เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1749

………………..

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นเกิดขึ้นเพียงครู่เดียว วินาทีต่อมา รอบข้างก็มีแตกร้าวดังขึ้น!

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว พื้นที่บริเวณรอบข้างพังทลายลง!

ภาพมายาพังทลายลงไปแล้ว!

หรงซิวรีบคว้าเอวของนางเอาไว้ในทันที!

เปรี้ยง!

ความว่างเปล่าแตกสลายอย่างสมบูรณ์!

เงาร่างของคนทั้งหลายหายไปจากที่เดิมในทันที!

ในขณะเดียวกันนั้นเองค่ายกลเคลื่อนย้ายภายในถ้ำก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน!

ด้านนอกเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ ทันใดนั้นหนานซู่ไหวก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ในแววตามีความตกใจพาดผ่าน!

ทันใดนั้นเองค่ายกลเคลื่อนย้ายที่อยู่ตรงหน้าเขาก็หม่นแสงลงไปครึ่งหนึ่งอย่างกะทันหัน!

ซั่งกวนจิ้งและฉู่หนิงที่ได้ยินภาพเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“นี่มันหมายความว่าอย่างใด? มันเกิดอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ?”

ซั่งกวนจิ้งถามขึ้นอย่างรีบร้อน

หนานซู่ไหวไม่ได้ตอบคำถามของเขาในทันที เพียงแต่กัดฟันกรอด จากนั้นก็ถ่ายเทพลังปราณดั้งเดิมลงไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้น

จากนั้นแสงที่หม่นลงก็สว่างขึ้นมาอีกครั้ง

แผ่นหลังของเขามีเหงื่อเย็นๆ ไหลท่วม!

เมื่อดูจากสีหน้าของเขาแล้ว ซั่งกวนจิ้งและฉู่หนิงก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

ฉู่หนิงซักถามขึ้นมาอีกครั้ง

“ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้…ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง”

“ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง? นี่มัน…”

ฉู่หนิงขมวดคิ้วแน่นเป็นปม แต่ในแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ

เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาก่อนเลย

ซั่งกวนจิ้งเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ใบหน้ามืดครึ้มเต็มไปด้วยความกังวล

หนานซู่ไหวพูดอธิบายขึ้นมาว่า

“ค่ายกลเคลื่อนย้ายทั่วไป หากได้รับผลกระทบจากภายนอกก็อาจจะทำให้พังทลายได้ แต่ค่ายกลเคลื่อนย้ายของพวกเรานั้นไม่เหมือนกัน หากถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งแล้วนั่นก็หมายความว่า…ปลายทางอีกด้านหนึ่งของค่ายกลเคลื่อนย้ายจะถูกทำลายโดยสมบูรณ์”

ฉู่หนิงตอบสนองขึ้นทันที

“เช่นนั้น…ก็หมายความว่า พวกเขาไม่สามารถกลับมาได้แล้วหรือ?”

หนานซู่ไหวส่ายหน้า

“ไม่แน่หรอก ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ไม่เหมือนกับค่ายกลเคลื่อนย้ายทั่วไป หากถูกทำลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งที่อยู่ทางนี้ยังสมบูรณ์ ถ้าพวกเขาสามารถซ่อมแซมค่ายกลเคลื่อนย้ายส่วนนั้นได้ ก็ยังสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย”

คำพูดประโยคนี้ไม่ได้ทำให้ฉู่หนิงรู้สึกสบายใจขึ้นเลย

พูดน่ะมันง่าย แต่เวลาทำมันง่ายดายเช่นนี้ที่ไหนกัน

ก่อนหน้านี้หนานซู่ไหวยังเคยพูดเอาไว้ว่า นอกจากตำแหน่งเจ้าสำนัก คนอื่นๆ ล้วนไม่มีคุณสมบัติที่จะเรียนรู้ค่ายกลแห่งนี้

แล้วเยว่เอ๋อร์จะสามารถซ่อมแซมค่ายกลนี้และกลับมาได้อย่างไร?

หนานซู่ไหวรู้ดีว่าฉู่หนิงกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ จึงพูดปลอบใจขึ้นมาว่า

“ฉู่หนิง นางเคยศึกษาค่ายกลแห่งนี้แล้ว แม้ว่าด้วยพลังของนางในตอนนี้จะไม่สามารถสร้างค่ายกลขึ้นมาได้ แต่นางยังมีหรงซิวอยู่ข้างกาย หากทั้งสองคนร่วมมือกันก็ใช่ว่าจะไม่มีหวัง”

เมื่อได้ยินดังนั้น ในที่สุดฉู่หนิงก็ใจเย็นลงมาได้

“จริงหรือ?”

