เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1576

เสียงซุบซิบภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เซ็งแซ่ขึ้น ทุกคนตกใจแล้วหันไปมองขวับ

จากนั้นก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ส่องประกาย

เขาสวมชุดยาวสีดำ ใบหน้าครึ่งหนึ่งดำมืดอีกครึ่งหนึ่งมีแสงสว่างสาดส่อง ขณะที่เขาเดินเข้ามา ลมพัดชายเสื้อของเขาจนปลิวว่อน เผยให้เห็นความงดงามที่ไม่สามารถเอื้อมถึง

ดวงตาหงส์ลึกล้ำเปรียบเสมือนน้ำเย็นยะเยือก ใบหน้าราบเรียบไร้ระลอกคลื่น แต่ความเป็นจริงแล้วมีกระแสคลื่นใต้น้ำกำลังพวยพุ่ง แต่ผู้คนสัมผัสไม่ได้

ในตอนที่เขากำลังก้าวเข้ามาในท้องพระโรง กลิ่นคาวเลือดจางๆ ก็แผ่กระจายออกมาอย่างไร้เสียง!

ลมปราณเช่นนี้ของผู้ชายคนนี้จะเกิดขึ้นตอนเพิ่งจะฆ่าใครบางคนมาหรือไม่ก็ก่อนจะเริ่มสังหารหมู่!

ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะลุกขึ้นยืนไปต้อนรับเขา

“ยินดีต้อนรับการกลับมาของฝ่าบาท!”

ภายในท้องพระโรงแห่งนี้เขามีสถานะสูงส่งที่สุด

เมื่อเห็นเขาโค้งคำนับทำความเคารพ ในที่สุดทุกคนก็สามารถดึงสติกลับคืนมาได้ และทยอยทำความเคารพตาม

หรงซิวเดินตรงไปด้านหน้า

ภายในท้องพระโรงอันเงียบสงบมีเพียงเสียงฝีเท้าของเขาเท่านั้นที่ดังก้องกังวาน

เสียงฝีเท้าแต่ละก้าว เหมือนกำลังเหยียบย่ำหัวใจของทุกผู้คน

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้พูดอันใด เพียงแต่เดินผ่านไปเท่านั้น แต่พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงจนไม่สามารถอธิบายได้

หรงซิวเดินตรงไปที่ตำแหน่งที่นั่งสูงสุด แล้วสะบัดชายเสื้อก่อนจะนั่งลง

เขากวาดสายตามองไปโดยรอบ

รอบข้างเกิดความเงียบยิ่งขึ้นกว่าเดิม

หากไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา ทุกคนก็ไม่กล้าลุกขึ้นยืนเองตามอำเภอใจ เพียงแต่ต้องรักษาท่าทางโค้งคำนับทำความเคารพนี้ไว้

หลังจากผ่านไปสักพัก หรงซิวก็พูดขึ้นมาว่า

“ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี”

ทุกคนจึงนั่งลงอีกครั้ง

เพียงแต่บรรยากาศในท้องพระโรงนั้นแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย เขาเปิดเปลือกตาขึ้น ในใจก็หัวเราะเยาะ

แต่ละคนมีท่าทีกำเริบเสิบสานเป็นอย่างยิ่ง กล้าแม้กระทั่งจะประชดประชันฝ่าบาทและพระชายา ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังจะก่อกบฏ

แต่เมื่อหรงซิวมาถึง เขายังไม่ทันได้พูดอันใด คนเหล่านี้ก็ล่าถอยออกไปก่อนแล้ว แม้กระทั่งผายลมยังไม่กล้า

เขาประเมินอีกฝ่ายสูงเกินไปจริงๆ

สายตาของหรงซิว มองไปทางผู้อาวุโสถงชวนและผู้อาวุโสอวี๋จิ้ง ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อย คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

“ผู้อาวุโสทุกท่านมีสายตาเฉียบแหลมมาโดยตลอด แล้ววันนี้ก็ยังให้การชื่นชมเยว่เออร์ด้วย นางจะต้องพอใจอย่างมากแน่นอน”

สีหน้าของผู้อาวุโสถงชวนและคนอื่นๆ กลับดูย่ำแย่ขึ้นอย่างมาก

พวกเขาชื่นชมนางที่ไหนกันเล่า?

เห็นได้ชัดว่ากำลังประชดประชัน! เยาะเย้ยเสียดสีน่ะ!

