวังรักษาชีวิตของฉู่หนิงให้ดี
“ในเมื่อเจ้าให้คนส่งเขาไปที่สุสานสังหารเทพ แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงพูดว่าไม่รู้เสียแล้วล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่ถามออกมาอย่างช้าๆ ชัดๆ
จวินจิ่วชิงหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“คำถามนี้ เจ้าควรจะไปถามฉู่หนิงหรือบางทีอาจจะเป็นตัวเจ้าเอง”
ฉู่หลิวเยว่ผงะไป
จวินจิ่วชิงพูดต่อว่า
“หลังจากคนของข้าไปส่งฉู่หนิงที่สุสานสังหารเทพแล้ว ก็ยังดีๆ อยู่ แต่เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ในค่ำคืนหนึ่ง คนของข้าก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด ฉู่หนิงหายตัวไป”
“นั่นก็เป็นวันที่เจ้าเรียกอาณาเขตเซียนเทพกลับมา และเป็นวันเดียวกับความทรงจำของเจ้าฟื้นคืน”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตามอง
“จริงหรือ?”
หลังจากผ่านไปสักพักฉู่หลิวเยว่ก็ถามขึ้นมาว่า
“ตอนที่ข้าออกจากสำนักมา คนที่รู้เรื่องนี้มีจำนวนไม่มาก แม้กระทั่งหรงซิวก็ยังมารู้ในภายหลัง แต่เจ้า… รู้เรื่องนี้ได้อย่างใด?”
ภายในห้องปกคลุมด้วยบรรยากาศเย็นๆ ทุกอย่างหยุดนิ่ง
จวินจิ่วชิงออกมาด้วยความชั่วร้ายและท่าทางกำเริบเสิบสาน
“ข้ามีวิธีของข้าเอง”
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าถามต่อไปก็คงไม่ได้คำตอบ ดังนั้นจึงหมุนตัวเดินจากไป
จนกระทั่งร่างของนางหายไปจากครรลองสายตา รอยยิ้มบนใบหน้าของจวินจิ่วชิงจึงได้จางลง
เขาหลับตาลงแล้วนั่งอยู่ที่เดิมสักพักหนึ่ง อากาศรอบกายถูกกดจนมีอุณหภูมิต่ำ
หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปทางห้องของอี้เหวินจั๋ว
…
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว้าวุ่นใจอยู่เล็กน้อย
เดิมทีนางคิดว่า หากได้พบกับจวินจิ่วชิงแล้ว จะสามารถทำให้เขาส่งท่านพ่อกลับมาได้
คิดไม่ถึงเลยว่าระหว่างนี้เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ครั้งที่แล้วนางกับท่านพ่อได้ขาดการติดต่อไป ตอนนี้ก็ไม่มีข่าวคราวอันใดเลยแม้แต่น้อย
ต่อให้เขาจะยังอยู่ที่สุสานสังหารเทพ แต่ที่แห่งนั้นกว้างขวางเป็นอย่างมาก เป็นความเวิ้งว้างอันไร้ที่สิ้นสุด เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร
หลังจากกลับมาที่เขาจิ่วเหิง เดิมทีฉู่หลิวเยว่คิดว่าจะมาปรึกษากับหรงซิว แต่กลับพบว่าหรงซิวไม่อยู่
เขาน่าจะอยู่ที่หอระฆังบูรพกษัตริย์…
ฉู่หลิวเยว่คิดได้เช่นนั้น จึงเดินกลับเข้าไปที่ห้องพักของตนเอง
ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาที่บานหน้าต่าง ภายในห้องมีเพียงแสงสีทองเรืองรอง
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็ยังนึกถึงเบาะแสอันใดไม่ออก ดังนั้นจึงต้องพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
นางกลั้นลมหายใจแล้วหลับตาลง
ไข่มุกธารางดงามที่ลอยอยู่ภายในตันเถียนอย่างสงบนิ่ง
ขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังครุ่นคิด ไข่มุกธาราเม็ดนั้นก็เปลี่ยนรูปร่างไป ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นหน้ากระดาษที่ไม่สมบูรณ์แผ่นหนึ่ง
มันทั้งกระจ่างใส โปร่งแสง และเปล่งประกาย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...