………………..
ฉู่หลิวเยว่ฟังบทเพลงนี้มาหลายรอบแล้ว
นางเป็นคนที่เฉลียวฉลาดอย่างมาก เมื่ออ่านอันใดหรือได้ยินอันใดก็แทบจะสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำ
แต่เพราะว่านี่ไม่ใช่เนื้อเพลงฉินธรรมดา ดังนั้นแม้ว่านางจะฟังมาหลายรอบ แต่ก็ไม่สามารถจดจำได้ทั้งหมด
แต่ละจังหวะ เหมือนว่ามีความวิเศษและโลดโผน
เสียงฉินนั้นดังกระทบโสตประสาท ผ่านเข้ามาในสมอง และทิ้งร่องรอยเอาไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงต้องจดจำทีละน้อย จากนั้นก็เปรียบเทียบกับเนื้อเพลงฉินที่อยู่ในมือ เพื่อแยกแยะว่าเป็นของจริงหรือของเท็จ
ไม่รู้ว่าใช่ความเคยชินหรือไม่ ความเจ็บปวดรอบข้างจึงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความด้านชา
ดังนั้นจึงทำให้นางมุ่งความสนใจไปที่เนื้อเพลงฉินได้เต็มที่
…
การเคลื่อนไหวของอาจิ่งชะงักไป พร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อย
ดวงตาของเขานั้นดำขลับ
“หนวกหูเสียจริง…”
เขาพูดขึ้นเสียงทุ้มต่ำ ภายในน้ำเสียงมีร่องรอยของการหมดความอดทน
เดิมทีแล้วเขาเป็นคนที่ไม่มีความอดทนมาโดยตลอด เพียงแต่เวลาส่วนใหญ่นั้นเขาคร้านจะใส่ใจมากกว่า ดังนั้นจึงขี้เกียจไปคิดเล็กคิดน้อย ได้แต่หลับตาข้างหนึ่งแล้วปล่อยให้มันผ่านไป
แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว
เขารอเวลานี้มาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ได้พบกับฉู่หลิวเยว่
กว่าจะบำเพ็ญเพียรได้ถูกต้องตามหลักก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วจะให้คนอื่นมารบกวนได้อย่างใด?
นิ้วชี้ของเขาขยับขึ้นเล็กน้อย ลำแสงคมกริบก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว!
แต่ว่าการกระทำทั้งหมดนี้ เขาทำอย่างไร้เสียง ฉู่หลิวเยว่ที่ตั้งสมาธิจดจ่อกับเนื้อเพลงฉินจึงไม่ได้สังเกตเห็นเลย
กระแสเสียงกึกก้องกัมปนาท ประกายเพลิงลูกหนึ่งระเบิดขึ้นที่ด้านหน้าของอี้เจา
เขาสะกิดปลายเท้าแล้วรีบถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว!
แรงระเบิดกระจายไปโดยรอบ บนพื้นทิ้งร่องรอยเปลวเพลิงเผาไหม้เอาไว้ด้วย
หนานอีฝานและคนอื่นๆ ถอยหลังลงไปอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปสักพักพลังเหล่านั้นค่อยๆ สงบลง
ควันและฝุ่นฟุ้งกระจาย ภายในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นไหม้
ร้อนแรง แผดเผา
หนานอีฝานคลายมือออก กลางฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อเปียกชื้น
เมื่อครู่นี้…มันน่ากลัวมากจริงๆ
อี้เจากำลังเผชิญหน้ากับพลังของกำแพงสีดำที่ระเบิดออกมา พลังทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง!
พวกเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็สามารถสัมผัสได้ถึงไอความร้อนที่หน้าหวาดกลัวแล้ว วินาทีถัดมาไอความร้อนเหล่านั้นก็พวยพุ่งเข้ามาทางพวกเขา!
หากเปลี่ยนเป็นพวกเขา เกรงว่าหนึ่งในสามของพลังนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานได้
“ประมุข ท่านเป็นอย่างใดบ้าง?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่พุ่งตัวมาที่ข้างกายของอี้เจาด้วยความรวดเร็ว สีหน้าตื่นตระหนกอย่างหาได้ยาก
อี้เจาส่ายหน้า
“ข้าไม่เป็นไร แต่ว่า…กำแพงแห่งนี้ถูกปิดผนึกด้วยพลังที่แข็งแกร่ง หากต้องการจะบุกเข้าไปด้านในนั้น เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากแล้ว”
ความจริงแล้วผู้อาวุโสอี้อวี่ก็สามารถคาดเดาผลลัพธ์นี้ได้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าตึงเครียดของอี้เจา หัวใจของเขาจึงรู้สึกดำดิ่งโดยไม่รู้ตัว
หากแม้กระทั่งประมุขยังพูดเช่นนี้…
เกรงว่าเรื่องนี้คงจะไม่มีทางออกแล้ว
แต่ว่าถวนจื่อยังอยู่ด้านใน!
