ทัณฑ์สวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนฟาดลงมา จากนั้นก็ตกลงไปภายในลูกบอลแสง และหายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยความรวดเร็ว!
ทุกคนหันกลับไปมอง แต่สิ่งที่มองเห็นนั้นมีเพียงแสงสว่างเจิดจ้า แทบจะทำให้คนเราลืมตาไม่ขึ้น
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายพวกเขาจึงอดพึมพำด้วยเสียงทุ้มต่ำไม่ได้
“ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นกำลังหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในระดับใดกัน คาดไม่ถึงว่าจะสามารถอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์จำนวนมากขนาดนี้ได้?”
ไม่มีใครทราบ
ผู้อาวุโสอี้อวี่ยืนเฝ้าด้านข้างอย่างหนักแน่น ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครทราบสถานการณ์ภายในอย่างชัดเจน
ทุกคนจึงได้แต่ยืนมองทะเลสายฟ้าที่อาบลูกบอลแสงจากในระยะไกล
ผู้อาวุโสอี้อวี่ลงมืออย่างรวดเร็ว!
กระแสเปลวเพลิงสีทองชาดพวยพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา เพียงแค่ในชั่วพริบตาเดียวก็ก่อร่างเป็นม่านพลังขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่รัศมีหลายสิบลี้!
สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมากระทบ ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ดูเหมือนว่าจะสามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ
ผู้อาวุโสอี้อวี่ขมวดคิ้วเป็นปม ใบหน้าเคร่งเครียด
หากมีเพียงซั่งกวนเยว่เพียงคนเดียวคงไม่สามารถดึงดูดการเคลื่อนไหวที่รุนแรงระดับนี้ได้
และมีความเป็นไปได้สูงมากที่นางจะใช้เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์เมล็ดนั้น
เรื่องที่เกิดขึ้นกับสำนักหลิงเซียวภายในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ล้วนถูกแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว และเรื่องที่พูดถึงกันมากที่สุดก็คือฐานะของซั่งกวนเยว่กับไพ่ไม้ตายจำนวนมากของนาง!
หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกใจมากที่สุดก็คือ พวกเขาคาดไม่ถึงว่านางจะมีเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่งเมล็ดด้วย!
ในสถานการณ์ทั่วไปมีเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถควบคุมเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ซั่งกวนเยว่กลับเป็นข้อยกเว้นในเรื่องนี้
ความจริงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางนั้นมีความคล้ายคลึงกันจนทุกคนเริ่มชินชาแล้ว
สุดท้ายก็ยังสามารถออกจากม่านพลังได้… ซั่งกวนเยว่ผู้นี้ เดิมทีก็ไม่สามารถใช้มาตรฐานและสายตาของคนทั่วไปมองได้!
ซึ่งเรื่องนี้ก็เหมือนกัน
“ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง สามารถกระตุ้นเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างใดกันแน่…”
ผู้อาวุโสอี้อวี่พูดพึมพำกับตนเอง ภายในใจเต็มไปด้วยความสงสัย
ในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังออกมาจากระยะไกล
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงอันใดบางอย่างจึงรีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่คืออี้กง
ยังไม่ทันได้มาถึงเขาก็มองเห็นทัณฑ์สวรรค์ที่เคลื่อนไหวอยู่เต็มท้องฟ้า และพร้อมกับเสียงดังสนั่นกึกก้องจากหุบเขาเฟิ่งหวง สีหน้าของเขาก็ย่ำแย่ขึ้นอย่างมาก
“นี่นางจะทำอันใดกันแน่?”
…
สิบวันมานี้ ผู้อาวุโสอี้กงกำลังยุ่งอยู่กับการจัดงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษ ดังนั้นจึงไม่ทราบสถานการณ์ของทางนี้
วันนี้ฟ้าดินแปรเปลี่ยน ทัณฑ์สวรรค์ระเบิดขึ้นจึงทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เขามาที่นี่อย่างรีบร้อนและคิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ได้
“อี้อวี่! นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่!”
น้ำเสียงของผู้อาวุโสอี้กงแฝงไปด้วยความกรุ่นโกรธอย่างรุนแรง
“ผู้อาวุโสสูงสุดไม่ต้องเป็นกังวล ซั่งกวนเยว่เพียงแค่หลอมอาวุธ ดังนั้นจึงอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์มา”
ผู้อาวุโสอี้อวี่สาวเท้าเดินเข้ามาทักทาย
“ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เรื่องเล็กน้อย”
“เรื่องเล็กน้อย?”
