ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งตกตะลึงไป แล้วเงยหน้าขึ้นมา
เขาลบร่องรอยทุกอย่างออกไปแล้วแท้ๆ เหตุใดยังถูกค้นพบได้?
เมื่อสบตากับสายตาที่เย็นชาของหรงซิว เขาจึงรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ความหวาดกลัวที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้กำลังพวยพุ่งออกมาจากภายในใจของเขา!
“ข้า…ข้าเปล่า…”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งกำลังบอกว่าข้าปรักปรำใส่ร้ายเจ้าหรือ?”
ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งพยายามสงบสติอารมณ์ลง
“ไม่ ไม่ใช่… บางทีฝ่าบาทอาจจะเข้าใจผิด…”
“ข้าไม่ได้เพิ่งรู้จักเจ้าวันแรกเสียหน่อย หรือเจ้าจะบอกว่าแม้กระทั่งเรื่องนี้ข้าก็จำผิดไปได้?”
หรงซิวพูดแทรก แล้วถามกลับเสียงเรียบ
ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งสะอึกไป แล้วพูดอันใดไม่ออกอีก
ภายในท้องพระโรง ไม่มีเสียงใครพูดแทรกขึ้น บรรยากาศถูกแช่แข็ง
หรงซิวถามขึ้นอย่างเชื่องช้า
“ก่อนที่ข้ากลับมา ข้าได้ยินข่าวว่า ตั้งแต่ท่านประมุขกลับออกจากเมืองฝางโจว เขาก็กลับเข้าที่พำนักของตนเองโดยทันที ไม่ได้พบเจอใคร แล้วลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายของเขานั้นมาจากที่ใดเล่า?”
“ที่ข้ากลับมาในครั้งนี้ก็เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ถ้าเช่นนั้นก็เริ่มจากผู้อาวุโสอวี๋จิ้งก็แล้วกัน!”
…
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
ด้านข้างของลำธารสีทองส่องสว่าง ฉู่หลิวเยว่และถวนจื่อกำลังนั่งหน้าเข้าหากัน
ลมพัดผ่านไปเล็กน้อย ใบไม้พลิ้วไหว เงาร่างทอดยาวลงบนพื้น
“ถวนจื่อ เจ้าสัมผัสเส้นชีพจรเส้นที่สองไม่ได้เลยจริงๆ หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่จ้องตาเขม็งถวนจื่อ แล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
ถวนจื่อส่ายหน้า
“เฮ้อ! ข้าก็ว่าแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วมองตรงหน้าของถวนจื่อ ท่าทางหดหู่เป็นอย่างมาก
นี่ผ่านมาสามวันแล้ว
ระหว่างนี้นางได้ทดลองวิธีการต่างๆ มากมาย แต่ถวนจื่อก็ไม่มีทีท่าว่าจะสามารถทะลวงด่านต่อไปได้
และยังสัมผัสอันใดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ฉู่หลิวเยว่ลองถามนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งก็ล้วนมีคำตอบเหมือนเดิม
พรึ่บ!
ฉู่หลิวเยว่ทิ้งตัวลงไปด้านหลัง
เศษใบไม้ปลิวว่อนขึ้นมา
“ข้าน่าจะรู้ก่อนว่า มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น…”
จากกษายะหางวายุกลายเป็นหงส์ทองคำ ก็เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือนเท่านั้น
หากหวังว่าจะให้มันทะลวงด่านได้ภายในชั่วพริบตาอาจจะเป็นเรื่องที่เกินความเป็นจริง
แต่จากคำพูดของถวนจื่อแล้ว โดยปกติหงส์ทองคำจะสามารถเปิดเส้นชีพจรสามเส้นได้ตอนอายุครบหนึ่งร้อยปี
แต่ตอนนี้มันเพิ่งอายุเท่าไรเอง
หากต้องการเปิดเส้นชีพจรทั้งสามก็คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ
ถวนจื่อก้มหน้าก้มตา ท่าทางมืดมน
ถวนจื่อยิ่งคิดยิ่งโทษตนเอง มันแทบจะฝังศีรษะลงไปในกลุ่มขนตรงหน้าอกอย่างรวดเร็ว
เมื่อสัมผัสถึงอารมณ์ของมัน ฉู่หลิวเยว่ก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางลุกขึ้นนั่งและลากมันเข้ามา
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เป็นเพราะก่อนหน้านี้ข้าวู่วามมากเกินไป”
นางควรจะทำความเข้าใจให้ดีก่อนที่จะตอบตกลง…
ทันใดนั้นแววตาของนางก็เปล่งประกาย
“ถวนจื่อ หากข้าอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์มา เจ้าจะสามารถทะลวงด่านได้หรือไม่?”
