ทันใดนั้นฟ้าก็มืดครึ้มลงในทันที
เมฆดำรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ความมืดมิดกองรวมกัน จนมองไม่เห็นแสงสว่าง
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเวลาเที่ยงวัน ท้องฟ้ากลับมืดดำราวกับใกล้ช่วงพลบค่ำ
รอบข้างถูกปกคลุมด้วยเงาดำเข้มข้นทั้งหมด
เสียงลมหยุดตัวลง
เหนือดินแดนรกร้างว่างเปล่ามีเพียงความเงียบสงัดที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
ความเงียบเช่นนี้ กลับทำให้คนรู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก
ทันใดนั้นสองมือของชายสวมชุดสีดำก็จับกระบองจรัสฟ้าแน่น ก่อนจะชี้กระบองขึ้นฟ้า!
“ไป!”
เสียงนี้แหบพร่าและดูห่างไกล พร้อมกระจายออกไปทั่วฟ้าดิน!
ในตอนนั้นเองอักขระยันต์ตัวที่สามบนกระบองจรัสฟ้าก็ระเบิดออกมาเป็นลำแสงสีเลือด! และพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า!
พรึ่บ!
ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน!
พลังสวรรค์และโลกที่อยู่รอบข้างโดนผลกระทบและเริ่มสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง!
ลำแสงสีเลือดพุ่งตรงไปบนท้องนภา ฉีกกลุ่มเมฆที่รวมตัวหนาจนกลายเป็นรูสายหนึ่ง!
เหมือนกับก้อนหินที่ตกลงสู่ทะเลสาบอันราบเรียบ ภายในชั่วพริบตาเดียวก็เกิดระลอกขึ้นกระจายตัวออกไป!
เหนือน่านฟ้า เมฆดำพวยพุ่งซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ
หลุมสีเลือดแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นกลางชั้นเมฆดำ
โดยมีลำแสงสีเลือดบนกระบองจรัสฟ้าเป็นศูนย์กลาง ก่อนจะแพร่กระจายออกไปรอบข้างอย่างไร้เสียง!
หลังจากนั้นไม่นานท้องฟ้าครึ่งหนึ่งก็ถูกย้อมด้วยสีเลือด ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนตกใจเป็นอย่างยิ่ง!
สีดำแดงสองสีผสานกัน
จิตสังหารอันเข้มข้นขยายออกไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็กดทับลงมาที่พื้น จนแทบทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก!
ในตอนนี้เหมือนว่าเวลาจะหมุนผ่านอย่างเชื่องช้าเป็นพิเศษ
ลำแสงสีเลือดพุ่งออกมาจากกระบองจรัสฟ้าผสานเข้ากับท้องนภา
ฟ้าดินมืดมิด มีเพียงลำแสงสีเลือดนี้เท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
พลังบนนั้นไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สีเลือดที่อยู่บนท้องฟ้าค่อยๆ จางลง แต่กลับขยายวงกว้างมากขึ้น
จากนั้นมันก็ปกคลุมทั่วท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว
ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ อยู่ภายในรัศมีสีเลือดนี้ไปในทันที
หรงซิวเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาหงส์ที่ล้ำลึกหรี่ตาลงดูท่าทางอันตราย
เมื่อดูไปแล้ว เหมือนว่าเขาต้องการแย่งของสิ่งนั้นจากเยว่เอ๋อร์มาโดยไม่สนใจวิธีการแล้ว…
การแสดงพลังในครั้งนี้แทบจะอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต
ดวงตาของเขาเหมือนมีระลอกคลื่นสาดซัด แสงสีดำทองพาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เขาค่อยๆ หลับตาลง ในตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แววตาก็กลับมาสงบราบเรียบเช่นเดิมแล้ว
ฉู่หนิงที่ยังอยู่ด้านข้างของหรงซิว หัวใจก็มาจุกที่ลำคอแล้ว เขารู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างยิ่ง
สองหมัดของเขากำแน่น ปากแผลปริแตกโดยที่เขาแทบจะไม่รู้สึกตัวเลย
ดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ไม่ไกลตาเขม็ง
นางจะต้อง…ปลอดภัยอย่างแน่นอน…
การเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แม้รัศมีห่างออกไปร้อยลี้ก็ยังสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน
หนานอวี่สิงและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น
เดิมทีพวกเขาก็สนใจสถานการณ์ของทางนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขณะที่เห็นลำแสงสีเลือดพุ่งขึ้นฟ้า พวกเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกอย่างปิดไม่มิด
“นั่นมันอันใดกัน?”
คิ้วเรียวดั่งก้านหลิวของหนานอีอีขมวดขึ้นเป็นปม ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและตื่นตระหนก
แม้จะอยู่ในระยะที่ไกลขนาดนี้ นางก็ยังสามารถสัมผัสปราณมารและแรงกดดันที่น่าหวาดกลัวจากลำแสงสีเลือดนั้นได้!
