………………..
ฉู่หลิวเยว่รู้ดีว่าเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงนั้นยากจะต่อกรด้วย
ในจุดนี้สามารถดูจากเรื่องขององค์ปฐมกษัตริย์ได้
เพียงเพราะกระดูกชุดนั้น องค์ปฐมกษัตริย์ถูกพวกเขาไล่ฆ่ามาเป็นพันปี และไม่ยอมเลิกราแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าหากไม่เกิดเรื่องในสำนักเมื่อครานั้น เกรงว่าตอนนี้พวกเขาก็ยังจะไล่ตามไม่หยุดหย่อน
และความแค้นครั้งนี้ไม่ได้จางหายไป เพียงแต่ย้ายมาอยู่กับนางแล้วเท่านั้นเอง
ตอนที่โหมวเหยามองนางนั้น นางสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
แม้แต่เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงคนอื่น ๆ ก็ยังมีท่าทางเป็นปรปักษ์กับนางอย่างชัดเจน
หากเป็นไปได้ นางก็ไม่อยากพัวพันกับพวกเขาเช่นนี้ต่อไปหรอก
นางควรจะจบปัญหานี้ให้สมบูรณ์ที่สุดถึงจะเป็นการดี
“ติดหนี้บุญคุณ? แล้วจะทำอย่างไร?”
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในถิ่นของคนอื่น หากคิดจะทำอะไรจริง ๆ เห็นได้ชัดว่ามันจะน่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจะให้เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงมาติดหนี้บุญคุณพวกเขาเลย
หรงซิวขยับมือขึ้นแล้วชี้ไปด้านหน้า
“พวกเขาให้โอกาสมาแล้ว แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะไม่ทำเช่นนั้น”
ฉู่หลิวเยว่นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที
“เจ้าจะบอกว่า…นั่นคือบรรพบุรุษที่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกของพวกเขาหรือ?”
หรงซิวพยักหน้า พูดพร้อมรอยยิ้ม
“แม้ว่าไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนั้นจะเป็นนักโทษของเผ่า มีจุดจบที่น่าอนาถ แต่ในตอนที่เขายังไม่ตาย เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงมาก ในตอนนั้นทุกคนภายในเผ่าต่างยอมรับเป็นนัยว่าเขาคือประมุขคนต่อไป แม้แต่โหมวหยางก็ไม่สามารถเทียบกับเขาได้เลย หากในปีนั้นไม่ได้เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ ตำแหน่งประมุขเผ่าในตอนนี้ก็คงไม่มีทางมาถึงโหมวหยาง”
“ประมุขโหมวหยางผู้นี้ครองตำแหน่งเป็นเวลาแปดร้อยปีแล้ว เมื่อลองนับดู เหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นประมาณพันปีก่อน”
หรงซิวพูดขึ้น
เวลาพันปี ก็นับว่าเป็นเวลาที่ยาวนาน
“แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือ ไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนั้นเคยได้รับมรดกที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
“มรดก?”
“ถูกต้อง มรดกเป็นความแข็งแกร่งของบรรพบุรุษทั้งหมดในเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง หลังจากที่พวกเขาเสียชีวิตไปแล้ว กระดูกเหล่านั้นจะถูกประดิษฐานเอาไว้ในวิหารไท่ซวี ภายในกระดูกเหล่านี้มีพลังแห่งสายเลือดที่บริสุทธิ์มากของพวกเขาหลบซ่อนเอาไว้อยู่ อีกทั้งยังมีเคล็ดวิชามากมายเป็นต้น หากสามารถได้รับการยอมรับจากพลังเหล่านั้น ก็จะได้มรดกเหล่านั้นไป”
“ผู้ที่สามารถไปประดิษฐานในวิหารไท่ซวีได้นั้น และมีมรดกที่สามารถทิ้งเอาไว้ได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาล้วนเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก แต่เมื่อพวกเขามาอยู่ด้วยกัน ก็ยากจะหลีกเลี่ยงที่จะถูกเปรียบเทียบ ได้ยินมาว่ามรดกที่ไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนั้นได้รับคือมรดกจากสามอันดับแรก”
หรงซิวชะงักไปเล็กน้อย
“ต้องบอกก่อนว่า นับเวลาหมื่นปีที่ผ่านมานี้ ผู้ที่ได้รับมรดกจากสามอันดับแรกนั้นมีเพียงสองคนเท่านั้น และเขาคือหนึ่งในนั้น!”
ฉู่หลิวเยว่กลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่ามรดกสิ่งนั้นแข็งแกร่งมากขนาดไหน
อีกทั้งไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนั้นสามารถทำเช่นนั้นได้ ก็นับว่าไม่ธรรมดาเลย!
“คนที่แข็งแกร่งขนาดนั้น เหตุใดถึง…”
ฉู่หลิวเยว่พูดพึมพำเสียงต่ำ ท่าทางไม่เข้าใจเล็กน้อย
หรงซิวยิ้มออกมา
“ระหว่างอัจฉริยะกับคนบ้ามีเพียงเส้นบาง ๆ ที่กั้นอยู่เท่านั้น หลังจากเวลาผ่านไปนานแล้ว เรื่องในปีนั้น ก็ไม่มีใครสามารถพูดได้อย่างชัดเจน แต่ประเด็นสำคัญก็คือหลังจากที่ไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนั้นสิ้นใจไปแล้ว มรดกชิ้นนั้นก็หายไปด้วยเช่นกัน เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงพยายามตามหาอยู่นาน แต่ก็ยังคงหาไม่เจอ”
หรงซิวกดรอยยิ้มลึกขึ้น
หัวใจของฉู่หลิวเยว่มีคลื่นลมแรงสาดซัด
ของชิ้นนี้เป็นของสำคัญของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง
หากใช้แผนตามนี้ เรื่องราวก่อนหน้านี้จะถูกแก้ไขอย่างแน่นอน
แต่เรื่องนี้พูดน่ะมันง่าย แต่เกรงว่าเวลาทำคงจะยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!
“นี่มัน…แม้กระทั่งเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงก็ยังไม่มีเบาะแสเลย แล้วพวกเราจะสามารถหาเจอได้อย่างไร?”
หรงซิวเบนสายตาออก จากนั้นก็หันไปมองทางผนังถ้ำ
เวลาหลายปีผ่านมา ร่องรอยเหล่านี้ก็ยังแสดงให้เห็นความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นในปีนั้นอย่างชัดเจน
เขายกมือขึ้น
กลางฝ่ามือมีไข่มุกขนาดเท่ากับดวงตาของมังกรปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...