ก่อนหน้านี้ที่เขาหมื่นเมรัย เพราะว่าถวนจื่อกลืนกินพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์จึงสามารถกระตุ้นสายเลือด และทะลวงด่านกลายเป็นหงส์ทองคำได้
ไม่รู้ว่าตอนนี้วิธีการนี้จะยังสามารถใช้ได้ผลอยู่อีกหรือไม่
ถวนจื่อเอียงคอ ใบหน้ามึนงง
ความจริงแล้วเรื่องนี้มันก็ไม่รู้เช่นกัน…
ฉู่หลิวเยว่ตั้งมั่นแน่วแน่
ต้องลองก่อนถึงจะรู้!
นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ที่แห่งนี้คือพื้นที่อยู่ในลูกบอลแสง ดังนั้นท้องฟ้าจึงมีแสงสีแดงจางๆ รอบด้านมีเพียงความรกร้าง และแสงสว่างสีทองเจิดจ้าเท่านั้น
พลังแห่งสวรรค์และโลกเข้มข้นเช่นนี้ น่าจะสามารถดึงดูดทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างง่ายดายละมั้ง?
เมื่อฉู่หลิวเยว่คิดถึงตรงนี้ นางก็ลอยตัวขึ้นไปทางยอดเขา
การดึงดูดทัณฑ์สวรรค์มีหลายวิธี แต่หนึ่งในนั้นวิธีที่เร็วที่สุดและสะดวกที่สุดคือการหลอมอาวุธ
หลังจากที่นางได้รับความทรงจำกลับคืนมาแล้ว นางยังไม่เคยทดลองเลยว่าตนเองอยู่ในระดับไหนแล้ว
ฉู่หลิวเยว่เอามือข้างหนึ่งจับปลายคางแล้วจมอยู่กับความคิดอีกครั้ง
ออกไปด้านนอก?
เหมือนว่าจะไม่เหมาะสม
ไม่รู้ว่าภายในเผ่าหงส์ทองคำมีหูตากี่มากน้อยที่กำลังจดจ้องถวนจื่อ และรอคอยหัวเราะเยาะพวกนาง
หากออกไปจากที่นี่ ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าด้านนอกจะเกิดอันใดขึ้น
นางไม่คิดว่าพวกเขาจะยืนอยู่ข้างนาง
แต่หากอยู่ที่นี่ต่อไป ต้องทำอย่างใดถึงจะสามารถโคจรพลังแห่งสวรรค์และโลกได้
ทันใดนั้นเองหัวคิ้วของนางก็กระตุกขึ้น
ถวนจื่อมองนางด้วยสายตามึนงง
สีหน้าของนางนั้นแปลกประหลาดอย่างมาก
เหมือนจะตื่นเต้นดีใจ แต่ก็เหมือนลังเลไม่แน่นอน
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง ในที่สุดมันก็เห็นเหมือนกับว่าฉู่หลิวเยว่ตัดสินใจได้แล้ว นางจึงชูกำปั้นขึ้น
“เอาเช่นนี้แหละ!”
ถวนจื่อยังไม่ทันได้สติ ก็เห็นว่ากลางฝ่ามือของนางนั้นมีอันใดบางอย่างเพิ่มขึ้นมา
นั่นเหมือนกับเมล็ดพันธุ์ที่มีขนาดเท่ากับนิ้วโป้ง
ภายนอกของมันเป็นสีแดงโปร่งแสงสว่างใส
ทันใดนั้นเองก็มีใบไม้ใบหนึ่งปรากฏขึ้นมาที่ด้านบน ดูแล้วน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
แต่ตอนนั้นถวนจื่อก็เบิกตากว้างอย่างตกใจและรีบถอยหลังไปในทันที!
นี่มันๆ!
เหตุใดนางถึงเอาของสิ่งนี้ออกมาล่ะ!
ฉู่หลิวเยว่มีความคิดนี้อยู่ในใจเสมอ
ใบไม้ใบเล็กแกว่งไปมาตามแรงลม…
พรึ่บ!
พลังแห่งสวรรค์และโลกพัดเข้ามาในทันที!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ภายในหุบเขาเฟิ่งหวงก็มีลมพายุโหมกระหน่ำ!
ภายในหุบเขาเฟิ่งหวงผู้อาวุโสอี้อวี่ที่กำลังพักผ่อนอยู่ก็พุ่งตัวออกมาด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อมองขึ้นฟ้าแล้วเห็นว่าพลังแห่งสวรรค์และโลกกำลังพลุ่งพล่านอย่างต่อเนื่อง ลมพายุวุ่นวาย
“นี่มันอันใดกัน!”
……….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...