ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 18

เมื่อได้ยินท่านผู้เฒ่าร้องไห้โอดครวญ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้ว่าที่แท้วันนั้นหลังจากนางกลับไป เขาก็คิดว่านางเริ่มฟื้นฟูชีพจรได้อย่างไรตลอดเวลา คิดอยู่สามวันแต่ก็ไม่ได้ข้อสรุปใด

สุดท้ายด้วยความจนปัญญา เขาจึงมาหาที่ตระกูลฉู่เพื่อมาดูให้เห็นกับตาตนเอง

เมื่อมาเห็นเช่นนี้ เขาแทบจะสิ้นใจตายด้วยความโกรธ

ทั้งเรือนอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพร เมื่อเขาได้กลิ่นก็รู้เลยว่ายาชนิดนี้ไม่ธรรมดา

สามารถผสมผสานตัวยาเยอะขนาดนี้ได้อย่างลงตัวนั้น คนธรรมดามิสามารถทำได้แน่นอน!

หากเป็นเขาคิดจะทำให้ออกมาถึงขั้นนี้ก็เกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก

เจ้าเด็กคนนี้ยังจะมาบอกอีกว่าไม่มีใครช่วย!

แล้วนี่คืออะไร เห็นผีหรืออย่างไร!

เมื่อเห็นสีหน้าของท่านผู้เฒ่าที่เต็มไปด้วยคำก่นด่าว่า เจ้าคนหลอกลวง ฉู่หลิวเยว่จึงกุมขมับตัวเองอย่างช่วยไม่ได้

คนธรรมดาไม่มีทางรู้ว่านางใช้ยาตัวไหนต้มยานี้ออกมาบ้าง แต่ท่านผู้เฒ่าคนนี้กลับแตกต่างจากผู้อื่น

เขาต้องรู้เกี่ยวกับยาสมุนไพรเหล่านี้แน่นอน

ฉู่หลิวเยว่เองก็ขี้เกียจปิดบังอีกต่อไป จากจึงยักไหล่ให้

“หากท่านไม่เชื่อ ก็เรื่องของท่านเถิด”

เมื่อพูดจบ นางก็เปิดกล่องหยกเพื่อไปจัดการกับยาสมุนไพรต่อ

ท่านผู้เฒ่าอึ้งกิมกี่ ฉู่หลิงเยว่ไม่มีทีท่าว่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนเลย ตอนนี้เขาพยายามระงับความโมโห แล้วหย่อนก้นนั่งลงบนก้อนหินที่อยู่ข้างๆ

“แม่นางน้อย หากไม่มีข้อแก้ตัวดีๆ ข้าก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก

“อ้อ ได้ ในเรือนมีน้ำ หากท่านกระหายก็ไปหาดื่มเอาเองก็แล้วกัน”

ดูสิดู!

ดูมารยาทเจ้าสิ!

ท่านผู้เฒ่าโมโหมาก เขาโบกพัดอย่างบ้าคลั่งจนหนวดเขาปลิวไสว

ครานี้ เขาไม่ยอมหลิวเยว่จริงๆ ด้วย!

เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจตนเองจริงๆ ท่านผู้เฒ่าจึงสบถเสียงต่ำ จากนั้นเขาก็สำรวจเรือนหลังนี้ไปเรื่อยเปื่อย

จะว่าไปตระกูลฉู่ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง แม้ว่าตอนนี้จะจัดอยู่ในอันดับล่างสุด แต่ก็ยังพอมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่บ้าง

ทว่าเรือนหลังนี้ทั้งห่างไกลและทรุดโทรม ก็ไม่ต่างจากเรือนของครอบครัวคนยากคนจนทั่วไปมากนัก!

ผู้ใดมาเห็นเข้าก็คงไม่เชื่อว่าที่นี่เป็นเรือนอาศัยของฉู่หนิงผู้ที่เคยมีอนาคตสดใสรุ่งโรจน์กับบุตรสาวเพียงคนเดียวเขา!

