………………..
เงาร่างของโหมวหยางยังไม่ปรากฏตัวขึ้น
ฉู่หลิวเยว่สามารถจดจำได้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้โหมวเจินเคยพูดเอาไว้ว่า คนของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงจะมีโอกาสเข้ามาในวิหารไท่ซวีได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าโหมวหยางไม่สามารถเข้ามาด้านในได้
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในตอนนี้โหมวหยางน่าจะนำคนล้อมเอาไว้อยู่ด้านนอกตำหนักไท่ซวีแล้ว
และบีบบังคับให้พวกเขาออกไป!
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองครู่หนึ่ง
ตอนนี้กำลังเข้าสู่ช่วงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว และเป็นเวลาที่สำคัญอย่างมาก หรงซิวไม่สามารถแบ่งสมาธิออกมาได้
พวกเขาจำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป รอจนกระทั่งโหมวเจินสามารถหลอมกายเนื้อได้สำเร็จ!
เปรี้ยง!
เสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้งทำให้ร่างทั้งร่างรู้สึกด้านชา
เหมือนกับมีคนนำค้อนขนาดใหญ่มาทุบอย่างรุนแรงจากภายนอก!
“หรือพวกเจ้าคิดว่าจะสามารถหลบอยู่ที่นี่ได้ตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ? รีบไสหัวออกมาซะ!”
น้ำเสียงของโหมวหยางไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่ส่วนเดียว อีกทั้งยังมีความบ้าคลั่งและโหดเหี้ยมอยู่ภายในนั้นด้วย
ฉู่หลิวเยว่มองขึ้นท้องฟ้า จากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นหัวเราะเสียงเย็น
มีคนบุกเข้ามาในวิหารไท่ซวีอย่างไร้ซุ่มไร้เสียง อีกทั้งยังเข้าไปในเสามังกรเคลื่อนได้อีก การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการตบหน้าประมุขเผ่าอย่างโหมวหยางอย่างแรง
ในตอนนี้เหมือนว่าเขาจะรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว
พวกเขาจะออกไปอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า…ไม่ใช่ตอนนี้!
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น ประกายแสงสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนพร่างพราวราวกับทางช้างเผือก
ฉู่หลิวเยว่เริ่มรอคอยอย่างใจเย็น
…
ประตูบานใหญ่ของวิหารไท่ซวีถูกลงกลอนจนแน่น
ภายในท้องพระโรงเงียบสนิท
คนหลายคนยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเสาเคลื่อนมังกร
โหมวหยางที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดมีสีหน้าย่ำแย่อย่างมาก
ด้านหลังของเขาคือผู้อาวุโสทุกคนภายในเผ่าที่กำลังยืนเรียงกันอยู่
นอกจากผู้อาวุโสที่อยู่ด้านนอกเพื่อปลอบโยนผู้คนในเผ่าและไม่ได้เข้ามาด้านใน ผู้อาวุโสที่เหลือที่เข้าร่วมงานหมื่นคีรีในครั้งนี้ล้วนอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก
พวกเขาจึงจำเป็นต้องมา
พวกเขาทุกคนกำลังจ้องมองแสงที่กะพริบเบาๆ อยู่ในเสาเคลื่อนมังกร ทุกอย่างกำลังจมอยู่ในความเงียบงัน
อากาศเหมือนถูกแช่แข็ง
โหมวหยางกำหมัดแน่น โมโหจนตับแทบจะระเบิด!
ที่แท้ก็มีคนลอบเข้ามาภายในมากกว่าหนึ่งคน!
สิ่งนี้ทำให้ศักดิ์ศรีและใบหน้าของเขาถูกฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ และถูกเหยียบย่ำไม่มีชิ้นดี!
“พวกเจ้าเฝ้าวิหารไท่ซวีกันอย่างไร มีคนเข้ามาเมื่อใดก็ยังไม่รู้เลยอย่างนั้นหรือ?”
เขาหมุนตัวกลับไปแล้วตะคอกผู้อาวุโสทั้งหลาย
ผู้อาวุโสเหล่านั้นมองหน้ากันไปมา เมื่อเย็นๆ ออกท่วมทั่วแผ่นหลัง
น้อยครั้งมากที่โหมวหยางจะโมโห แม้กระทั่งโหมวเหยาทำผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ เป็นผลทำให้ไม่สามารถนำกระดูกของบรรพบุรุษกลับมาได้ตลอดกาล เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรโหมวเหยาเลย
โหมวหยางหลับตาลง พยายามระงับความกรุ่นโกรธที่อยู่ในใจลง
“ผู้อาวุโสฝูซาน ข้ารู้ว่าท่านหมายถึงเรื่องอันใด แต่วิหารไท่ซวีเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดของเผ่าเรา แต่ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว”
“นั่นเพราะว่าเกิดเรื่องในวิหารไท่ซวี ดังนั้นท่านประมุขจึงต้องใจเย็นมากกว่าเดิม”
โหมวฝูซานพูดเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน
“โดยปกติแล้ววิหารไท่ซวีมีการคุ้มกันที่เข้มงวดมาโดยตลอด หลังจากงานหมื่นคีรีเริ่มต้นขึ้น ทุกคนก็ไม่กล้าผ่อนปรนและละเลย ยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเราทุกคนก็อยู่ที่จัตุรัสมาโดยตลอด แต่กลับไม่มีใครสังเกตถึงเรื่องเหล่านี้ได้เลย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี อีกทั้งการกระทำของเขาก็ยังเป็นความลับและสามารถหลอกลวงพวกเราทุกคนได้”
โหมวหยางก็อยู่ตรงนี้
แต่เขาก็จับสังเกตอะไรไม่ได้เลย
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่สามารถปิดประตูลงได้ ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรู้เรื่องเหล่านี้เมื่อใด
ดังนั้นเรื่องเหล่านี้จึงไม่สามารถโทษผู้อาวุโสทั้งหลายได้
โหมวหยางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
สิ่งที่โหมวฝูซานพูดมาก็มีเหตุผล นอกจากนี้เขายังมีความเป็นอาวุโสสูงสุด ดังนั้นโหมวหยาจึงรู้สึกเกรงใจมากกว่าคนอื่นเล็กน้อย
หากเขายังด่ากราดใส่โหมวฝูซานแบบเมื่อครู่นี้อยู่ละก็ เกรงว่าเขาคงจะบ้าไปแล้วจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...