เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1691

……….

ทันทีที่สิ้นเสียง รอบข้างก็เงียบกริบ

สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางกลับหัวเราะขึ้นเสียงเย็น

“อ่า จริงสิ เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว นับว่าข้าเป็นคนช่วยเหลือพวกเจ้าเสียด้วยซ้ำ แทนที่พวกเจ้าจะขอบคุณข้า แต่กลับสร้างปัญหาให้ข้า…ช่างน่าสนใจจริงๆ”

บรรยากาศก็ยิ่งแปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น

คาดไม่ถึงว่าในตอนนั้นลั่วเหยี่ยนจะไม่รู้ว่าตนเองควรแสดงสีหน้าอย่างใด สีหน้าของเขาจึงกระอักกระอ่วนและแข็งทื่อ

เขากวาดสายตามองหนานอีอีและคนอื่นๆ ด้วยความรวดเร็ว ภายในใจก็ดำดิ่ง

เขารู้จักหนานอีอีและคนอื่นๆ เป็นอย่างดี

ตอนที่ซั่งกวนเยว่พูดขึ้นเช่นนั้น สีหน้าของพวกเขากลับดูย่ำแย่ขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้มีสีหน้าตกตะลึง ซึ่งนั่นหมายความว่า…เรื่องนี้เป็นความจริงเก้าในสิบส่วน!

ในที่สุดหนานอีอีก็โต้เถียงออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า

“ไม่มีใครรู้ว่าคนผู้นั้นถูกเจ้าจัดการจริงหรือไม่? หากพวกเจ้าใช้เล่ห์กลอื่น…”

“การใช้เล่ห์กลได้ ก็เป็นความสามารถของข้าเช่นกันไม่ใช่หรือ?”

ฉู่หลิวเยว่พูดแทรกนางขึ้นด้วยรอยยิ้ม

กระบวนการไม่สำคัญ ผลลัพธ์สิถึงสำคัญที่สุด!

หนานอีอีสำลัก

ลั่วเหยี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงคนหนึ่ง…สังหารผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ?

จะเป็นไปได้อย่างใด!

ทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่ เหมือนว่าเขาจะไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย!

หนานซู่ไหวรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากแล้วรีบถามว่า

“นางหนูเยว่เออร์ เจ้าพูดจริงหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ

“อาจารย์ ข้าเคยหลอกท่านสักครั้งหรือไม่? หรงซิว ท่านพ่อและถวนจื่อ ล้วนสามารถเป็นพยานให้ข้าได้”

หนานซู่ไหวตำหนิขึ้นในใจ เจ้าหลอกลวงข้ามาตั้งกี่ครั้งแล้ว?

แต่คำพูดนี้ไม่สามารถพูดออกไปได้

หรงซิวพยักหน้า

“ทุกสิ่งที่เยว่เออร์พูดเป็นความจริง ที่พวกเรามาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพราะว่าคนผู้นั้นจับตัวใต้เท้าฉู่หนิงเป็นตัวประกัน เดิมทีแล้วเขาต้องการจะสังหารเยว่เออร์ เพียงแต่ว่าเขากลับเป็นฝ่ายถูกสังหารแทนก็เท่านั้น”

เพียงแต่ว่าเขากลับเป็นฝ่ายถูกสังหารแทน…ก็เท่านั้น?

ต่อให้เป็นหนานซู่ไหว เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้มุมปากก็กระตุกขึ้นอย่างอดไม่ได้

ฟังดูสิ!

นี่มันเป็นสิ่งที่มนุษย์พูดกันหรือ!

ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงสังหารระดับเทพศักดิ์สิทธิ์…

แต่พวกเจ้ากลับพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาอย่างใจเย็นน่ะหรือ!

แม้ว่าเขาจะตกใจแต่หนานซู่ไหวก็สามารถรับได้อย่างรวดเร็ว

…ตั้งแต่ที่เขารับนางหนูเยว่เออร์เป็นศิษย์ เขาก็รู้ดีว่า ไม่ว่าเรื่องใดที่นางกระทำ ไม่มีเรื่องไหนเป็นไปไม่ได้

แม้กระทั่งค่ายกลกระสวยสวรรค์ของสำนักนางก็สามารถซ่อมแซมได้ การสังหารผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง มีอันใดให้น่าประหลาดใจกัน?

