เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1563

อี้เจาเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบว่า

“ไม่ว่าใครก็ตามที่มีสายเลือดหงส์ทองคำ จะต้องกลับมากราบไหว้บรรพบุรุษ นี่คือกฎที่บรรพบุรุษตั้งเอาไว้ ใครก็ฝ่าฝืนไม่ได้”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไป ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่ด้านหลังต่างมองหน้ากันไปมา

“ยิ่งไปกว่านั้นช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ จำนวนสายเลือดภายในเผ่าก็มีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ตอนนี้แม้ว่าไก่ฟ้าเก้าสีจะทะลวงด่านเป็นหงส์ทองคำได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็มีพลังแห่งสายเลือด ขอเพียงแค่สายเลือดนั้นบริสุทธิ์มากพอ การที่ให้กลับมาก็มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย”

ภายในท้องพระโรงเกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

“ที่ท่านประมุขพูดมาก็มีเหตุผล”

ผู้อาวุโสอี้เจาพยักหน้าเห็นด้วย

“แม้ว่ามันจะมีต้นกำเนิดไม่สูงส่ง แต่มันก็สามารถทะลวงด่านได้สำเร็จ นับว่าหาได้ยากยิ่ง แต่เมื่อครู่นี้ที่มันแสดงฝีมือออกมา เหมือนว่าพลังแห่งสายเลือดจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ขอเพียงแค่มีคุณสมบัติที่ไม่เลว เรื่องก่อนหน้านี้ก็แล้วกันไปแล้วละกัน”

ผู้อาวุโสอี้กงของเผ่าหงส์ทองคำที่เป็นคนคัดค้านอย่างรุนแรงในตอนแรกจึงอดแค่นหัวเราะออกมาไม่ได้

“ในฐานะที่เผ่าหงส์ทองคำมีสถานะสูงส่งเช่นนั้น แล้วจะทำพันธสัญญากับมนุษย์ได้อย่างใด! ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม สิ่งที่มันทำนั้นเป็นความผิดมหันต์!”

ผู้อาวุโสอี้ซังหัวเราะออกมา แววตาดำมืด

“เจ้าไม่สามารถพูดเช่นนั้น ได้ยินมาว่ามันเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของซั่งกวนเยว่มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแค่การได้มาอยู่สำนักหลิงเซียวทำให้มันได้บรรจบพบโชคชะตาเช่นนี้ ดังนั้นจึงสามารถทะลวงด่านมาได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่มันทำพันธสัญญากับซั่งกวนเยว่ มันก็ไม่คิดเลยว่าตนเองจะสามารถทะลวงด่านเป็นหงส์ทองคำได้ หากพูดอย่างละเอียดแล้ว ความจริงแล้วนี่ก็ไม่ใช่ความผิดของมันทั้งหมด”

แค่คำพูดเรียบง่ายไม่กี่คำ แต่กลับทำให้พรายเงาง้าว เงากระบี่พวยพุ่งออกมา

ผู้อาวุโสที่เหลืออีกสามคนต่างแลกเปลี่ยนสายตากันไปมา และมีท่าทางเงียบสงบมากขึ้น

ในเวลาเช่นนี้พวกเขาเงียบปากจะดีที่สุด

คนที่มีตำแหน่งสูงสุดของเผ่าหงส์ทองคำคือผู้อาวุโสอี้้เจา

และมีผู้อาวุโสห้าคนประกอบด้วย “อี้กง อี้ซัง อี้เจี่ยว อี้จื่อ อี้อวี่” ซึ่งพวกเขามีอำนาจแบ่งแยกออกไปในเผ่า

แต่ความจริงแล้ว คนที่มีอำนาจสูงสุดคืออี้กงและอี้ซังสองท่าน

ผู้คนในเผ่าถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างลับๆ พวกเขาต่อสู้ทั้งที่ลับและที่แจ้งมาเป็นเวลานานมากแล้ว

และตอนนี้ก็เริ่มคานอำนาจกันอีกครั้งแล้ว

ความจริงแล้วผู้อาวุโสทั้งสามท่านได้มีฝั่งของตนเองแล้ว แต่ว่าเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าท่านประมุข อย่างใดก็ต้องลดความทะเยอทะยานลงบ้าง

ดังนั้นในสถานการณ์นี้จึงกลายเป็นการโต้เถียงของคนสองคนเท่านั้น

บรรยากาศภายในท้องพระโรงเย็นลงเล็กน้อย

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง อี้เจาก็พูดขึ้นมาเสียงเรียบว่า

“ชีวิตของมนุษย์ผู้นั้นไม่สำคัญ มาดูคุณสมบัติของเด็กคนนั้นเสียก่อน”

ในฐานะที่อี้เจาเป็นประมุขเผ่าหงส์ทองคำ มีตำแหน่งสูงสุด คำพูดของเขาจึงมีน้ำหนักและมีอำนาจอย่างยิ่ง

ในเมื่อเขาพูดอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ดังนั้นคนอื่นจึงไม่พูดอันใดขึ้นมาอีก

พวกเขาทั้งหลายจึงหันมองลูกบอลต่อไป

ในขณะเดียวกันนั้นเองที่ด้านนอกตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง ทุกคนในเผ่าหงส์ทองคำมารวมตัวอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว พวกเขากำลังรอคอยด้วยความสงสัยใคร่รู้

