………………..
ในขณะนี้ความคิดของโหมวเจินวุ่นวายสับสน
มีความคิดจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาในสมองของเขา
แม้ว่าอินทรีสามตาตัวนี้จะไม่ได้มีสายเลือดดั่งเช่นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลทั้งสอง แต่ก็นับว่ามีเกียรติมีศักดิ์ศรีไม่น้อย
คาดไม่ถึงว่าหัวหน้าเผ่าอินทรีสามตาที่อยู่ตรงหน้าเขาจะยินยอมทำพันธสัญญากับมนุษย์?
เแล้วยังมีเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นอีกด้วย!
แต่นางเป็นหงส์ทองคำที่แท้จริง!
พวกเขายอมลดศักดิ์ศรีนี้หรือ?
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวนี้ ไม่เพียงทำพันธสัญญากับมนุษย์ แต่ยังทำกับคนคนเดียวกัน!
เขาอยู่ในที่แห่งนี้นานเกินไปหน่อยหรือไม่ ทำไมโลกภายนอกถึงกลายเป็นเช่นนี้แล้ว?
แล้วอีกอย่าง ระยะเวลาพันปี เมื่อเปรียบเทียบกับหงส์ทองคำและอินทรีสามตาที่มีอายุขัยหลายหมื่นปีแล้ว มันก็ไม่ได้นับว่าแตกต่างกันเลยไม่ใช่หรือ?
แล้วเหตุใดถึง…
สีหน้าของโหมวเจินตะลึงค้าง เดี๋ยวหันมองถวนจื่อ อีกเดี๋ยวก็หันมองจื่อเฉิน นิ้วชี้ของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย
“เจ้า…พวกเจ้า…”
ดวงตาของถวนจื่อเปล่งประกาย แล้วพูดขึ้นอย่างโอ้อวดว่า
“ข้าอยู่กับอาเยว่นานกว่าจื่อเฉินเสียอีก!”
จื่อเฉินเหลือบสายตากลับมามองนาง
ถวนจื่อทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตา ก้อนเนื้อบนใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ดวงตาของจื่อเฉินขยับเล็กน้อย จากนั้นก็ถอนสายตากลับอย่างไร้เสียง
โหมวเจินชี้นิ้วไปทางถวนจื่อ เขาเกือบจะหายใจไม่ออกแล้ว
เจ้าต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน เจ้าคือหงส์ทองคำอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลที่สูงส่ง!
ที่เจ้าทำท่าทางดีใจลิงโลด เผ่าของเจ้ารู้หรือไม่เนี่ย?
แม้ว่าความสัมพันธ์ของหงส์ทองคำกับไท่ซวีเฟิ่งหลงนั้นจะละเอียดอ่อนอย่างมาก และไม่ชอบขี้หน้าซึ่งกันและกัน แต่ในตอนนี้โหมวเจินอดรู้สึกเสียใจแทนเผ่าหงส์ทองคำไม่ได้แล้ว
ทำไมถึงมีเรื่องประหลาดเช่นนี้เกิดขึ้นได้?
ทำพันธสัญญากับมนุษย์ไม่ว่า แต่ยังรับใช้เจ้านายตัวเดียวกับอินทรีสามตาตัวหนึ่งอีกเนี่ยนะ
แต่ประเด็นสำคัญเลยก็คือ ตนเองยังดูมีความสุขอย่างมาก?
โหมวเจินไม่เข้าใจ
เขารู้สึกไม่เข้าใจจริงๆ
ก่อนหน้านี้ตอนที่ได้เห็นถวนจื่อ ใช่ว่าภายในใจของเขาจะไม่มีคำถามขึ้น
ข้อแรกคือ นางอายุยังน้อยแต่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดอย่างมาก ข้อสองคือ นางจับชายเสื้อของผู้หญิงเผ่ามนุษย์คนนั้นจนแน่นอยู่ตลอดเวลา ท่าทางสนิทสนมอย่างมาก
เพียงแต่เมื่อครู่นี้เขาคิดถึงแต่เรื่องจัดการมรดกของบรรพบุรุษ จึงไม่มีเวลาคิดเรื่องเหล่านี้
แต่ใครจะรู้เล่าว่า เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ลูบศีรษะของถวนจื่อเบาๆ จากนั้นก็ส่งยิ้มให้กับโหมวเจิน แล้วกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสโหมวเจิน ขอโทษด้วยเจ้าค่ะ ถวนจื่อยังเด็กเกินไป นางไร้เดียงสาและใสซื่อ คำพูดของเด็กไม่อ้อมค้อม ท่านอย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะเจ้าคะ”
มุมปากของโหมวเจินกระตุกขึ้น
คำพูดของเด็กไม่อ้อมค้อม…
เขามีชีวิตอยู่มาหลายปีแล้ว ไม่ยักจะรู้ว่าคำพูดเหล่านี้สามารถนำมาใช้กับหงส์ทองคำได้ด้วย!
โหมวเจินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลง แล้วกุมขมับด้วยความเจ็บปวด
ต่อให้ตอนนี้เขาไม่มีกายเนื้อ เขาก็ยังรู้สึกปวดหัวอย่างมาก!
เหมือนว่ากำลังมีคนเดินเข้ามาทางนี้
สีหน้าของโหมวเจินสงบขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบสายตาไปมอง
ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวแลกเปลี่ยนสายตากัน
คนที่มาน่าจะเป็นคนที่เข้าร่วมการแข่งขันหมื่นคีรี และเป็นหนึ่งในสี่คนที่ยังอยู่ในที่แห่งนี้
แต่หลังจากผ่านไปสักพัก เสียงฝีเท้านั้นก็ค่อยๆ ห่างไกลออกไป
เหมือนกับว่า…คนผู้นั้นกำลังเดินออกไป
หลังจากนั้นไม่นานเสียงฝีเท้าก็จางหายไป
คนผู้นั้นจากไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...