เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อฉู่หลิวเยว่ตื่น หรงซิวก็ได้จากไปแล้ว
พื้นที่ด้านข้างนางยังคงอุ่นเมื่อเอื้อมมือไปสัมผัส ดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่งจากไปไม่นาน
ตอนนี้ฟ้าสางแล้ว คงไม่เหมาะหากมีผู้ใดเห็นเขาอยู่ที่นี่
ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้น และได้กลิ่นหอมเย็นจางๆ บนตัวของตนเอง
นั่นคือกลิ่นลมหายใจบนร่างกายหรงซิว
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ทำให้นางรู้สึกค่อนข้างลำบากใจ แต่ตอนนี้ไม่เห็นเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดมาก
ถวนจือออกจากผ้าห่ม พลางขยี้ตา ดูเหมือนจะยังไม่ตื่น
ฉู่หลิวเยว่ถามขณะทำความสะอาด “ดูเหมือนเจ้าจะง่วงมากนะ ยังพักผ่อนไม่พอหรือ?”
ถวนจือหาวเสียงดัง และแววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ไม่เพียงแต่พักผ่อนไม่เพียงพอ
มันแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน!
เดิมทีมันอยากนอนกับฉู่หลิวเยว่ แต่ทุกครั้งที่มันกระโดดขึ้นไปบนเตียง มันจะโดนไล่ลงมา มันทำได้เพียงขดตัวอยู่มุมห้องด้วยความคับข้องใจ จนกระทั่งเขาจากไป มันจึงได้กลับมานอนบนเตียงนุ่มๆ
มันเพิ่งจะนอนหลับไปสักพัก ฉู่หลิวเยว่ก็ตื่น แล้วมันจะไม่ง่วงได้อย่างไร?
“ถ้าเช่นนั้นวันนี่เจ้าพักที่นี่ ตอนเย็นข้าจะกลับมา”
ฉู่หลิวเยว่พูดและกำลังจะออกไป
ถวนจือกลับไม่เต็มใจเมื่อได้ยิน มันรีบกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว จากนั้นม้วนหางปุกปุยของมันให้กลมเป็นลูกบอล
ฉู่หลิวเยว่ลูบหัวของมัน และนำมันกลับไปวางบนเตียง
“ที่ที่ข้าจะไปในวันนี้เจ้าเข้าไปไม่ได้ พักผ่อนที่นี่รอข้ากลับมา”
ถวนจือไม่มีทางเลือกจึงทำได้เพียงเขย่าหางของมันเพื่อตอบตกลง
…
ฉู่หลิวเยว่มาที่หอคอยจิ่วโยวอีกครั้ง
วันนี้หอคอยจิ่วโยวเงียบสงัดซึ่งแตกต่างเมื่อก่อนมาก ในระหว่างทางฉู่หลิวเยว่ไม่พบผู้ใดเลย
อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้มีคนได้รับบาดเจ็บไม่น้อยในบรรพตวั่นหลิง ยามนี้ผู้คนส่วนใหญ่กำลังฟื้นฟูร่างกาย ดังนั้นผู้คนจึงบางตา
เมื่อเข้าใกล้หอคอยจิ่วโยว ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ได้ยินเสียงดังอึกทึกครึกโครม
นางเดินตามเสียงไป จึงพบลู่เฟยเยี่ยนถูกผู้คนรายล้อมอยู่ตรงมุมอับที่อยู่ไม่ไกล และดูเหมือนว่ากำลังคุยอะไรบางอยู่กับคนที่อยู่ตรงกลาง
และคนที่อยู่ตรงกลางคือฉู่เซียนหมิ่น
“หมิ่นหมิ่น ข้าจำได้ว่าเวลาฝึกฝนของเจ้าที่หอคอยจิ่วโยวยาวนานมากใช่หรือไม่? ของข้าใช้หมดแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้าให้ข้ายืมก่อนสักสามชั่วยามได้หรือไม่?”
ดูเหมือนว่าลู่เฟยเยี่ยนกำลังขอความช่วยเหลือ แต่น้ำเสียงกลับเป็นไปโดยธรรมชาติ ราวกับว่ากำลังขอร้องในสิ่งที่มั่นใจว่าเป็นของตนเอง
“ยังมีพวกนางอีกหลายคน ตอนนี้ไปทำภารกิจไม่ทันแล้ว! ความต้องการขอฃพวกนางไม่มากนัก เจ้าคนหนึ่งให้หนึ่งชั่วยามก็ได้แล้ว!”
ฉู่เซียนหมิ่นมองดูผู้คนหลายคนที่อยู่ด้านหน้านาง พร้อมทั้งระงับความโกรธในใจ และพูดว่า “ข้าเองก็เหลือไม่มาก พวกเจ้าต้องการจำนวนมากในคราเดียว เกรงว่าข้าจะเอาออกมาไม่ได้…”
“เจ้าไม่เต็มใจ?”
ลู่เฟยเยี่ยนเหลือบมองนาง และพูดอย่างเย้ยหยัน “หมิ่นหมิ่น พวกเราเป็นพี่น้องที่แสนดีต่อกัน เจ้ากลับไม่เต็มใจที่จะแบ่งปันให้พวกเราหรือ?”
ฉู่เซียนหมิ่นกัดฟันสีเงินแน่น
พี่น้องที่แสนดีอะไรกัน?
คนพวกนี้ไม่ใช่แม้แต่สิ่งของ!
“ใช่แล้ว! หมิ่นหมิ่น ได้ยินว่าตระกูลของแม่เจ้ามีเรื่องมากมาย น่าจะไม่มีเวลามาฝึกฝนที่หอคอยจิ่วโยวใช่ไหม? ให้พวกเรายืมก่อนดีกว่า!” หญิงสาวที่อยู่ข้างๆพูดอย่างจงใจ
คนเหล่านั้นมองหน้ากันแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์