………………..
หากต้องจัดการคนผู้นี้สำหรับเสวี่ยเสวี่ยแล้วนั้นคงไม่ยากลำบากอะไร
หลังจากที่เงาสีขาวพุ่งออกมา บนตัวของทุกคนล้วนบาดเจ็บที่ระดับความรุนแรงไม่เท่ากัน
เมื่อเห็นเสวี่เสวี่ยยังคิดที่จะจัดการต่อ คนผู้หนึ่งในนั้นจึงตะโกนขึ้นมาอย่างร้อนรน
“ใต้เท้าเสวี่ยเสวี่ย! ยิ่งใกล้ถึงวันงานอภิเษกสมรสขององค์ชายกับพระชายา ในเวลานี้หากทำคนถึงตายขึ้นมา จะดูเป็นการไม่เหมาะสมยิ่งนัก!
การเคลื่อนไหวของเสวี่ยเสวี่ยจึงหยุดลงทันทัน
มันเอียงหัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนกำลังพิจารณาคำพูดของคนผู้นี้
ทุกคนกลั้นลมหายใจอย่างตื่นตระหนก จนมิกล้าขยับตัว แม้กระทั้งครึ่งคำก็มีกล้าเอ่ยออกมา
ทุกวินาทีที่เสวี่ยเสวี่ยกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น สำหรับพวกเขาแล้วล้วนทรมานยิ่งนัก
ในที่สุดเสวี่ยเสวี่ยหันตัวกลับและก้าวเท้าเดินจากไป
จริงๆ ดูไม่เหมาะสมยิ่งนัก หากงานอภิเษกของนายท่านต้องถูกเลื่อนออกไปเพียงเพราะคนเหล่านี้
เมื่อเห็นมันตัดสินใจจากไปในที่สุด หลายคนล้วนเผยให้เห็นสีหน้าแห่งความโชคดีเหมือนได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
หลังจากเสวี่ยเสวี่ยเดินออกมาไม่กี่ก้าวก็หันกลับไปมองอีกครั้ง
สายตาที่เย็นชาและเมินเฉยกวาดตามองใบหน้าของคนเหล่านั้น ราวกับว่าต้องการจดจำใบหน้าของพวกเขาไว้อย่างชัดเจนที่สุด!
ทุกคนล้วนอ่านความคิดในสายตาของมันได้อย่างเข้าใจ…มันกำลังรอเวลากลับมาเอาคืน!
หลังจากที่มองดูอยู่ครู่หนึ่ง เสวี่ยเสวี่ยจึงเลี่ยงกายเดินจากไป
เงาร่างดุจหิมะขาวหายไปต่อหน้าในทันทีอย่างรวดเร็ว
เหลือไว้แต่คนพวกนั้นที่อยู่ตรงที่เดิมราวกับหัวใจจมดิ่งลงไป
หากทำให้ท่านผู้นี้ขุ่นเคืองแล้วละก็ ต่อไปคงไม่ได้อยู่ดีไปกว่านี้แน่!
รู้แต่แรกแล้ว่าใต้เท้าเสวี่ยเสวี่ยปกป้องพระชายาเพียงนี้ และมาอยู่ที่นี่พอดี หากตีพวกเจ้าจนตายคงไม่ได้มาพูดเช่นนี้หรอกนะ!
หนึ่งคนในนั้นพูดขึ้นด้วยความกลั้ดกลุ้มใจอย่างมาก
สีหน้าของคนอื่นๆ ล้วนซีดขาวกันหมด
และบุรุษที่ถูกทำร้ายในตอนแรก เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ของตนต่อจากนี้ จึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นึกไม่ถึงว่าเขาจะหมดสติจนล้มลงไป
อย่างไรก็ตามบนโลกนี้ไม่มียาแห่งความเสียใจ
ทุกคนล้วนมีราคาที่ต้องจ่ายด้วยคำพูดและการกระทำของตนเอง
…
ฉู่หลิวเยว่กำลังฝึกฝนปราณอยู่ในห้อง
จู่ๆ ก็มีบางอย่างพวยพุ่งเข้ามา
นางลืมตาขึ้นและมองไปทางหน้าต่าง
มีลักษณะตัวใหญ่และขนปุกปุย มันเข้ามาจากทางริมหน้าต่าง
เพราะตัวใหญ่เกินไปและหน้าต่างก็เล็กเกินจึงทำให้ตัวมันติดอยู่
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองดวงตากลมโตน้ำแข็งสีครามทั้งคู่ที่ใสบริสุทธิ์และน่าสงสาร
“โฮก!”
ฉู่หลิวเยว่รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาอย่างไม่มีทางเลือกและน่าขันยิ่งนัก
“เสวี่ยเสวี่ย! เหตุใดทุกครั้งเจ้าถึงเข้ามาจากทางหน้าต่างกันนะ หน้าต่างเล็กๆ นี่มิอาจรองรับร่างอ้วนๆ ของเจ้าได้หรอกนะ!”
ขณะที่พูดอยู่นั้นนางก็เดินไปทางหน้าต่าง เมื่อเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นอีกนิดจึงปล่อยให้เสวี่ยเสวี่ยเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
“พอแล้ว เจ้านิ…”
ก่อนที่นางจะพูดจบประโยคเจ้าเสวี่ยเสวี่ยก็ได้รับการปล่อยตัวและกระโจนเข้ามาข้างในทันที!”
ไม่เจอกันพักเดียวหัวของมันทั้งโตขึ้นมากและตัวก็หนักขึ้นมากอีกด้วย
ครั้งนี้ที่ดันตัวเข้ามาฉู่หลิวเยว่เกือบรับตัวไว้ไม่ทัน
“เฮ่อ…เสวี่ยเสวี่ย เหตุใดบัดนี้เจ้าถึงได้ตัวหนักกว่าเมื่อก่อนเช่นนี้ เป็นเพราะช่วงนี้อยู่ที่พระราชวังเมฆาสวรรค์ได้กินดีและนอนเต็มอิ่ม ถึงปล่อยให้ตัวเองอ้วนขึ้นได้ใช่หรือไม่”
เดิมทีฉู่หลิวเยว่มักชอบหยอกล้อ หลังจากที่นางพูดจบกลับพบท่าทางของเสวี่ยเสวี่ยดูเหมือนมีบางอย่างผิดแปลกไป


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...