ทั้งสองคนนี้ต่างเป็นสายเลือดของตระกูลฉู่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาลงเอยเช่นนี้

ท่านผู้เฒ่าลอบถอนหายใจ จากนั้นความโกรธของเขาจึงค่อยๆ ทุเลาเบาบาง

หลังจากนั้นเขาก็ดันไปเห็นพวกท่อนไม้ฝึกยุทธ์ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งนำเอามาตั้งหลักได้ไม่นาน

นี่คือ…ของฉู่หลิงเยว่ใช้ฝึกฝนอย่างนั้นหรือ

นี่มันกระจอกเกินไปแล้ว!

พ่อลูกคู่นี้ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างน่าอนาถใจ!

ทันใดนั้นในอากาศก็มีกลิ่นขมอมเปรี้ยวเป็นพิเศษก็ลอยเข้ามาเตะจมูก

ท่านผู้เฒ่าทำจมูกฟุดฟิด จากนั้นเขาก็เห็นว่าฉู่หลิวเยว่กำลังหยิบเถาวัลย์แห้งสีดำยาวประมาณหนึ่งศอกออกมาจากกล่องหยกแล้วใส่ลงไปในหม้อน้ำเดือด

“ไอ้หยา…ทำไมเจ้าถึงใส่เถาวัลย์ลงไปเลยแบบนี้เล่า สิ่งนี้เมื่อถูกน้ำเดือดจัดมันก็จะละลายไปในพริบตา จากนั้นสรรพคุณของมันก็จะลดลงไปอย่างมากเชียวล่ะ”

ท่านผู้เฒ่ารีบวิ่งไปหาฉู่หลิวเยว่ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจ

“ไอ้หยา…เจ้าเด็กคนนี้นี่ ราคาของเถาวัลย์หน้าผานั้นไม่ใช่ของถูกๆ เจ้าทำมันเสียของอย่างนี้…”

เมื่อพูดได้เพียงครึ่งประโยค เขาก็หยุดพูดกะทันหัน

เถาวัลย์หน้าผาที่ควรจะละลายอย่างรวดเร็ว ตอนนี้กลับนอนแน่นิ่งสภาพดีอยู่ในหม้อ

หม้อน้ำเดือดปุดๆ จนไอร้อนพวยพุ่งใส่หน้า แต่เถาวัลย์แห้งนั้นกลับยังคงสภาพไม่เสียหาย

ของเหลวสีดำราวกับน้ำหมึกค่อยๆ ไหลออกมาจากเถาวัลย์หน้าผาและระบายออกมา

จากเดิมที่มีกลิ่นขมอมเปรี้ยวก็กลับกลายเป็นกลิ่นหอมหวานทันที!

นี่คือการดึงประสิทธิภาพของเถาวัลย์หน้าผาออกมาอย่างสมบูรณ์ถึงได้มีกลิ่นออกมาเช่นนี้

ท่านผู้เฒ่าเบิกตากว้างมองฉากนี้ด้วยความเหลือเชื่อ

“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร”

เถาวัลย์หน้าผามีสรรพคุณฟื้นฟูพลังร่างกายที่ดีเยี่ยม ประกอบกับการมันเจริญเติบโตตามหน้าผาสูงชัน สิบปีถึงจะงอกยาวออกมาหนึ่งนิ้ว ดังนั้นมันจึงมีค่ามหาศาล

แต่ยาที่หายากเช่นนี้ก็ยากต่อการจัดการเช่นกัน

เพราะเนื้อสัมผัสของมันเปราะบางมาก หากได้รับความเสียหายเพียงนิดเดียว พลังของยาก็จะไหลออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน จึงทำได้เพียงค่อยๆ ใส่ลงไปต้มในน้ำช้าๆ

ถ้าหากอุณหภูมิของน้ำสูงหรือต่ำเกินไปก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของยา

โดยเฉพาะน้ำเดือดเมื่อสัมผัสก็จะกลายเป็นกากของเสียอย่างรวดเร็ว!

บทที่ 18 อาจารย์กับลูกศิษย์ 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์