เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1664

ทันใดนั้นฟ้าก็มืดครึ้มลงในทันที

เมฆดำรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ความมืดมิดกองรวมกัน จนมองไม่เห็นแสงสว่าง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเวลาเที่ยงวัน ท้องฟ้ากลับมืดดำราวกับใกล้ช่วงพลบค่ำ

รอบข้างถูกปกคลุมด้วยเงาดำเข้มข้นทั้งหมด

เสียงลมหยุดตัวลง

เหนือดินแดนรกร้างว่างเปล่ามีเพียงความเงียบสงัดที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

ความเงียบเช่นนี้ กลับทำให้คนรู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก

ทันใดนั้นสองมือของชายสวมชุดสีดำก็จับกระบองจรัสฟ้าแน่น ก่อนจะชี้กระบองขึ้นฟ้า!

“ไป!”

เสียงนี้แหบพร่าและดูห่างไกล พร้อมกระจายออกไปทั่วฟ้าดิน!

ในตอนนั้นเองอักขระยันต์ตัวที่สามบนกระบองจรัสฟ้าก็ระเบิดออกมาเป็นลำแสงสีเลือด! และพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า!

พรึ่บ!

ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน!

พลังสวรรค์และโลกที่อยู่รอบข้างโดนผลกระทบและเริ่มสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง!

ลำแสงสีเลือดพุ่งตรงไปบนท้องนภา ฉีกกลุ่มเมฆที่รวมตัวหนาจนกลายเป็นรูสายหนึ่ง!

เหมือนกับก้อนหินที่ตกลงสู่ทะเลสาบอันราบเรียบ ภายในชั่วพริบตาเดียวก็เกิดระลอกขึ้นกระจายตัวออกไป!

เหนือน่านฟ้า เมฆดำพวยพุ่งซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ

หลุมสีเลือดแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นกลางชั้นเมฆดำ

โดยมีลำแสงสีเลือดบนกระบองจรัสฟ้าเป็นศูนย์กลาง ก่อนจะแพร่กระจายออกไปรอบข้างอย่างไร้เสียง!

หลังจากนั้นไม่นานท้องฟ้าครึ่งหนึ่งก็ถูกย้อมด้วยสีเลือด ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนตกใจเป็นอย่างยิ่ง!

สีดำแดงสองสีผสานกัน

จิตสังหารอันเข้มข้นขยายออกไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็กดทับลงมาที่พื้น จนแทบทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก!

ในตอนนี้เหมือนว่าเวลาจะหมุนผ่านอย่างเชื่องช้าเป็นพิเศษ

ลำแสงสีเลือดพุ่งออกมาจากกระบองจรัสฟ้าผสานเข้ากับท้องนภา

ฟ้าดินมืดมิด มีเพียงลำแสงสีเลือดนี้เท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

พลังบนนั้นไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สีเลือดที่อยู่บนท้องฟ้าค่อยๆ จางลง แต่กลับขยายวงกว้างมากขึ้น

จากนั้นมันก็ปกคลุมทั่วท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว

ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ อยู่ภายในรัศมีสีเลือดนี้ไปในทันที

หรงซิวเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาหงส์ที่ล้ำลึกหรี่ตาลงดูท่าทางอันตราย

เมื่อดูไปแล้ว เหมือนว่าเขาต้องการแย่งของสิ่งนั้นจากเยว่เอ๋อร์มาโดยไม่สนใจวิธีการแล้ว…

การแสดงพลังในครั้งนี้แทบจะอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต

ดวงตาของเขาเหมือนมีระลอกคลื่นสาดซัด แสงสีดำทองพาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เขาค่อยๆ หลับตาลง ในตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แววตาก็กลับมาสงบราบเรียบเช่นเดิมแล้ว

ฉู่หนิงที่ยังอยู่ด้านข้างของหรงซิว หัวใจก็มาจุกที่ลำคอแล้ว เขารู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างยิ่ง

สองหมัดของเขากำแน่น ปากแผลปริแตกโดยที่เขาแทบจะไม่รู้สึกตัวเลย

ดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ไม่ไกลตาเขม็ง

นางจะต้อง…ปลอดภัยอย่างแน่นอน…

การเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แม้รัศมีห่างออกไปร้อยลี้ก็ยังสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน

หนานอวี่สิงและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น

เดิมทีพวกเขาก็สนใจสถานการณ์ของทางนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขณะที่เห็นลำแสงสีเลือดพุ่งขึ้นฟ้า พวกเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกอย่างปิดไม่มิด

“นั่นมันอันใดกัน?”

คิ้วเรียวดั่งก้านหลิวของหนานอีอีขมวดขึ้นเป็นปม ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและตื่นตระหนก

แม้จะอยู่ในระยะที่ไกลขนาดนี้ นางก็ยังสามารถสัมผัสปราณมารและแรงกดดันที่น่าหวาดกลัวจากลำแสงสีเลือดนั้นได้!