นางวางมือด้านหนึ่งที่หัวใจข้างซ้าย!
“ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์โจมตีเต็มกำลัง…ไม่อาจดูเบาได้จริงๆ”
“ดูเหมือนว่าชายที่สวมชุดสีดำผู้นั้นจะลงมืออย่างเต็มกำลังแล้ว”
หนานอวี่สิงหรี่สายตามอง ภายในใจมีทั้งความหวาดกลัวระคนยินดี
ที่หวาดกลัวก็เป็นเพราะว่า ฝีมือของชายสวมชุดดำคนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ ต่อให้พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ และต่อสู้พร้อมกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย!
แต่ที่ยินดีก็เป็นเพราะว่า คนที่จะต้องได้รับการโจมตีนี้ต้องเป็นหรงซิวและคนอื่นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย!
“คนผู้นั้นตั้งใจจะเอาชีวิตพวกเขาตั้งแต่แรกแล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางยั้งมือเด็ดขาด”
ผู้อาวุโสอูเผิงพูดขึ้นเสียงทุ้มต่ำ คิ้วของเขาขมวดขึ้น เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองผู้อาวุโสอูเผิงด้วยแววตาสับสน
“…หรือเจ้าไม่คิดว่ารัศมีของชายสวมชุดสีดำคนนั้นมีส่วนคล้ายกับคนของถ้ำปีศาจทมิฬหรือ?”
“ถ้ำปีศาจทมิฬ?”
ผู้อาวุโสอูเผิงและคนอื่นๆ ผงะไปพร้อมกัน
“พวกเขาหลบซ่อนจากทางโลกไปตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วไม่ใช่หรือ?”
หนานอวี่สิงขมวดคิ้วมุ่น
ตระกูลหนานของพวกเขาไม่เคยมีความสัมพันธ์ติดต่อกับถ้ำปีศาจทมิฬเลย
หลังจากถ้ำปีศาจทมิฬหลบหายไปแล้ว ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ถ้าผู้อาวุโสไป๋ถงไม่ได้เป็นคนพูดขึ้นมา เกรงว่าหนานอวี่สิงก็ยากจะคิดชื่อนี้ออกมาได้
“พฤติกรรมของพวกเขากำเริบเสิบสานมาโดยตลอด อีกทั้งภายในสำนักไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตหรือคนตัวเล็กๆ ได้ยินมาว่าพวกเขาล้วนลงมืออย่างโหดเหี้ยม แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้จะไม่ได้ยินเรื่องของพวกเขาเลย แต่…คนของถ้ำปีศาจทมิฬก็ไม่ใช่คนที่รับมือง่าย”
ผู้อาวุโสอูเผิงมีประสบการณ์มามากมาย เคยผ่านลมพายุน้อยใหญ่มากมายมาแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเผชิญหน้ากับคนของถ้ำปีศาจทมิฬ แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาก็เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับถ้ำปีศาจทมิฬมาไม่น้อย
หลายปีก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าพวกเขาได้รับการกระตุ้นจากเรื่องอะไร แต่หลังจากนั้นข่าวคราวของเขาก็หายไปในกลีบเมฆ
“แต่ในตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด…เหมือนว่าผู้ชายคนนั้น…จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนของถ้ำปีศาจทมิฬ”
ผู้อาวุโสอูเผิงจมอยู่ในความคิด
“เช่นนั้นเหตุใดเขาถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่…”
“ไม่ว่าเขาจะมีฐานะอันใดกันแน่ ตราบใดที่สามารถจัดการคนเหล่านั้นได้มันก็เพียงพอแล้ว!”
หนานอวี่สิงโบกมือ แล้วพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน
พวกเขาสองคนได้รับความเสียเปรียบจากน้ำมือของหรงซิว แน่นอนว่าเขาต้องการจะแก้แค้น
แม้ว่าในตอนนี้จะไม่สามารถลงมือด้วยตนเองได้ ดังนั้นจึงรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ว่า…หากสามารถจัดการพวกเขาได้ เช่นนั้นก็ดีมากแล้ว
หนานอีอีได้ยินดังนั้นจึงเม้มริมฝีปาก เหมือนกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
หนานอวี่สิงเหลือบสายตาหันไปมอง เมื่อดูจากสีหน้าของนางแล้ว มีหรือที่เขาจะคาดเดาไม่ออกว่านางกำลังคิดอะไรอยู่?
ใบหน้าของเขาเย็นชาขึ้น
“อีอี หรือเจ้ายังคงคิดถึงหรงซิวผู้นั้นอยู่!”
……….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...