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นว่า
“รอดูไปก่อนก็แล้วกัน”
ริมฝีปากของผู้อาวุโสอี้อวี่ขยับเล็กน้อย
“…ขอรับ”
หนานอี้ฝานและคนอื่นๆ ก็ได้ยินคำพูดนี้เช่นเดียวกัน พวกเขาจึงมองหน้ากันไปมา
หากแม้กระทั่งอี้เจายังไม่มีหนทาง เช่นนั้น…พวกเขาก็ยิ่งไม่มีหวังแล้ว
หนานอีฝานกำหมัดกรอด หัวคิ้วขมวดขึ้นเป็นปม
เขารู้สึกเป็นกังวลและตื่นตระหนกอย่างมาก
ท้ายที่สุดแล้วหนานอีอีและหนานอวี่สิงก็อยู่ด้านในด้วย!
หากเกิดเรื่องจริงๆ ละก็…
“ประมุข หรือว่าพวกเราจะรอดูสักครู่?”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างพูดเกลี่ยกล่อมขึ้น
สถานการณ์ในตอนนี้ ไม่สามารถบีบบังคับออกมาได้อย่างแน่นอน
หนานอีฝานรีบสาวเท้าเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อ…โอ๊ย!”
หนานอีอีร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
หนานอีฝานรีบปล่อยมือทันที จากนั้นก็เห็นว่าที่แขนของนางมีรอยข่วนเป็นทางยาว เนื้อพลิกกลับด้านออกมา คราบเลือดไหลเปรอะเปื้อนจนแขนเสื้อกลายเป็นสีแดง
หัวใจของเขากระตุกวูบ จากนั้นก็รีบกวาดสายตาสำรวจร่างกายของหนานอีอีอีกรอบ ก่อนจะพบว่าบนตัวของนางนั้นมีรอยบาดแผลน้อยใหญ่มากมาย!
หากจะบอกว่าเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำก็ไม่เกินจริง!
แต่ที่ทำให้หนานอีฝานรู้สึกตกใจไปมากกว่านั้นก็คือ ลมปราณของหนานอีอีอ่อนแรงอย่างมาก อีกทั้งใบหน้ายังซีดขาว
เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส!
หนานอีฝานรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างใดดี
“อีอี เจ้า เหตุใดเจ้าถึงกลายเป็นเช่นนี้?”
นี่นางประสบพบเจอกับเรื่องอันใดมากันแน่?
ในตอนนี้ผู้อาวุโสสองท่านที่อยู่ด้านหลังก็รีบพุ่งตัวเข้ามา
พวกเขาใจเย็นกว่าหนานอีฝานเล็กน้อย
“ท่านประมุข ช่วยทำแผลให้คุณหนูรองก่อนเถอะ!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวเตือนขึ้น
หนานอีฝานจึงได้สติขึ้นมา และรีบหยิบขวดหยกสีครามขวดหนึ่งออกมา จากนั้นก็เทยาให้กับหนานอีอีด้วยความระมัดระวัง
“นี่คือจินหยวนตัน อีอี เจ้ารีบกลืนลงไปซะ”
ฟังจากเสียงที่อยู่ในขวดหยกนั้นเหมือนว่ายังเหลืออีกหลายเม็ด
จินหยวนตัน เป็นโอสถที่เซียนหมอระดับปรมาจารย์เท่านั้นถึงจะสามารถหลอมออกมาได้ สามารถห้ามเลือดและรักษาบาดแผล พลังในการฟื้นตัวน่ามหัศจรรย์อย่างมาก
สำหรับตระกูลอันดับหนึ่งหลายตระกูล ของสิ่งนี้ก็เป็นของที่ล้ำค่าอย่างมาก แต่คาดไม่ถึงว่าหนานอีฝานจะมีอยู่หนึ่งขวดเลยทีเดียว
เห็นได้ชัดว่าฐานะของตระกูลเขาร่ำรวยเป็นอย่างมาก
หนานอีอีกลืนจินหยวนตันลงคอ และรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนที่แผ่ซ่านทั่วร่างกายในทันที
ใบหน้าที่ซีดขาวของนาง เริ่มมีเลือดฝาดเล็กน้อย
หนานอีฝานพยุงตัวนางขึ้นอย่างระมัดระวัง
“อีอี นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...