………………..
“บังเอิญเหลือเกิน”
คนผู้นั้นหยุดยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอเจ้าในที่แห่งนี้ได้”
หัวใจของหนานอีอีเหมือนถูกอันใดบางอย่างบีบรัดจนแน่น
ขณะที่นางกำลังจะพูด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของชายตรงหน้าหัวเราะขึ้น
“บังเอิญมากจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่เจ้าเข้ามาที่นี่ด้วยเช่นกัน”
หนานอีอีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พบว่า คำพูดของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ ไม่ได้พูดกับนางอยู่
นางขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม สายตามึนงงและสงสัยกวาดไปที่พวกเขาทั้งสองคน
พวกเขา…รู้จักกันหรือ?
ไม่น่าเป็นไปได้!
นางรู้จักผู้ชายที่อยู่ด้านหน้า เขาเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับซั่งกวนเยว่ในคราแรก และเหมือนว่าจะเป็นญาติของนางด้วย!
หนานอีอีไม่ได้รู้สึกตกใจเท่าไรที่เขามาปรากฏตัวที่นี่
ในตอนนั้นทุกคนถูกดูดกลืนเข้ามาด้านใน ซึ่งอาจจะเกิดเรื่องบังเอิญและอุบัติเหตุมากมาย
แต่…
เหตุใดเขาถึงรู้จักผู้ชายที่ร่วมเดินทางกับนางได้เล่า?
ชายคนนั้นถูกขังอยู่ที่นี่เป็นเวลาพันปีแล้วไม่ใช่หรือ!
ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าของนางพูดต่อว่า
“ความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้ข้าประหลาดใจก็คือ เจ้ายังไม่ตาย”
น้ำเสียงของเขาฟังดูแล้วราบเรียบเป็นอย่างมาก แต่หากสังเกตดีๆ ก็จะพบว่าเหมือนมีอันใดบางอย่างถูกกดทับเอาไว้
“ประโยคนี้ ข้าควรจะเป็นคนพูดสิถึงจะถูกต้อง เจ้านี่ตายยากจริงๆ เลยนะ ถูกขังอยู่ที่นี่เป็นเวลานานขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่า…เจ้ายังจะดิ้นรนอยู่ต่อไปวันๆ”
ทันทีที่สิ้นเสียง หนานอีอีก็สามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงปะทุขึ้นมา!
แต่จิตสังหารนั้นปรากฏขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น
กว่าหนานอีอีจะตอบสนองได้ ความรู้สึกอันเย็นยะเยือกก็จางหายไปหมดแล้ว
เหมือนว่าทั้งหมดเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น
สายตาของซั่งกวนจิ้งกวาดมองทางหนานอีอี ดวงตาคู่นั้นเหมือนมองทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะช่วยเหลือเขาไว้…หนานอีอี เกรงว่าเจ้าจะยังไม่รู้ คนที่เจ้าช่วยมานั้นเป็นคนประเภทไหน?”
หนานอีอีรู้สึกผิดและตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่มีเหตุผล
นางเหลือบสายตามองชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว
คำพูดเหล่านี้เหตุใดดูเหมือนว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติ?
หรือว่าชายคนนี้มีฐานะไม่ธรรมดา หรือว่าเขาจะ…มีอันใดบางอย่างปิดบังอยู่?
“ซั่งกวนจิ้ง บุญคุณความแค้นระหว่างข้ากับเจ้านั้นสิ้นสุดลงไปแล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง เจ้าอยากจะทำอันใดก็ทำไปเถอะ แต่อย่าขวางไม่ให้ข้าออกไป ไม่เช่นนั้น…ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว!”
นี่เป็นครั้งแรกที่หนานอีอีสัมผัสได้ว่าคำพูดของชายที่อยู่ด้านหน้านางนั้นมีแรงคุกคามและความเย็นยะเยือก!
เหมือนกับซั่งกวนจิ้งได้ยินเรื่องขบขันเข้า เขาหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง หลังจากผ่านไปสักพักก็พูดขึ้นว่า
“อวี๋หงซาน! เจ้าจะไม่เกรงใจข้าได้อย่างใด? ตอนนี้แม้กระทั่งกายเนื้อของเจ้ายังไม่มี จะโจมตีข้าด้วยเสี้ยวจิตวิญญาณของเจ้าหรือ!”
ช่างน่าขัน!
ในปีนั้นฝีมือของอวี๋หงซานก็ยังไม่สามารถเทียบเทียมเขาได้ ต้องอาศัยการลอบกัดถึงจะสามารถเสมอกับเขาได้
หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดในครั้งนั้น ซั่งกวนจิ้งที่บาดเจ็บก็เดินทางไปที่บุพกาลชายแดนเหนือ แต่ทว่าอวี๋หงซานกลับถูกดูดกลืนมาภายในมิติของกำแพงสีดำแห่งนี้ พันปีไม่สามารถออกมาได้!
ความจริงแล้วต่างฝ่ายต่างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงตอนนี้ แต่ก็คิดไม่ถึงมากกว่าว่าพวกเขาจะได้มาเจอกันในที่แห่งนี้
“ซั่งกวนจิ้ง เจ้ายังคิดว่าข้าจะเป็นเหมือนปีนั้นอยู่หรือ?”
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น แรงกดดันอันมหาศาลก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา!
ซั่งกวนจิ้งหรี่ตามองแล้วหัวเราะขึ้น
“มิน่าสามารถพูดได้อย่างโอหัง ที่แท้เจ้าก็ทะลวงด่านเป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว…”
นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ
ไม่มีกายเนื้อ แต่กลับสามารถทะลวงด่านจากระดับเทพขั้นสูงเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ นี่แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
มิน่าล่ะเขาถึงกำเริบเสิบสานอย่างนี้
แต่นี่ก็ผ่านมาพันปีแล้ว อวี๋หงซานก็จะต้องทุ่มเทอย่างหนัก
หรือไม่เขาอาจจะได้พบกับโอกาสอันใดบางอย่างในที่แห่งนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...