ผู้อาวุโสอี้กงเลิกคิ้วขึ้นในทันที ก่อนจะหัวเราะเสียงเย็น แล้วชี้นิ้วไปทางด้านหน้า
“อี้อวี่ หุบเขาเฟิ่งหวงวุ่นวายถึงเพียงนี้ เจ้ายังบอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยอีกหรือ? ข้าเองก็ไม่เคยเห็นพวกมนุษย์หลอมอาวุธมาก่อน แต่เดิมทีพวกเขาก็ไม่สามารถสร้างความเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ เห็นได้ชัดว่ามันมีเรื่องปิดบังซ่อนเร้นอยู่! ซั่งกวนเยว่ล่ะ? เรียกให้นางออกมาเดี๋ยวนี้!”
ใบหน้าของผู้อาวุโสอี้อวี่ยังคงประดับรอยยิ้มเช่นเดิม แต่ยังคงมีความลำบากใจอยู่เล็กน้อย
“เรื่องนี้… เกรงว่าจะไม่เหมาะสมละมั้งขอรับ? มนุษย์ผู้นั้นกำลังหลอมอาวุธและอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ หากบังคับให้นางมาที่นี่ในตอนนี้ นั่นคงไม่…”
“อี้อวี่ หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นมาจริงๆ เจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือไม่?”
ผู้อาวุโสอี้กงมองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก ในคำพูดแฝงไปด้วยการข่มขู่ ที่ไม่พูดก็สามารถเข้าใจได้
เขาเองก็สามารถมองออก เหมือนว่าอี้อวี่จะดีต่อถวนจื่อและซั่งกวนเยว่ไม่น้อยเลย ไม่เช่นนั้นในเวลาแบบนี้เขาคงไม่ปกป้องพวกนางหรอก
ผู้อาวุโสอี้อวี่ชะงักไปเล็กน้อย ถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว และหลีกทางให้อีกฝ่ายทันที
“เช่นนั้น… ก็ทำตามสิ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดเห็นชอบก็แล้วกัน”
“อี้ซัง!”
เมื่อการโจมตีล้มเหลว ผู้อาวุโสอี้กงก็ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปมในทันที
“เจ้ากำลังทำอันใดน่ะ?”
“คำถามนี้ควรเป็นข้าที่จะต้องถามสิ”
สีหน้าของผู้อาวุโสอี้ซังราบเรียบ ความเย็นชาแผ่กระจายออกมาระหว่างคิ้ว
“อี้อวี่ได้ปิดผนึกพื้นที่โดยรอบเอาไว้แล้ว พลังเหล่านี้ไม่มีทางแพร่กระจายออกไปสู่ภายนอก แต่ในตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดกลับลงมืออย่างรีบร้อน ท่านกำลังคิดอันใดอยู่กันแน่?”
ผู้อาวุโสอี้กงหรี่สายตามอง “แน่นอนว่าข้ากำลังคิดถึงหุบเขาเฟิ่งหวง หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นมา…”
“ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงเพียงแค่คนเดียวจะสามารถก่อเรื่องที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินได้หรือ? แต่หาก… ท่านลงมืออย่างหุนหันพลันแล่น ทำร้ายซั่งกวนเยว่น่ะไม่เป็นไร แต่… หากเป็นเหตุให้ส่งผลกระทบทางอื่น… เกรงว่าน่าจะไม่สามารถไปพูดคุยกับท่านประมุขแล้วละมั้ง”
เมื่อพูดถึงท่านประมุข แน่นอนว่าผู้อาวุโสอี้กงก็ไม่สามารถพูดอันใดได้อีก
เขากัดฟันกรอด ส่งเสียงแค่นหัวเราะเสียงเย็น
“ดี! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น เช่นนั้นเจ้าก็รับผิดชอบคนเดียวก็แล้วกัน!”
ผู้อาวุโสอี้ซังเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย และคืนลูกศรดอกนั้นในมือออกไป
“เป็นเรื่องสมควรแล้ว”
ผู้อาวุโสอี้กงสะกดกลั้นเพลิงความโกรธที่อยู่ในใจลง และคว้าลูกศรดอกนั้นกลับมา!
“อาจารย์…”
เมื่อได้ยินเสียงนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น
“อี้หราน? เหตุใดเจ้าไม่กลับไปบำเพ็ญเพียรให้ดีๆ จะตามมารับชมความสนุกด้วยหรือ?”
อี้หรานรีบตอบว่า
“เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเสียงดังสนั่นถึงได้ออกมา แต่ว่าไม่ใช่…”
ผู้อาวุโสอี้กงกวาดสายตาสำรวจขึ้นลง ใบหน้าของเขามีความไม่พอใจเล็กน้อย
ตั้งแต่การแนะนำครั้งที่แล้วของเขา นี่ก็ผ่านมาสิบวันแล้ว เหตุใดเขายังไม่ทะลวงด่านอีก?
แต่เขายังไม่ทันได้ตั้งคำถาม ทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่บนท้องฟ้าก็ฟาดลงมาด้วยความบ้าคลั่งและรุนแรงยิ่งกว่าเดิม!
……….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...