………………..
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็ส่งสายตาค้อนเขาด้วยความโมโห ดวงตาเปล่งประกายราวกับดวงดาว ใบหน้าแดงก่ำขึ้นหลายส่วน สายตาของนางเหมือนมีระลอกคลื่นปรากฏ
สายตาเช่นนี้มันไม่ได้มีความน่ากลัวเลย ในทางกลับกันเหมือนมีอันใดบางอย่างมาข่วนหัวใจของหรงซิว
อ่อนนุ่ม หวานล้ำ และยังรู้สึกคันยุบยิบหลายส่วน
เขาอยากจะทำเหมือนกับครั้งที่แล้ว…
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หรงซิวก็ควบคุมตัวเองและพับเก็บความคิดลงอย่างใจเย็น
ไม่สามารถคิดต่อไปได้แล้ว
เมื่อนางอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย
ก่อนหน้านี้เขากดดันให้นางมอบ “รางวัลปลอบใจ” ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งอีกฝ่ายไม่เบา
หลังจากนั้นเป็นต้นมา แม้กระทั่งมือเยว่เออร์ก็ไม่ยอมให้จับ
ต้องปลอบอยู่นานหลายวัน
หรงซิวหัวเราะเสียงต่ำออกมาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็นวดหัวคิ้วตนเอง
“ช่างเถอะ ไม่ว่าอย่างใดคนที่ทรมานที่สุดก็ยังเป็นข้า”
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่เห่อร้อนขึ้นมา มุมปากยกยิ้มขึ้น
“ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ข้าว่าฝ่าบาทคงเป็นเช่นนี้กระมัง”
หรงซิวยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วส่ายไปมาเล็กน้อย มองนางด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ข้าไม่รู้สึก “ทุกข์” เพราะเยว่เออร์หวานมาก”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ดังนั้นผู้ชายที่หน้าเนื้อใจเสือและหน้าหนาจะรับมือยากเป็นพิเศษ!
ฉู่หลิวเยว่ยอมแพ้และไม่สู้กับเขาต่อ
“เช่นนั้นฝ่าบาทก็ทุกข์ทนต่อไปเถอะ สรุปแล้วไม่ว่าจะเป็นรางวัลหรือรางวัลปลอบใจข้าก็ไม่มีให้ทั้งนั้น!”
หรงซิวกดรอยยิ้มลึกขึ้น
“ข้าไม่รีบ หลังจากงานแต่งงาน ข้าจะเอาคืนทบต้นทบดอก”
ฉู่หลิวเยว่แค่นหัวเราะเสียงเบา จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน
“เช่นนั้นก็ต้องออกจากที่นี่ให้ได้ก่อน”
นางกวาดสายตามองโดยรอบ
ไข่มุขประทีปของหรงซิวให้ความสว่างเพียงบริเวณโดยรอบพวกเขาทั้งสองเท่านั้น ทุกอย่างว่างเปล่า
ไม่ว่าจะมองด้านหน้าหรือด้านหลังก็มีเพียงความมืดมิด
มีเพียงร่องรอยอันบ้าคลั่งและน่าเศร้าใจที่ถูกทิ้งไว้บนผนังถ้ำ อีกทั้งยังมีคราบเลือดที่แห้งกรังก็เด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ
“พวกเราก็อยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น จากนั้นก็หันไปมองหรงซิวอีกครั้ง
“เจ้าคิดว่า พวกเราจะออกไปเมื่อใดดี?”
นางถามขึ้นมาอย่างตรงประเด็น นางไม่ได้ถามว่าพวกเขาจะสามารถออกไปได้หรือไม่
เพราะหลังจากที่เข้ามาที่แห่งนี้ นางก็ค้นพบว่าหรงซิวมีสีหน้าราบเรียบเป็นอย่างมาก
นางจึงมั่นใจได้ว่า หรงซิวจะต้องรู้วิธีทำลายภาพลวงตาเหล่านี้แน่นอน!
หรงซิวเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
หากบอกว่าใครรู้ใจเขามากที่สุด อีกทั้งยังสามารถคาดเดาความคิดของเขาได้…ก็มีแค่นางคนเดียวเท่านั้น!
ต่อให้ไม่ได้พูดอันใดออกไป เพียงแค่สายตาก็ชัดเจนมากกว่าคำบรรยายเป็นหมื่นคำได้แล้ว!
“งานหมื่นคีรียังไม่จบ รอไปอีกหน่อย”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
ที่จริงแล้วหรงซิวกำลังรออยู่นั่นเอง
นางหันขวับกลับไป!
ภายในความมืดมิด ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นมา
ลำแสงหลายสายกระจายตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทับซ้อนกันขึ้น
เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ก่อร่างเป็นค่ายกลเคลื่อนย้าย!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกวูบ
ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ นางรู้จัก!
จากนั้นภายในลำแสงที่สว่างสดใสก็ปรากฏเงาร่างเล็กที่คุ้นตา!
“ถวนจื่อ!”
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างอย่างตกใจ
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ม้วนมวยผมสองข้างสวมกระโปรงใบบัวสีทองคำชาด ถ้าไม่ใช่ถวนจื่อแล้วจะเป็นใครได้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...