เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1706

………………..

“บังเอิญเหลือเกิน”

คนผู้นั้นหยุดยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอเจ้าในที่แห่งนี้ได้”

หัวใจของหนานอีอีเหมือนถูกอันใดบางอย่างบีบรัดจนแน่น

ขณะที่นางกำลังจะพูด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของชายตรงหน้าหัวเราะขึ้น

“บังเอิญมากจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่เจ้าเข้ามาที่นี่ด้วยเช่นกัน”

หนานอีอีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พบว่า คำพูดของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ ไม่ได้พูดกับนางอยู่

นางขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม สายตามึนงงและสงสัยกวาดไปที่พวกเขาทั้งสองคน

พวกเขา…รู้จักกันหรือ?

ไม่น่าเป็นไปได้!

นางรู้จักผู้ชายที่อยู่ด้านหน้า เขาเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับซั่งกวนเยว่ในคราแรก และเหมือนว่าจะเป็นญาติของนางด้วย!

หนานอีอีไม่ได้รู้สึกตกใจเท่าไรที่เขามาปรากฏตัวที่นี่

ในตอนนั้นทุกคนถูกดูดกลืนเข้ามาด้านใน ซึ่งอาจจะเกิดเรื่องบังเอิญและอุบัติเหตุมากมาย

แต่…

เหตุใดเขาถึงรู้จักผู้ชายที่ร่วมเดินทางกับนางได้เล่า?

ชายคนนั้นถูกขังอยู่ที่นี่เป็นเวลาพันปีแล้วไม่ใช่หรือ!

ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าของนางพูดต่อว่า

“ความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้ข้าประหลาดใจก็คือ เจ้ายังไม่ตาย”

น้ำเสียงของเขาฟังดูแล้วราบเรียบเป็นอย่างมาก แต่หากสังเกตดีๆ ก็จะพบว่าเหมือนมีอันใดบางอย่างถูกกดทับเอาไว้

“ประโยคนี้ ข้าควรจะเป็นคนพูดสิถึงจะถูกต้อง เจ้านี่ตายยากจริงๆ เลยนะ ถูกขังอยู่ที่นี่เป็นเวลานานขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่า…เจ้ายังจะดิ้นรนอยู่ต่อไปวันๆ”

ทันทีที่สิ้นเสียง หนานอีอีก็สามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงปะทุขึ้นมา!

แต่จิตสังหารนั้นปรากฏขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น

กว่าหนานอีอีจะตอบสนองได้ ความรู้สึกอันเย็นยะเยือกก็จางหายไปหมดแล้ว

เหมือนว่าทั้งหมดเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น

สายตาของซั่งกวนจิ้งกวาดมองทางหนานอีอี ดวงตาคู่นั้นเหมือนมองทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะช่วยเหลือเขาไว้…หนานอีอี เกรงว่าเจ้าจะยังไม่รู้ คนที่เจ้าช่วยมานั้นเป็นคนประเภทไหน?”

หนานอีอีรู้สึกผิดและตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่มีเหตุผล

นางเหลือบสายตามองชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว

คำพูดเหล่านี้เหตุใดดูเหมือนว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติ?

หรือว่าชายคนนี้มีฐานะไม่ธรรมดา หรือว่าเขาจะ…มีอันใดบางอย่างปิดบังอยู่?

“ซั่งกวนจิ้ง บุญคุณความแค้นระหว่างข้ากับเจ้านั้นสิ้นสุดลงไปแล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง เจ้าอยากจะทำอันใดก็ทำไปเถอะ แต่อย่าขวางไม่ให้ข้าออกไป ไม่เช่นนั้น…ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว!”

นี่เป็นครั้งแรกที่หนานอีอีสัมผัสได้ว่าคำพูดของชายที่อยู่ด้านหน้านางนั้นมีแรงคุกคามและความเย็นยะเยือก!

เหมือนกับซั่งกวนจิ้งได้ยินเรื่องขบขันเข้า เขาหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง หลังจากผ่านไปสักพักก็พูดขึ้นว่า

“อวี๋หงซาน! เจ้าจะไม่เกรงใจข้าได้อย่างใด? ตอนนี้แม้กระทั่งกายเนื้อของเจ้ายังไม่มี จะโจมตีข้าด้วยเสี้ยวจิตวิญญาณของเจ้าหรือ!”

ช่างน่าขัน!

