……….
ทุกคนรีบแหวกทางให้เขา
เมื่อผู้อาวุโสอี้กงเดินไปถึงที่ข้างกายของอี้หราน เขาก็รีบคุกเข่าลง พร้อมจับข้อมือของอีกฝ่ายแน่น
หลังจากผ่านไปสักพักสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป! ก่อนจะหันกลับมามองหน้าถวนจื่อ!
“เจ้า…”
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เส้นชีพจรที่สามของเขาขาดสะบั้นจริงๆ
แต่ก่อนหน้านี้ภายในเผ่าของเขาไม่เคยเกิดเรื่องอย่างการเปิดเส้นชีพจรล้มเหลวแล้วโดนผลสะท้อนกลับมาก่อน อีกทั้งยังไม่มีใครเคยเส้นชีพจรที่สามขาดสะบั้น…
ผู้อาวุโสอี้กงครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็สามารถคาดเดาได้พอประมาณ
หลังจากอี้หรานล้มเหลวในการเปิดเส้นชีพจรแล้ว เขาก็รู้สึกประมาทกดดัน เลือดลมระเบิดขึ้น ดังนั้นจึง…
สถานการณ์เช่นนี้ เขาควรจะทำจิตใจให้สงบและจัดการโคจรพลังที่วุ่นวายของตนเองให้เรียบร้อย ไม่ควรจะดิ้นรนขัดขืนอีกต่อไป
แต่น่าเสียดาย…
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ก็ได้แต่โทษตัวของอี้หรานเอง
ผู้อาวุโสอี้กงกัดฟันกรอด บริเวณหน้าผากมีเส้นเลือดสีเขียวปูดโปน ชีพจรตรงขมับเต้น “ตุ้บๆ”
เขากำลังโมโหจนถึงขีดสุดแล้ว!
หลายปีมานี้เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการดูแลฝึกฝนอี้หราน!
แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับต้องสูญเปล่า!
เส้นชีพจรที่สามขาดสะบั้น หลังจากนี้อี้หรานก็เป็นได้เพียงแค่ขยะชิ้นหนึ่ง!
แม้กระทั่งอำนาจและเหตุผลในการเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้อื่นอย่างไม่มีเลย!
…
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนล้วนเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว
ดูเหมือนว่าอี้หรานจะไม่สามารถใช้งานต่อไปได้แล้ว…
คนจำนวนไม่น้อยลอบถอนหายใจออกมา
เมื่อนึกถึงความเย่อหยิ่งจองหองของอี้หรานในตอนแรก อีกฝ่ายแทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลย
ผลสรุปแล้ว เขาไม่เพียงจะไม่ได้ตำแหน่งนายน้อย แต่ยังกลายเป็นขยะชิ้นหนึ่งอีกด้วย
หลังจากนี้เกรงว่าในเผ่านี้จะไม่มีที่ยืนให้กับเขาอีกแล้ว!
อี้เจาก้มหน้าลงมาถามด้วยความสงสัย
“ถวนจื่อ เจ้า… เจ้าดูออกได้อย่างใด?”
คนจำนวนมากได้ยินคำถามนี้ก็หูตั้งขึ้นมาในทันที
ถวนจื่อทำปากจู๋
“แค่มองก็เห็นแล้วนี่นา!”
ทุกคน “…”
หนังตาของอี้เจากระตุกขึ้น
“เจ้า… เจ้าสามารถมองออกได้โดยตรงเลยหรือ?”
ต้องบอกก่อนว่า แม้กระทั่งเขาก็ไม่สามารถตัดสินเรื่องนี้ได้ในทันที!
แต่ถวนจื่อ…
“ใช่แล้ว”
ถวนจื่อพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
เห็นได้ชัดขนาดนี้ แค่มองก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ
หลังจากได้รับการยืนยันจากนาง ทุกคนก็เงียบไปโดยพร้อมกัน
ด้วยสายเลือดบริสุทธิ์กอปรกับจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษ คาดไม่ถึงว่า… มันจะดูฝ่าฝืนกฎสวรรค์ได้ขนาดนี้!
ก่อนหน้านี้ยังมีบางคนที่ไม่ยอมรับถวนจื่อ แต่ในตอนนี้พวกเขาต้องหดตัวลีบกลับไป
ท่านประมุขพูดได้ถูกต้อง พวกเขาไม่สามารถเทียบกับถวนจื่อได้เลย…
อี้เจาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ไม่ได้พูดอันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เขารีบเปลี่ยนเรื่องในทันที
ผู้อาวุโสอี้อวี่ยิ้มแล้วหันไปพูดกับผู้อาวุโสอี้กง
“ผู้อาวุโสสูงสุด ที่นี่มีพวกเราอยู่ ท่านวางใจได้เลย ท่านพาอี้หรานกลับไปก่อนเถอะ เกรงว่าร่างกายของเขาจะไม่สามารถทนรับอยู่ได้นาน”
ผู้อาวุโสอี้กงกัดฟันกรอด มองไปยังสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความเสียดาย เขาพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้ว ไม่มีทางโต้กลับได้แล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงกัดฟันทน!
เขาพยุงร่างอี้หรานขึ้น แล้วรีบจากไปอย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองเขา และรีบถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว
อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับนาง ไม่มีอันใดต้องใส่ใจ
แต่ว่าถวนจื่อ…
ในเมื่อนางหลอมรวมกับจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษแล้ว การกราบไหว้บรรพบุรุษนี้ควรจะเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วไม่ใช่หรือ?
…
ถวนจื่อตามอี้เจาเข้ามาในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง และมุ่งหน้าไปส่วนด้านในสุด
รอบข้างเงียบกริบ
ถวนจื่อเดินไปด้วย และมองสำรวจรอบข้างไปด้วย
แต่ความจริงแล้วด้านในไม่ได้มีความแตกต่างจากด้านนอกมากนัก แต่ว่ายิ่งเดินเข้ามาลึกมากเท่าไร นางก็สามารถสัมผัสถึงแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น
ในที่สุดพวกเขาทั้งสองคนก็เดินเข้ามาในส่วนลึกของตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงแล้ว
ประตูบานนี้เล็กกว่าประตูด้านหน้าเป็นอย่างมาก แต่กลับมีความน่าเกรงขามมากกว่า ดวงตาของถวนจื่อสว่างวาบ
อี้เจายืนอยู่ตรงหน้าบานประตู
“ตามกฎของเผ่าเราแล้ว จากนี้ข้าจะไม่สามารถเข้าไปกับเจ้าได้แล้ว เจ้าต้องเข้าไปด้วยตนเอง”
ถวนจื่อพยักหน้า แล้วใช้มือเล็กๆ ผลักประตูนั้นเข้าไป
เมื่อสาวเท้าเข้าไปหนึ่งก้าว เงาร่างของนางก็หายไปด้านหลังประตูด้วยความรวดเร็ว
จากนั้นบานประตูก็ปิดลงอีกครั้ง
……….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...