พรึ่บ!
กระแสเสียงแหวกอากาศออกมา ร่างกายของถวนจื่อเปล่งประกาย ทันใดนั้นเองร่างกายที่มีขนาดเล็กก็ขยายร่างขึ้น!
ปีกสยายขึ้น ลมพายุโหมกระหน่ำ!
มันพุ่งตรงไปยังทิศทางด้านหน้า!
เปลวเพลิงสีทองชาด ลุกโชนขึ้นรอบกายของมัน!
ในวินาทีต่อมา เปลวเพลิงเหล่านั้นก็ปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่ง คาดไม่ถึงว่าจะควบแน่นกลายเป็นกำแพงเพลิง ขวางกั้นคลื่นยักษ์ที่สาดซัดเข้ามา!
เปลวเพลิงกับน้ำทะเลปะทะกันจนเกิดเสียงกึกก้องกัมปนาท!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่น้ำทะเลธรรมดา ภายในนั้นยังแฝงด้วยแรงกดดันอันเข้มข้น!
ถวนจื่อเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บ หากจะต้องรับมือกับการโจมตีนี้เห็นทีว่าจะไม่ง่าย
ทันใดนั้นเองถวนจื่อก็เปลี่ยนทิศทาง คาดไม่ถึงว่ามันจะพุ่งตรงเข้าไปในคลื่นยักษ์นั้น!
เงาร่างสีทองชาดเคลื่อนตัวพุ่งผ่านไป!
ทันใดนั้นคลื่นลมก็ถูกฉีกเป็นชิ้น
อีกทั้งในตำแหน่งตรงกลางก็มีเปลวเพลิงเริ่มเผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง!
น้ำทะเลเริ่มระเหยอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปไม่นานคลื่นก็ถดถอย ผิวน้ำค่อยๆ กลับมาสงบ
ถวนจื่อบินกลับไปอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่ และขวางนางไว้ด้านหลังเช่นเดิม
“พลังแห่งสายเลือดนับว่าไม่เลวเลย”
กระแสเสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกับกำลังประเมินถวนจื่อ
ภายในเสียงนั้นแฝงไปด้วยความประหลาดใจที่ยากจะมองออก
“เจ้าไม่ใช่หงส์ทองคำแต่กำเนิด แน่นอนว่าพลังและสายเลือดจะด้อยกว่าพวกเราหนึ่งขั้น ยิ่งไปกว่านั้นฐานะของเจ้า เดิมทีก็มาจากไก่ฟ้าเก้าสี ที่สามารถทะลวงด่านมาจนวันนี้ได้ ก็ถือว่าเจ้าดวงดีอย่างมาก แต่ว่าหากเจ้าต้องการกลับเข้ามาในเผ่า ไม่ใช่ว่าแค่สามารถทะลวงด่านแล้วจะเข้ามาได้”
น้ำเสียงนั้นยังดูสูงส่งเช่นเดิม
ความคิดของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปในทันที นั่นก็หมายความว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้ อีกฝ่ายทำการทดสอบพลังของถวน
จื่อเพียงเท่านั้น
เผ่าหงส์ทองคำให้ความสำคัญกับสายเลือดเป็นอย่างมาก
ถ้าไม่ใช่หงส์ทองคำแต่กำเนิด แต่เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ชนิดอื่นทะลวงด่านเข้ามา ความจริงแล้วในที่แห่งนี้ก็จะถูกเลือกปฏิบัติ
ความจริงแล้วตั้งแต่แรกเริ่มแม้กระทั่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ถวนจื่อก็ยังไม่ใช่
ในสายตาของพวกมัน จึงดูถูกดูแคลนถวนจื่อมากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อถวนจื่อแสดงฝีมือออกมา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีความประหลาดใจเล็กน้อย
เรื่องเหล่านี้ความจริงแล้วฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจอันใดมาก
สายตาอันเสียบคมของฉู่หลิวเยว่กลับมองเห็นบาดแผลสองจุดบนร่างกายของมัน และในตอนนี้เลือดกำลังไหลออกมาอย่างเชื่องช้า
นางขมวดคิ้วแน่นเป็นปม สายตาเย็นชาประกายวาบ
นางยังไม่ทันได้เข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง แต่ถวนจื่อกลับได้รับบาดเจ็บแล้ว
หากเข้าไปถึงด้านในก็ไม่ทราบว่าจะมีสถานการณ์อย่างใดบ้าง
การมาในครั้งนี้เกรงว่า…จะยากลำบากกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้มาก
“ซั่งกวนเยว่ เจ้าจะหลบอยู่ด้านหลังอย่างขลาดเขลาเช่นนี้น่ะหรือ?”