“เยว่เอ๋อร์เป็นศิษย์เพียงคนเดียวของข้า พรสวรรค์ของนางยอดเยี่ยม อีกทั้งข้ายังเห็นนางเป็นผู้สืบทอดมาโดยตลอด ข้าถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดที่ให้ไป แม้ว่าข้าจะยังไม่เคยสอนรูปแบบของค่ายกลแห่งนี้ให้นางอย่างเป็นจริงเป็นจังมาก่อน แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยให้เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับค่ายกลนี้ให้นางได้ศึกษาแล้ว หากนางเกิดความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง นางก็จะสามารถก่อร่างสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายอีกครึ่งหนึ่ง และออกจากเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์มาได้แน่นอน!”

เมื่อได้ยินหนานซู่ไหวพูดเช่นนั้น ฉู่หนิงก็ถอนหายใจยาวๆ ออกมา

แม้ว่าเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่ก็ดีกว่าไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เยว่เอ๋อร์ฉลาดหลักแหลม กอปรกับยังมีหรงซิว บางทีอาจจะสามารถสร้างได้จริงๆ…

ซั่งกวนจิ้งกลับกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่

“ก่อนหน้านี้ค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นยังดีๆ อยู่เลย แต่เหตุใดถึงถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งได้เล่า?”

ทันทีที่สิ้นเสียง หนานซู่ไหวและฉู่หนิงก็เงียบเสียงลงอย่างกะทันหัน

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ฝั่งนั้นจะต้องเกิดเรื่องอย่างแน่นอน

“…หรือว่าถวนจื่อจะถูกจับได้แล้ว? หรือบางทีอาจจะประสบปัญหาอื่น?”

“ท่านประมุขพูดแค่ว่าให้พวกเราเฝ้าอยู่ที่ด้านหน้ายอดเขาสัตตบงกช ไม่ได้บอกให้พวกเราเข้าไปเสียหน่อย!”

สถานที่แห่งนี้สำหรับเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงแล้ว นับว่าเป็นดินแดนต้องห้ามโดยปริยาย

ต่อให้พวกเขาได้รับอนุญาต แต่ก็ไม่มีไท่ซวีเฟิ่งหลงคนใดอยากเข้าไปด้านในนี้

“จะว่าไปมันก็ใช่…เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างใดดี?”

“รอไปก่อนเถอะ! ม่านพลังของยอดเขาสัตตบงกชแข็งแกร่งมาก ต่อให้พวกเขามีปีกก็หนีไม่พ้น แล้วเจ้ายังจะต้องกังวลอันใดอีก?”

“ก็จริง!”

พวกเขาเชื่อใจในม่านพลังของยอดเขาสัตตบงกชเป็นอย่างมาก และไม่เชื่อว่าเผ่ามนุษย์จะสามารถทำอะไรกับมันได้

ยิ่งไปกว่านั้นที่แห่งนี้คือถิ่นของพวกเขา

แต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่รู้เลยว่า ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวได้ออกจากการทรมานของยอดเขาสัตตบงกชแห่งนี้แล้ว!

ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ถูกดึงเข้าไปในความว่างเปล่า หลังจากอยู่ในความมืดมิดอันยาวนาน ในที่สุดเท้าของพวกเขาก็ได้แตะพื้นดินอีกครั้ง

ลำแสงจางๆ สาดส่องมาจากทุกทิศทุกทาง

หลังจากอยู่ภายในถ้ำที่มืดมิดมาเป็นเวลานาน ฉู่หลิวเยว่จึงปรับสายตาได้ช้าเล็กน้อย

นางหรี่ตาลง ก่อนจะกวาดสายตามองรอบข้าง

ภาพที่นางเห็นทำให้นางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

ในตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในท้องพระโรงที่กว้างขวางและเก่าแก่!

บนพื้นผูกปูด้วยหินหยกสีดำจนเต็มพื้นที่ ตรงกลางของท้องพระโรงนี้ มีเสาหยกสีขาวขนาดประมาณสิบคนโอบ

ด้านบนแกะสลักลายเมฆา และมีไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวหนึ่งที่เสมือนจริงเป็นอย่างมาก!

นั่นคือเสามังกรเคลื่อน!

แรงกดดันที่แข็งแกร่งแผ่ออกมาจากไท่ซวีเฟิ่งหลงแกะสลักตัวนั้นแข็งแกร่งจนทุกคนตกใจ!

ในตอนนี้อีกฝ่ายกำลังจ้องมองพวกเขา ท่าทางน่าเกรงขามและสง่างาม!

ทันใดนั้นเองฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“ที่แห่งนี้คือ…วิหารไท่ซวี!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์