แต่เขาก็ไม่กล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าหรงซิว

ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสถงชวนถึงได้เบนหน้าไปทางอื่นแล้วพูดขึ้นเสียงเรียบว่า

“ฝ่าบาทได้ทุ่มเทคัดเลือกพระชายาด้วยตนเอง แน่นอนว่านางจะต้องเหนือกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว”

หรงซิวพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม

“หาได้ยากที่ผู้อาวุโสถงชวนจะมีความคิดเห็นเดียวกับข้า”

ผู้อาวุโสถงชวนสะอึกไป และไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว

ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกหันออกไปมองทางด้านนอกประตูครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย

“ฝ่าบาท พระชายาไม่ได้เดินทางกลับมาพร้อมท่านหรือ?”

หรงซิวพยักหน้าแล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ

“เผ่าหงส์ทองคำเขียนจดหมายมาด้วยตนเอง เชิญให้นางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง ดังนั้นจึงไม่ได้กลับมาพร้อมกับข้า”

ทันทีที่สิ้นเสียง ผู้คนก็อ้าปากค้างไม่สามารถควบคุมตนเองได้

เผ่าหงส์ทองคำเป็นเขาที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ประมุขของเผ่ามันนั้นก็ขึ้นชื่อเรื่องความเย่อหยิ่งยโส แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่อยู่ในสายตาของพวกมัน

คาดไม่ถึงว่าตอนนี้มันจะเขียนจดหมายถึงซั่งกวนเยว่ด้วยตนเอง?

จริงสิ!

เหมือนว่าสัตว์อสูรในพันธนาการของนางตัวหนึ่งคือหงส์ทองคำ…

สายตาของหรงซิวกวาดไปยังผู้นำเผ่าหลายสิบคนที่นั่งอยู่ด้านล่าง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า

“เรื่องของเยว่เออร์นั้น นางสามารถจัดการด้วยตนเองได้ แต่ทุกท่าน… หลังจากข้าได้ยินข่าวนี้ ข้าก็รีบเร่งเดินทางกลับมาโดยทันที คิดไม่ถึงว่าทุกคนจะมาถึงก่อนเสียได้”

คนเหล่านี้เริ่มมีเหงื่อผุดพรายแล้ว

ดวงตาของผู้อาวุโสอวี๋จิ้งส่องประกายวาบ จากนั้นก็อธิบายขึ้นว่า

“พวกเขาก็เป็นห่วงท่านประมุขเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงได้รีบเร่งเดินทางมา”

“หื้อ?”

หรงซิวเอนกายไปด้านหลัง นิ้วเคาะตรงที่พักแขนเป็นจังหวะ จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงเรียบพร้อมรอยยิ้ม

“เดิมทีข้าคิดว่า ทุกคนกำลังรอข้ากลับมาเพื่อฟังคำอธิบายจากข้าเสียอีก”

ทุกคนสะอึกไป

ความจริงแล้วพวกเขาก็มีความคิดนี้อยู่ในตอนแรก!

แต่หรงซิวเลือกที่จะโจมตีพวกเขาก่อน พวกเขาจึงไม่สามารถพูดอย่างตรงไปตรงมาได้

เมื่อผ่านไปสักพัก ผู้อาวุโสถงชวนก็พูดขึ้น

“ข้าจะกล้าสอบสวนฝ่าบาทได้อย่างใด? เพียงแต่หลังจากท่านประมุขกลับจากสำนักหลิงเซียว ท่านก็สลบไสลไปไม่ฟื้น อีกทั้งในตอนนั้นคนที่รู้เรื่องดีที่สุดก็น่าจะเป็นฝ่าบาท ดังนั้นพวกเราจึงหวังว่าฝ่าบาทจะรีบกลับมาตรวจสอบสถานการณ์อย่างชัดเจนว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่”

คำพูดนี้เป็นเพียงคำพูดสละสลวย แต่ความจริงแล้วก็ผลักความรับผิดชอบไปยังหรงซิวอย่างไร้เสียง

แต่น่าเสียดายที่หรงซิวไม่ใช่คนที่ยอมให้ผู้อื่นมาชักใยอยู่เบื้องหลัง

เหมือนว่าเขาจะพยักหน้าเห็นด้วย

“ที่ผู้อาวุโสถงชวนพูดมาก็มีเหตุผล ที่ข้ารีบเร่งกลับมาเช่นนี้เพราะคิดเรื่องนี้เช่นเดียวกัน แต่ความจริงแล้วเมื่อครู่นี้ข้าไปที่ตำหนักสักการะเทพเพื่อเยี่ยมท่านประมุขแล้ว แค่มองก็เห็นถึงปัญหาแล้ว”

หรงซิวเงียบไปครู่หนึ่ง และหยุดสายตาที่ผู้อาวุโสอวี๋จิ้ง

“ผู้อาวุโสอวี๋จิ้ง ภายในร่างกายของท่านประมุขเหตุใดถึงมีลมปราณของเจ้าได้?”

ใบหน้าของผู้อาวุโสอวี๋จิ้งซีดขาวมากขึ้นเรื่อยๆ

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์