………………..
ฉู่หลิวเยว่ปลอบใจเสวี่ยเสวี่ยอยู่ครู่หนึ่งและค่อยๆ ช่วยเช็ดทำความสะอาดรอยเลือดบนอุ้งมือของมัน อีกทั้งยังสัญญากับมันอีกว่าหลังจากนี้จะเอาคืนให้กับมัน จึงทำให้เสวี่ยเสวี่ยมีความสุขขึ้นมาอีกครั้งจนวิ่งไปรอบๆ ตัวนาง
ช่วงนี้มันฝึกฝนอยู่ที่พระราชวังเมฆาสวรรค์โดยตลอด หากฝึกฝนได้ไม่ถึงตามต้องการของเจ้านายมันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมา
ดังนั้นเมื่อฉู่หลิวเยว่มาอยู่ที่นี่ได้พักหนึ่ง ในที่สุดมันถึงได้เป็นอิสระ
หลังจากทิ้งเรื่องราวยุ่งเหยิ่งเหล่านั้นไป เสวี่ยเสวี่ยจึงมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
นางจึงพามันไปเล่นในเรือน
แม้ว่าเรือนนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่สำหรับเสวี่ยเสวี่ยแล้วนั้น หากเพียงได้อยู่กับฉู่หลิวเยว่ ไม่ว่าอย่างไรก็ล้วนมีความหมายทั้งสิ้น
มันเห็นก้อนหินมากมายแขวนอยู่ในลานกว้าง มันจึงพุงตัวไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและใช้อุ้งเท้าดันให้ก้อนหินตกลงมา
เสียงตุงของก้อนหินที่ตกลงมา
ก้อนหินที่อยู่ด้านข้างกลิ้งไปอยู่ตรงขาหลังของมัน
เสวี่ยเสวี่ยหันไปมองครู่หนึ่ง ใบหน้าดูงุนงนสงสัย
มันไม่ได้ขยับก้อนนี้นิ มันขยับเองได้อย่างไร
มันจึงใช้เท้าหลังผลักก้อนหินนั้นออกไป
ในที่สุดหินก้อนที่สามก็กลิ้งตกลงมาอีกครั้ง
ครั้งนี้แรงของหินนั่นกลับเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยกว่าครั้งก่อนเสียอีก
เสวี่ยเสวี่ยหงุดหงิดเล็กน้อยจึงเตะหินก้อนนั้นออกไปด้วยอุ้งเท้าของมัน
จากนั้นชั่วครู่หินก้อนนั้นก็กลิ้งกลับมา! และเร็วยิ่งกว่าเดิมโดยมุ่งตรงไปที่ด้านหน้าของเสวี่ยเสวี่ย
เสียงแหลมคมดังสนั่นท้องฟ้า!
เสวี่ยเสวี่ยตกใจและหันกลับไปมองทันที ทันใดนั้นขณะที่หินก้อนนั้นพุ่งมา จึงปรากฏให้เห็นรอยแตกบนพื้นสีดำขึ้น!
อันตราย!
“อย่าก่อกวนสิ”
เป็นฉู่หลิวเยว่!
หลังจากนั้นเสวี่ยเสวี่ยจึงเฝ้าพลางจ้องมองก้อนหินนั่นที่ยังคงดุร้ายก้าวร้าว ลมหายใจทั้งหมดกลับถูกปิดปังเอาไว้ในทันที “ตุบ” มีเสียงหนึ่งหล่นลงบนพื้น
ดูแล้วก็เหมือนหินธรรมดาทั่วไปไม่มีอะไรแตกต่าง
เพียงแค่จ้องมองเช่นนี้ จึงมิอาจจะเชื่อได้จริงๆ ว่า เมื่อครู่ก่อนมันยังมีเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง ยิ่งบีบคั้นจึงทำให้มันรู้สึกกลัวจนตัวสั่น!
เมื่อเสวี่ยเสวี่ยสะบัดหัวไปมาจึงมองมันอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากหินหลายๆ ก้อนนั้นเงียบสงบลง
เหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อครู่นี้ราวกับภาพหลอน!
แต่มันกลับไม่คิดจริงๆ ว่า นั่นล้วนเป็นของปลอม
เมื่อฉู่หลิวเยว่เดินเข้ามาและลูบหูขอเสวี่ยเสวี่ย
“ที่นี่มีคนมาไม่มากนัก เมื่อเจ้ามาปรากฏตัว พวกมันจึงดูมีชีวิตชีวิตขึ้นเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้”
เมื่อได้ยิน ใบหน้าเสวี่ยเสวี่ยงงงันไปชั่วครู่
พวกไหนกัน
จู่ๆ ดวงตาของมันก็แน่นิ่งไป
ต่อมา…
ดูเหมือนว่าบริเวณรอบๆ…จะไม่ได้มีแค่หินสองสามก้อนหรอกหรือ
เสวี่ยเสวี่ยหันคอมาอย่างแข็งทื่อ นัยต์ตาปรากฏร่อยรอยความประหลาดใจ
ในลานกว้างนี้ทั้งหมดล้วนมีก้อนหินกระจัดการจายอยู่แทบจะทุกที่!
อีกทั้งหินส่วนใหญ่แทบจะเหมือนกับหินกับที่เพิ่งโจมตีไปเมื่อก่อนหน้านี้!
ชั่วครู่เสวี่ยเสวี่ยก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นจึงเงยหน้ามองไปทางฉู่หลิวเยว่ในทันที
“หากว่าเจ้ารู้สึกเบื่อๆ ก็มาหาถวนจื่อกับจื่อเฉินได้”
ฉู่หลิวเยว่คิดได้จึงเอ่ยขึ้น
“ข้าไม่!”
ถวนจื่อตอบโต้กลับในทันที
ช่วงนี้นางค่อยๆ รู้สึกเหมือนร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ นางจึงคัดแยกชีพจรลั่วในร่างกาย
อีกอย่างหากมาทะเลาะกับเสวี่ยเสวี่ยจะมีประโยชน์อะไร
บัดนี้คู่ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของนางก็คือจื่อเฉิน!
นางรับรู้ความรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าในตอนนี้เหมือนว่าพลังของจื่อเฉินจะเหนือกว่าตน
นางจำเป็นต้องเปิดชีพจรขั้นที่ห้าถึงจะมีหวังชนะได้!


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...