พวกเขาต่างรู้ว่าวันนี้จะมีหงส์ทองคำตัวหนึ่งที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์กลับมา

เรื่องราวเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเผ่ามาหลายร้อยปีแล้ว ทุกคนจึงรู้สึกตื่นเต้นยินดีอย่างอดไม่ได้

แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูสถานการณ์โดยละเอียดได้ แต่พวกเขาก็ยังยืนรออยู่ด้านนอก เพื่อสามารถรอรับข่าวให้ได้เร็วที่สุด

ทุกคนรอไปพลาง และซุบซิบเสียงเบาไปพลาง

“เอ๋ พวกเจ้าเคยได้ยินมาหรือไม่ว่า? หงส์ทองคำตัวนั้น เดิมทีมันคือไก่ฟ้าเก้าสีและสามารถทะลวงด่านขึ้นมาได้สำเร็จ!”

“จริงหรือ! นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง…ไก่ฟ้าเก้าสี เหมือนว่าจะเป็นสัตว์อสูรระดับเก้าเท่านั้นไม่ใช่หรือ? แต่มันกลับสามารถทะลวงด่านเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลได้…อู้ย…”

“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ฝีมือของมันจะอยู่ในระดับใด? หากมีโอกาส ข้าก็อยากจะขอคำชี้แนะกับมันเสียหน่อย ดูสิว่ามันกับพวกเราจะมีอันใดแตกต่างกันบ้าง”

ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขัดจังหวะขึ้น

คนเหล่านี้ลอบส่งสายตากันไปมา สีหน้าแตกต่างกันออกไป

… เขายังไม่ทันได้เป็นนายน้อยเลยด้วยซ้ำ ก็วางท่าขนาดนี้แล้ว ในอนาคตเกรงว่าจะต้องเลวร้ายกว่านี้แน่นอน

… ใครใช้ให้เขามีพรสวรรค์และฝีมือโดดเด่นขนาดนี้ นอกจากนี้เขายังได้รับการฝึกฝนจากผู้อาวุโสโดยเฉพาะด้วย จึงได้แต่อิจฉาอย่างอดไม่ได้!

… เหอะ ไม่แน่ว่าตอนท้ายที่สุดเขาอาจจะไม่สามารถคว้าตำแหน่งนายน้อยไปก็ได้ มาดูกันสิว่าตอนที่เขาหน้าแตก เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างใด

… เหอะ แม้ว่าข้าจะไม่ชอบหน้าเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่า คนรุ่นเดียวกับเขานั้นแทบจะไม่มีใครที่สามารถเป็นคู่แข่งเขาได้เลย ได้ยินมาว่าช่วงนี้อี้เสวียนเพิ่งจะติดตามผู้อาวุโสรอง แต่เขายังเด็กมากนัก เวลาบำเพ็ญเพียรก็ไม่เท่ากับอี้หราน เกรงว่าจะไม่สามารถสู้ได้

… ปล่อยให้เขาลอยติดลมบนไปเถอะ สักวันจะต้องมีคนจัดการเอง เขาจะได้รู้ว่าอันใดคือความแข็งแกร่ง! แล้วอีกอย่าง อีกสักพักกว่าจะมีงานกราบไหว้บรรพบุรุษ ตอนนี้ข้ายังสนใจผู้ที่มาใหม่มากกว่าเสียอีก เฮ้อ ไม่รู้ว่าเจ้านายของมันผู้นั้นจะเป็นคนอย่างใดกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้มันติดตามเช่นนี้ได้

ต่อให้ก่อนหน้านี้มันไม่ใช่หงส์ทองคำ มันก็ยังเลือกติดตามเจ้านายคนนี้

แต่หลังจากที่ทะลวงด่านได้แล้ว มันไม่มีทางไม่เข้าใจกฎข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่นี้ มันไม่เพียงจะไม่แตกคอกับเจ้านาย แต่กลับปกป้องนางด้วย… นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนสงสัยอย่างมาก

เมืองอู๋เทียนไห่

สะพานน้ำแข็งทอดยาวไปด้านหน้า เหมือนกับไม่มีที่สิ้นสุด

ฉู่หลิวเยว่เดินขึ้นไปทีละก้าว พลังภายในร่างกายถูกใช้อย่างบ้าคลั่ง

เพราะว่าจะได้การช่วยเหลือจากถวนจื่อ นางจึงสามารถทนต่อไฟที่ลุกไหม้ใต้ชั้นน้ำแข็งได้!

แต่ยิ่งเดินหน้าไปมากเท่าไร แรงกดดันอันไร้รูปร่างก็ยิ่งเข้มข้นมากเท่านั้น

รอบกายของนางต้องแบกรับแรงกดดันที่น่ากลัวเหล่านี้ เส้นเอ็น กระดูก กล้ามเนื้อ เลือด อวัยวะทุกส่วนในร่างกาย เหมือนกับถูกสิ่งของที่มีน้ำหนักกดทับอย่างแรง

เมื่อเวลาผ่านไป ขาทั้งสองข้างของนางก็เริ่มสั่นไหวเล็กน้อย การก้าวเดินแต่ละก้าวนั้นยากลำบากอย่างยิ่ง!

คลื่นทะเลรอบข้างสาดซัด ฟองคลื่นสีขาวกระทบกัน

ในขณะนั้นเองในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ขาอ่อนยวบไป และคุกเข่าลงกับพื้นน้ำแข็ง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์