………………..
หลังจากที่พูดจบ ถวนจื่อก็กระโดดขึ้นบนค่ายกลเคลื่อนย้าย
หนานซู่ไหวพยักหน้าเบาๆ
“ระวังตัวด้วย”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็โคจรพลังที่ฝ่ามือ
ทันใดนั้นเองลำแสงก็สว่างขึ้น!
ค่ายกลเคลื่อนย้ายกำลังโคจรอย่างเชื่องช้า!
หลังจากนั้นไม่นานเงาร่างของถวนจื่อก็ถูกลำแสงกลืนกินและหายตัวไปอย่างสมบูรณ์!
…
ทุกผู้คนกำลังยืนรออยู่ที่จัตุรัสด้านหน้าวิหารไท่ซวี
เวลาเคลื่อนคล้อย คนเข้าไปในวิหารได้ถูกคัดออกมาเป็นส่วนใหญ่แล้ว
เหลือเพียงห้าคนสุดท้ายเท่านั้นที่ยังอยู่ภายในนั้น
สีหน้าของโหมวหยางราบเรียบ เขาไม่ได้พูดอันใดออกมาเลยสักคำ
บรรยากาศรอบข้างหยุดนิ่งอย่างไม่สามารถอธิบายได้
ทุกอย่างเงียบกริบ
ทุกคนล้วนจมอยู่ในความเงียบ เหมือนกับว่าพวกเขากลัวว่าจะรบกวนกับอันใดบางอย่าง
แต่ความจริงแล้วที่พวกเขาเป็นเช่นนี้ ก็มีเหตุผลอยู่
…คนที่ถูกคัดออกไปก่อนหน้านี้นั้น ไม่มีใครได้รับมรดกสืบทอดจากวิหารไท่ซวีเลย!
เรื่องราวเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในงานหมื่นคีรีมาก่อน
แม้ว่าจะมีคนจำนวนมากที่ตกรอบก่อนเวลา แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคดี สามารถได้รับโชคชะตาของตนเอง
ดังนั้นแม้ว่าสีหน้าของโหมวหยางจะไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงดูสงบราบเรียบเช่นเดิม แต่ทุกคนกลับรู้สึกกังวลขึ้นโดยไม่รู้ตัว
สถานการณ์ในตอนนี้ นอกจากห้าคนสุดท้ายนั้นจะได้รับมรดกที่ไม่เลวมาทั้งห้าคน หรืออย่างน้อยได้มาสักคนก็ยังทำให้ความไม่สบายใจของทุกคนสงบลงได้
มีบางคนแอบหันไปมองโหมวหยางเป็นบางครั้ง เพราะอยากเห็นว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่
แต่น่าเสียดายที่โหมวหยางซ่อนความคิดเอาไว้ลึกมาก ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถคาดเดาได้
ทันใดนั้นเองคิ้วของโหมวหยางก็ขยับขึ้น จากนั้นก็หันกลับมามอง
การกระทำที่เรียบง่ายเหล่านี้ ทำให้ผู้คนรอบกายเขารู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที
“ท่านประมุข มีอันใดหรือขอรับ?”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งโค้งคำนับแล้วถามขึ้น
โหมวหยางจ้องไปยังความว่างเปล่าที่อยู่ระยะไกล เขามองดูอยู่สักพักแล้วพูดขึ้นว่า
“ช่วงนี้ด้านนอกเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์มีความผิดปกติอันใดหรือไม่?”
เมื่อครู่นี้เขาสามารถสัมผัสได้อย่างคลุมเครือว่าด้านนอกม่านพลังเหมือนเกิดระลอกคลื่นขึ้นมาสายหนึ่ง
แต่การเคลื่อนไหวนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เดียว เหมือนว่าเขาแค่รู้สึกไปเอง
ผู้อาวุโสคนนั้นชะงักไป จากนั้นก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“เรียนท่านประมุข ทุกอย่างเป็นปกติดี หลังจากได้รับคำสั่งจากท่านให้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด พวกเราก็เพิ่มกำลังในการเฝ้าม่านพลัง ไม่ปล่อยให้ใครผ่านเข้าออกตามใจชอบแน่นอน”
โหมวหยางพยักหน้า
ต่อให้เขาไม่พูด ผู้อาวุโสของเผ่าที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็ระมัดระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่า…
ระลอกคลื่นเมื่อครู่นี้ มันมีอันใดเกิดขึ้นกันแน่?
หรือว่าเขาจะรู้สึกไปเองจริงๆ
ทุกคนที่อยู่รอบข้างล้วนตกใจเป็นอย่างมาก
งานหมื่นคีรีกำลังดำเนินอยู่นะขอรับ! แล้วท่านประมุขจะออกจากงานไปเช่นนี้ได้อย่างใด?
แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ความอดทนของโหมวหยางได้หมดลงแล้ว
เขาอยู่ในตำแหน่งประมุขมาหลายปี เข้าร่วมงานหมื่นคีรีมาก็หลายครั้ง มีประสบการณ์ด้านงานนี้เพียงพอแล้ว
เขารู้ว่าต่อให้คนที่เหลือทั้งห้าคนนั้นจะได้รับมรดก แต่ก็น่าจะเป็นเรื่องยากที่จะนำมาเปรียบเทียบกับเผ่าหงส์ทองคำตัวนั้น
เพียงแต่คำพูดนี้ ไม่สามารถพูดต่อหน้าทุกคนได้
โหมวหยางสาวเท้าขึ้นแล้วเดินไปทางนั้น
ทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างมองหน้ากันไปมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...