ในตอนนี้หนานซู่ไหวได้เจอเรื่องแปลกจนเคยชินแล้ว

ความคิดที่เหลืออยู่ตอนนี้คือ บางทีการมีลูกศิษย์ที่มุมานะเกินไป ก็เป็นการทดสอบหัวใจอาจารย์จริงๆ

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วยกนิ้วโป้งไปทางฉู่หลิวเยว่พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า

“เยว่เออร์ เจ้าจัดการได้อย่างงดงามจริงๆ! สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของข้าหนานซู่ไหวผู้นี้! กลับไปเจ้าต้องเล่าเรื่องนี้ให้อาจารย์ฟังอย่างชัดเจน ว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่!”

ฉู่หลิวเยว่ตอบรับ

“เจ้าค่ะ”

เมื่อเห็นว่าสองศิษย์อาจารย์ดูท่าทางมีความสุข ลั่วเหยี่ยนรู้สึกว่าเส้นฟางที่อยู่ในสมองของเขาตึงขึงมากขึ้น!

ตอนนี้มันเป็นเวลาอันใดกัน คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาพูดคุยเรื่องเหล่านี้?

คนเหล่านี้…จะรังแกกันเกินไปแล้ว!

อีกฝ่ายไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย!

“ทุกอย่างเป็นเพียงคำพูดจากฝ่ายเจ้าเท่านั้น! จะสามารถเชื่อถือได้อย่างใด!”

ในที่สุดเขาก็อดทนต่อไปไม่ไหว และตำหนิขึ้นด้วยเสียงเย็นชา

เสียงนั้นก็ได้เตือนสติหนานซู่ไหวว่าที่แห่งนี้ยังมีผู้อื่นอยู่

แม้ว่าน้ำเสียงของหนานอีอีจะเบามาก แต่คนที่อยู่ที่แห่งนี้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ทุกคนสามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน

ในแววตาของฉู่หลิวเยว่มีความเหนื่อยล้าและหมดความอดทนอยู่หลายส่วน

พวกเขาไม่รู้สึกรำคาญ แต่นางรำคาญแล้ว

“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังมองหาอันใดอยู่ แต่ข้าไม่มีของสิ่งนั้น ตอนนี้พวกเจ้าจะขอโทษ หรือว่าจะสู้ก็เลือกมาสักอย่าง!”

เมื่อมีหนานซู่ไหวอยู่ โอกาสชนะของพวกเขาก็มากขึ้น ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกกลัวหากจะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้น

หนานซู่ไหวขมวดคิ้วขึ้น

“นางหนูเยว่เออร์ พวกเขากำลังพูดอันใดน่ะ?”

ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า

หากนางรู้ นางจะมาเล่นทายปริศนากับพวกเขาอยู่เหตุใด

หลังจากผ่านไปสักพัก ลั่วเหยี่ยนก็สาวเท้าขึ้นมาด้านหน้า

“ข้ามีข้อเสนอ ซั่งกวนเยว่ หากเจ้ายอมให้ข้าค้นตัว และเมื่อของสิ่งนั้นไม่ได้อยู่ในตัวเจ้า ข้าจะทำการขอโทษเจ้าในทันที อีกทั้งยังจะมอบของขวัญให้หนึ่งอย่างเพื่อแทนคำขอโทษ แต่ถ้าเจ้าไม่ยินยอม เช่นนั้น…เกรงว่าเรื่องในวันนี้จะต้องใช้เวลาอีกนานแล้ว”

คำพูดนี้ส่วนหนึ่งเป็นการขอความคิดเห็น อีกส่วนเป็นการข่มขู่

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น ภายในใจมีความไม่ยินดีปรากฏ

สีหน้าของหนานซู่ไหวเย็นลงหลายส่วน

“ลั่วเหยี่ยน…”

“ตกลง”

ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

หลังจากนั้นครุ่นคิดถึงข้อเสนอนี้อย่างละเอียดแล้ว นางก็รู้สึกว่าตนเองไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบ

อีกทั้งพวกเขายังมีอาจารย์อยู่ พวกเขาต้องมีโอกาสชนะมากกว่าแน่นอน

แต่ภูมิหลังของอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดา หากต้องฉีกหน้าอีกฝ่ายจริงๆ เกรงว่าเรื่องนี้จะจัดการอย่างยากลำบาก

หากสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย มันจะต้องเป็นเรื่องที่ดีมากแน่นอน

นางเดินขึ้นมาหนึ่งก้าว

“เชิญเจ้าค่ะ…”

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์