ในปีนั้นฝีมือของอวี๋หงซานก็ยังไม่สามารถเทียบเทียมเขาได้ ต้องอาศัยการลอบกัดถึงจะสามารถเสมอกับเขาได้

หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดในครั้งนั้น ซั่งกวนจิ้งที่บาดเจ็บก็เดินทางไปที่บุพกาลชายแดนเหนือ แต่ทว่าอวี๋หงซานกลับถูกดูดกลืนมาภายในมิติของกำแพงสีดำแห่งนี้ พันปีไม่สามารถออกมาได้!

ความจริงแล้วต่างฝ่ายต่างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงตอนนี้ แต่ก็คิดไม่ถึงมากกว่าว่าพวกเขาจะได้มาเจอกันในที่แห่งนี้

“ซั่งกวนจิ้ง เจ้ายังคิดว่าข้าจะเป็นเหมือนปีนั้นอยู่หรือ?”

ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น แรงกดดันอันมหาศาลก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา!

ซั่งกวนจิ้งหรี่ตามองแล้วหัวเราะขึ้น

“มิน่าสามารถพูดได้อย่างโอหัง ที่แท้เจ้าก็ทะลวงด่านเป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว…”

นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ

ไม่มีกายเนื้อ แต่กลับสามารถทะลวงด่านจากระดับเทพขั้นสูงเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ นี่แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

มิน่าล่ะเขาถึงกำเริบเสิบสานอย่างนี้

แต่นี่ก็ผ่านมาพันปีแล้ว อวี๋หงซานก็จะต้องทุ่มเทอย่างหนัก

หรือไม่เขาอาจจะได้พบกับโอกาสอันใดบางอย่างในที่แห่งนี้

“ถ้าไม่อยากตายก็หุบปาก!”

หนานอีอีที่ถูกตำหนิ ก็รู้สึกมึนงงไปในทันที

อย่างใดก็ตามด้วยแรงกดดันของอีกฝ่าย นางจึงไม่กล้าก่อเรื่อง ทำได้เพียงกัดฟันกรอดเท่านั้น ก่อนจะกลืนคำพูดที่เหลือเหล่านั้นลงคอ

นางยังอยากออกไป…

รอจนออกไปจากที่นี่ได้แล้ว นางจะได้ไม่ต้องถูกคนเหล่านี้กดขี่อีกต่อไป!

อวี๋หงซานหันไปมองซั่งกวนจิ้งอีกครั้ง เพื่อรอคำตอบของเขา

ขอเพียงแค่สมองของซั่งกวนจิ้งไม่ได้มีปัญหา อีกฝ่ายจะต้องตอบตกลงเงื่อนไขของเขาอย่างแน่นอน

หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดซั่งกวนจิ้งก็พูดขึ้นมาว่า

“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าจะออกไปอย่างใด…”

อวี๋หงซานรอคอยอย่างเงียบเชียบ

“เช่นนั้นเจ้าก็จะต้องรู้วิธีตามหาคนอื่นในที่แห่งนี้ใช่หรือไม่?”

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของอวี๋หงซานก็แข็งค้าง

เขาพูดขึ้นด้วยใบหน้ามืดดำ

“ซั่งกวนจิ้ง เจ้าหมายความว่าอย่างใด?”

ซั่งกวนจิ้งหัวเราะขึ้นมาหนึ่งเสียง

“ไม่มีอันใด ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยเหลือเยว่เออร์และคนอื่นๆ ออกมาได้เท่านั้น จากนั้นพวกเราค่อยออกไปด้วยกัน ร้ายดีอย่างใดพวกเราก็นับว่ารู้จักมักจี่กันอยู่แล้ว ความช่วยเหลือเล็กน้อยเท่านี้ เจ้าคงยินดีจะช่วยสินะ?”

“ซั่งกวนจิ้ง!” อวี๋หงซานขึ้นเสียงสูงใส่อีกฝ่ายทันที!

รอยยิ้มของซั่งกวนจิ้งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาผายมือขึ้น

“เชิญ…”

ฉู่หลิวเยว่กำลังตั้งใจอ่านเนื้อเพลงฉินที่อยู่ในมือของตนเองอย่างตั้งใจ

นางจำไม่ได้ว่าตนเองอ่านไปกี่แผ่นแล้ว แต่เนื้อเพลงฉินที่อยู่รอบกายนางนั้นก็ลดจำนวนลงไปอย่างเห็นได้ชัดแล้ว

อีกทั้งระยะเวลาในการอ่านของนางก็เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์