นางวางมือด้านหนึ่งที่หัวใจข้างซ้าย!

“ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์โจมตีเต็มกำลัง…ไม่อาจดูเบาได้จริงๆ”

“ดูเหมือนว่าชายที่สวมชุดสีดำผู้นั้นจะลงมืออย่างเต็มกำลังแล้ว”

หนานอวี่สิงหรี่สายตามอง ภายในใจมีทั้งความหวาดกลัวระคนยินดี

ที่หวาดกลัวก็เป็นเพราะว่า ฝีมือของชายสวมชุดดำคนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ ต่อให้พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ และต่อสู้พร้อมกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย!

แต่ที่ยินดีก็เป็นเพราะว่า คนที่จะต้องได้รับการโจมตีนี้ต้องเป็นหรงซิวและคนอื่นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย!

“คนผู้นั้นตั้งใจจะเอาชีวิตพวกเขาตั้งแต่แรกแล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางยั้งมือเด็ดขาด”

ผู้อาวุโสอูเผิงพูดขึ้นเสียงทุ้มต่ำ คิ้วของเขาขมวดขึ้น เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองผู้อาวุโสอูเผิงด้วยแววตาสับสน

“…หรือเจ้าไม่คิดว่ารัศมีของชายสวมชุดสีดำคนนั้นมีส่วนคล้ายกับคนของถ้ำปีศาจทมิฬหรือ?”

“ถ้ำปีศาจทมิฬ?”

ผู้อาวุโสอูเผิงและคนอื่นๆ ผงะไปพร้อมกัน

“พวกเขาหลบซ่อนจากทางโลกไปตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วไม่ใช่หรือ?”

หนานอวี่สิงขมวดคิ้วมุ่น

ตระกูลหนานของพวกเขาไม่เคยมีความสัมพันธ์ติดต่อกับถ้ำปีศาจทมิฬเลย

หลังจากถ้ำปีศาจทมิฬหลบหายไปแล้ว ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ถ้าผู้อาวุโสไป๋ถงไม่ได้เป็นคนพูดขึ้นมา เกรงว่าหนานอวี่สิงก็ยากจะคิดชื่อนี้ออกมาได้

“พฤติกรรมของพวกเขากำเริบเสิบสานมาโดยตลอด อีกทั้งภายในสำนักไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตหรือคนตัวเล็กๆ ได้ยินมาว่าพวกเขาล้วนลงมืออย่างโหดเหี้ยม แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้จะไม่ได้ยินเรื่องของพวกเขาเลย แต่…คนของถ้ำปีศาจทมิฬก็ไม่ใช่คนที่รับมือง่าย”

ผู้อาวุโสอูเผิงมีประสบการณ์มามากมาย เคยผ่านลมพายุน้อยใหญ่มากมายมาแล้ว

แม้ว่าเขาจะไม่เคยเผชิญหน้ากับคนของถ้ำปีศาจทมิฬ แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาก็เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับถ้ำปีศาจทมิฬมาไม่น้อย

หลายปีก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าพวกเขาได้รับการกระตุ้นจากเรื่องอะไร แต่หลังจากนั้นข่าวคราวของเขาก็หายไปในกลีบเมฆ

“แต่ในตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด…เหมือนว่าผู้ชายคนนั้น…จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนของถ้ำปีศาจทมิฬ”

ผู้อาวุโสอูเผิงจมอยู่ในความคิด

“เช่นนั้นเหตุใดเขาถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่…”

“ไม่ว่าเขาจะมีฐานะอันใดกันแน่ ตราบใดที่สามารถจัดการคนเหล่านั้นได้มันก็เพียงพอแล้ว!”

หนานอวี่สิงโบกมือ แล้วพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน

พวกเขาสองคนได้รับความเสียเปรียบจากน้ำมือของหรงซิว แน่นอนว่าเขาต้องการจะแก้แค้น

แม้ว่าในตอนนี้จะไม่สามารถลงมือด้วยตนเองได้ ดังนั้นจึงรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ว่า…หากสามารถจัดการพวกเขาได้ เช่นนั้นก็ดีมากแล้ว

หนานอีอีได้ยินดังนั้นจึงเม้มริมฝีปาก เหมือนกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง

หนานอวี่สิงเหลือบสายตาหันไปมอง เมื่อดูจากสีหน้าของนางแล้ว มีหรือที่เขาจะคาดเดาไม่ออกว่านางกำลังคิดอะไรอยู่?

ใบหน้าของเขาเย็นชาขึ้น

“อีอี หรือเจ้ายังคงคิดถึงหรงซิวผู้นั้นอยู่!”

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์