ในน้ำเสียงนั้นแฝงด้วยการประชดประชันอย่างชัดเจน
“หากเจ้ากล้า เจ้าก็ออกมาเองเลยสิ!”
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันมองทางถวนจื่อ
“ถวนจื่อ มานี่”
ถวนจื่อไม่ขยับเขยื้อน
“เชื่อฟังหน่อย”
ฉู่หลิวเยว่กดเสียงลงต่ำเล็กน้อย ถวนจื่อถึงได้หันกลับไปมอง และถอยไปด้านหลังอย่างไม่เต็มใจ
นางสาวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว และลูบตัวของถวนจื่ออย่างอ่อนโยน
“ผู้อาวุโสพูดได้ถูกต้อง ในเมื่อเจ้าเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของข้า เช่นนั้นข้าก็จะต้องรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่าง”
แววตาของถวนจื่อมีประกายวูบไหว จากนั้นมันก็ก้มหัวแล้วถูไถฝ่ามือของนาง
…
ทันทีที่ฉู่หลิวเยว่เหยียบลงบนสะพานน้ำแข็ง นางก็สามารถรู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากใต้ฝ่าเท้า!
นางหลุบสายตาลงมอง
ภายในน้ำแข็งที่โปร่งแสงและกระจ่างใส มีดวงดาวสีทองชาดกลายเป็นเปลวเพลิงและระเบิดอย่างต่อเนื่อง!
อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว ซึ่งต้นกำเนิดก็มาจากสิ่งนี้!
นางชะงักฝีเท้าชั่วคราว รอบกายของนางก็มีเปลวเพลิงสีทองชาดปะทุขึ้นมา!
แน่นอนว่าเป็นเปลวเพลิงของถวนจื่อ
เมื่อมีเปลวเพลิงคุ้มครองหนึ่งชั้น ความเจ็บปวดที่ใต้ฝ่าเท้าของนางก็ถูกขวางกั้นอยู่ด้านนอก
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย นางก้าวเดินอย่างต่อเนื่อง
ฝีเท้าของนางไม่เร็ว แต่กลับหนักแน่นมั่นคงเป็นอย่างมาก
แต่ละก้าวนั้นเหมือนกับมีน้ำหนักนับพันชั่งเหยียบลงที่สะพานน้ำแข็ง
ยืนหยัด หนักแน่น ก้าวไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง!
…
ภายในตำหนักที่สง่างามเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
ชายชราผู้หนึ่งยืนอยู่ตำแหน่งตรงกลางท้องพระโรง พร้อมเอามือไพล่หลังเอาไว้
ด้านหน้าของเขามีลูกบอลแสงขนาดยักษ์ลอยอยู่
ภายในลูกบอลแสงนั้นคือภาพมายาที่ปรากฏขึ้น
ท้องทะเลกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา แม่นางคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า
ด้านหลังของนางนั้นมีหงส์ทองคำตัวหนึ่งติดตามมาอย่างใกล้ชิด
“ในฐานะที่เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล การที่จะเคารพนอบน้อมมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัปยศอดสูอย่างยิ่ง น่าขายหน้าเสียจริง! ท่านประมุข ก่อนหน้านี้มันเป็นเพียงไก่ฟ้าเก้าสีแต่กลับสามารถทะลวงด่านเป็นหงส์ทองคำ แม้ว่ามันจะมีสายเลือดของเผ่าพันธุ์อยู่ แต่ก็ไม่น่าจะทำถึงขั้นนี้ เหตุใดท่านถึงต้องพาเขามาที่นี่ด้วย?”
ด้านหลังของชายชรา มีชายวัยกลางคนหลายคนยืนอยู่ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“พฤติกรรมดังกล่าวไม่ต่างอันใดกับการทรยศเผ่าพันธุ์ ข้าคิดว่าควรจะสังหารทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรตัวนั้นด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...