เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1707

………………..

ฉู่หลิวเยว่ฟังบทเพลงนี้มาหลายรอบแล้ว

นางเป็นคนที่เฉลียวฉลาดอย่างมาก เมื่ออ่านอันใดหรือได้ยินอันใดก็แทบจะสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำ

แต่เพราะว่านี่ไม่ใช่เนื้อเพลงฉินธรรมดา ดังนั้นแม้ว่านางจะฟังมาหลายรอบ แต่ก็ไม่สามารถจดจำได้ทั้งหมด

แต่ละจังหวะ เหมือนว่ามีความวิเศษและโลดโผน

เสียงฉินนั้นดังกระทบโสตประสาท ผ่านเข้ามาในสมอง และทิ้งร่องรอยเอาไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงต้องจดจำทีละน้อย จากนั้นก็เปรียบเทียบกับเนื้อเพลงฉินที่อยู่ในมือ เพื่อแยกแยะว่าเป็นของจริงหรือของเท็จ

ไม่รู้ว่าใช่ความเคยชินหรือไม่ ความเจ็บปวดรอบข้างจึงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความด้านชา

ดังนั้นจึงทำให้นางมุ่งความสนใจไปที่เนื้อเพลงฉินได้เต็มที่

การเคลื่อนไหวของอาจิ่งชะงักไป พร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อย

ดวงตาของเขานั้นดำขลับ

“หนวกหูเสียจริง…”

เขาพูดขึ้นเสียงทุ้มต่ำ ภายในน้ำเสียงมีร่องรอยของการหมดความอดทน

เดิมทีแล้วเขาเป็นคนที่ไม่มีความอดทนมาโดยตลอด เพียงแต่เวลาส่วนใหญ่นั้นเขาคร้านจะใส่ใจมากกว่า ดังนั้นจึงขี้เกียจไปคิดเล็กคิดน้อย ได้แต่หลับตาข้างหนึ่งแล้วปล่อยให้มันผ่านไป

แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว

เขารอเวลานี้มาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ได้พบกับฉู่หลิวเยว่

กว่าจะบำเพ็ญเพียรได้ถูกต้องตามหลักก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วจะให้คนอื่นมารบกวนได้อย่างใด?

นิ้วชี้ของเขาขยับขึ้นเล็กน้อย ลำแสงคมกริบก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว!

แต่ว่าการกระทำทั้งหมดนี้ เขาทำอย่างไร้เสียง ฉู่หลิวเยว่ที่ตั้งสมาธิจดจ่อกับเนื้อเพลงฉินจึงไม่ได้สังเกตเห็นเลย

กระแสเสียงกึกก้องกัมปนาท ประกายเพลิงลูกหนึ่งระเบิดขึ้นที่ด้านหน้าของอี้เจา

เขาสะกิดปลายเท้าแล้วรีบถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว!

แรงระเบิดกระจายไปโดยรอบ บนพื้นทิ้งร่องรอยเปลวเพลิงเผาไหม้เอาไว้ด้วย

หนานอีฝานและคนอื่นๆ ถอยหลังลงไปอีกครั้ง

หลังจากผ่านไปสักพักพลังเหล่านั้นค่อยๆ สงบลง

ควันและฝุ่นฟุ้งกระจาย ภายในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นไหม้

ร้อนแรง แผดเผา

หนานอีฝานคลายมือออก กลางฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อเปียกชื้น

เมื่อครู่นี้…มันน่ากลัวมากจริงๆ

อี้เจากำลังเผชิญหน้ากับพลังของกำแพงสีดำที่ระเบิดออกมา พลังทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง!

พวกเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็สามารถสัมผัสได้ถึงไอความร้อนที่หน้าหวาดกลัวแล้ว วินาทีถัดมาไอความร้อนเหล่านั้นก็พวยพุ่งเข้ามาทางพวกเขา!

หากเปลี่ยนเป็นพวกเขา เกรงว่าหนึ่งในสามของพลังนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานได้

“ประมุข ท่านเป็นอย่างใดบ้าง?”

ผู้อาวุโสอี้อวี่พุ่งตัวมาที่ข้างกายของอี้เจาด้วยความรวดเร็ว สีหน้าตื่นตระหนกอย่างหาได้ยาก

อี้เจาส่ายหน้า

“ข้าไม่เป็นไร แต่ว่า…กำแพงแห่งนี้ถูกปิดผนึกด้วยพลังที่แข็งแกร่ง หากต้องการจะบุกเข้าไปด้านในนั้น เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากแล้ว”

ความจริงแล้วผู้อาวุโสอี้อวี่ก็สามารถคาดเดาผลลัพธ์นี้ได้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าตึงเครียดของอี้เจา หัวใจของเขาจึงรู้สึกดำดิ่งโดยไม่รู้ตัว

หากแม้กระทั่งประมุขยังพูดเช่นนี้…

เกรงว่าเรื่องนี้คงจะไม่มีทางออกแล้ว

แต่ว่าถวนจื่อยังอยู่ด้านใน!

หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นว่า

“รอดูไปก่อนก็แล้วกัน”

ริมฝีปากของผู้อาวุโสอี้อวี่ขยับเล็กน้อย

“…ขอรับ”

หนานอี้ฝานและคนอื่นๆ ก็ได้ยินคำพูดนี้เช่นเดียวกัน พวกเขาจึงมองหน้ากันไปมา

หากแม้กระทั่งอี้เจายังไม่มีหนทาง เช่นนั้น…พวกเขาก็ยิ่งไม่มีหวังแล้ว

หนานอีฝานกำหมัดกรอด หัวคิ้วขมวดขึ้นเป็นปม

เขารู้สึกเป็นกังวลและตื่นตระหนกอย่างมาก

ท้ายที่สุดแล้วหนานอีอีและหนานอวี่สิงก็อยู่ด้านในด้วย!

หากเกิดเรื่องจริงๆ ละก็…

“ประมุข หรือว่าพวกเราจะรอดูสักครู่?”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างพูดเกลี่ยกล่อมขึ้น

สถานการณ์ในตอนนี้ ไม่สามารถบีบบังคับออกมาได้อย่างแน่นอน

หนานอีฝานรีบสาวเท้าเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

“ท่านพ่อ…โอ๊ย!”

หนานอีอีร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

หนานอีฝานรีบปล่อยมือทันที จากนั้นก็เห็นว่าที่แขนของนางมีรอยข่วนเป็นทางยาว เนื้อพลิกกลับด้านออกมา คราบเลือดไหลเปรอะเปื้อนจนแขนเสื้อกลายเป็นสีแดง

หัวใจของเขากระตุกวูบ จากนั้นก็รีบกวาดสายตาสำรวจร่างกายของหนานอีอีอีกรอบ ก่อนจะพบว่าบนตัวของนางนั้นมีรอยบาดแผลน้อยใหญ่มากมาย!

หากจะบอกว่าเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำก็ไม่เกินจริง!

แต่ที่ทำให้หนานอีฝานรู้สึกตกใจไปมากกว่านั้นก็คือ ลมปราณของหนานอีอีอ่อนแรงอย่างมาก อีกทั้งใบหน้ายังซีดขาว

เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส!

หนานอีฝานรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างใดดี

“อีอี เจ้า เหตุใดเจ้าถึงกลายเป็นเช่นนี้?”

นี่นางประสบพบเจอกับเรื่องอันใดมากันแน่?

ในตอนนี้ผู้อาวุโสสองท่านที่อยู่ด้านหลังก็รีบพุ่งตัวเข้ามา

พวกเขาใจเย็นกว่าหนานอีฝานเล็กน้อย

“ท่านประมุข ช่วยทำแผลให้คุณหนูรองก่อนเถอะ!”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวเตือนขึ้น

หนานอีฝานจึงได้สติขึ้นมา และรีบหยิบขวดหยกสีครามขวดหนึ่งออกมา จากนั้นก็เทยาให้กับหนานอีอีด้วยความระมัดระวัง

“นี่คือจินหยวนตัน อีอี เจ้ารีบกลืนลงไปซะ”

ฟังจากเสียงที่อยู่ในขวดหยกนั้นเหมือนว่ายังเหลืออีกหลายเม็ด

จินหยวนตัน เป็นโอสถที่เซียนหมอระดับปรมาจารย์เท่านั้นถึงจะสามารถหลอมออกมาได้ สามารถห้ามเลือดและรักษาบาดแผล พลังในการฟื้นตัวน่ามหัศจรรย์อย่างมาก

สำหรับตระกูลอันดับหนึ่งหลายตระกูล ของสิ่งนี้ก็เป็นของที่ล้ำค่าอย่างมาก แต่คาดไม่ถึงว่าหนานอีฝานจะมีอยู่หนึ่งขวดเลยทีเดียว

เห็นได้ชัดว่าฐานะของตระกูลเขาร่ำรวยเป็นอย่างมาก

หนานอีอีกลืนจินหยวนตันลงคอ และรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนที่แผ่ซ่านทั่วร่างกายในทันที

ใบหน้าที่ซีดขาวของนาง เริ่มมีเลือดฝาดเล็กน้อย

หนานอีฝานพยุงตัวนางขึ้นอย่างระมัดระวัง

“อีอี นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์