ฉู่เซียนหมิ่นมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความประหลาดใจ
ฉู่หลิวเยว่ลูบคางของตนเอง
“อืม ข้าก็ไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลย ก็แค่ดูละครฉากหนึ่งเท่านั้น คนเขามีน้ำใจช่วยเหลือเจ้า นอกจากเจ้าจะไม่สำนึกแล้ว ยังตบหน้าเขากลับไปอีก จิ๊ๆ ไม่ค่อยสมควรเท่าไหร่กระมัง”
นางต้องได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างแน่นอน!
แววตาของฉู่เซียนหมิ่นพลันเปลี่ยนไป
นางระมัดระวังตัวอยู่เสมอและไม่เคยติดต่อกับจี้อวี้หรงต่อหน้าผู้อื่น ทว่านางกลับคิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะรู้เห็นทั้งหมด
ตอนนี้ ทำได้เพียงยืนกรานไม่ยอมรับแล้วล่ะ
นางเปลี่ยนความคิด ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา
“มีผู้ที่ชื่นชอบข้ามากมาย ต้องให้ข้าตอบรับความรักจากทุกคนเลยหรือไร อีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากเขา เขาทำผิดเองต่างหาก!”
เมื่อนางพูดจบ นางก็ถลึงตามองจี้อวี้หรง
“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ข้าอภิเษกกับรัชทายาทแล้ว นับจากนี้ไปเจ้าอย่ามาวุ่นวายกับข้าอีก มิฉะนั้นล่ะก็ เจ้าไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่!”
จี้อวี้หรงทราบดีว่าถ้าหากเรื่องนี้ถูกฉู่หลิวเยว่แพร่งพรายออกไป ทั้งตัวเขาเองและฉู่เซียนหมิ่นคงอยู่ยากแน่ ดังนั้นเขาจึงรีบตอบอย่างให้ความร่วมมือ
“…ได้…ข้า…ข้ารู้แล้ว…เป็นเพราะข้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ต่อไปข้าจะไม่กระทำการเช่นนี้อีกแล้ว”
จากนั้นฉู่เซียนหมิ่นก็เตรียมหันหลังเดินจากไป
“ช้าก่อน”
ฉู่หลิวเยว่ก้าวออกไปขวางหน้าฉู่เซียนหมิ่นเอาไว้
“เจ้าคิดที่จะทำการอันใดอีก!”
“ข้าคิดที่จะทำอะไร เจ้าเองก็รู้ดีมิใช่หรือ”
ฉู่หลิวเยว่มองนางอย่างเยือกเย็น ซึ่งมาพร้อมกับความกดดันที่มิอาจพรรณนาได้
“เอาใบสั่งยาถอนพิษมาให้ข้า”
ฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบรัดจนแน่น
นางยืนกรานกล่าวว่า
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร”
“อ๋อ”
สายตาของฉู่หลิวเยว่มองสลับไปมาระหว่างจี้อวี้หรงและฉู่เซียนหมิ่น มองจนทั้งสองรู้สึกอึดอัดใจ
“เจ้าไม่ยอมรับแน่นอนใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้น…พวกเราไปหาผู้อาวุโสซุนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมดีหรือไม่ ดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้ตระกูลฉู่กำลังวุ่นวาย น่าจะไม่มีใครยอมช่วยเจ้าหรอกกระมัง คดีทำร้ายศิษย์ร่วมสำนักเช่นนี้ โทษคงไม่เบาเลยทีเดียวเชียวล่ะ…”
“ข้าหาได้ทำร้ายศิษย์ร่วมสำนักไม่! ข้ามิได้เป็นคนวางยาพิษนั่น เจ้าอย่ามาใส่ร้ายป้ายสีข้านะ!” ฉู่เซียนหมิ่นแผดเสียงอันหวีดแหลมดังลั่น
ฉู่หลิวเยว่พูดช้าๆ ชัดๆ
“ข้ายังมิเคยเอ่ยปากพูดคำว่า วางยาพิษ เลยนะ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร”
ฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ!
จี้อวี้หรงหน้าถอดสี และเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“วันนี้ดูเหมือนว่าข้าจะเพิ่งพบเจ้าเป็นครั้งแรกหลังจากกลับมายังสำนัก แล้วก็พูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น เจ้าก็หลุดปากเรื่องวางยาพิษเสียเอง ถ้าหากเจ้าต้องการหลักฐาน นี่ก็คือหลักฐานที่ดีที่สุดมิใช่หรือ ตอนนี้เจ้ายังอยากพูดคำว่าข้าใส่ร้ายเจ้าอีกหรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่พูดชัดถ้อยชัดคำ และทุกคำก็คมดั่งมีดที่กำลังเชือดเฉือนหัวใจของฉู่เซียนหมิ่นอย่างเจ็บปวด
ราวกับโลหิตทั้งร่างกำลังจะหยุดไหล แล้วนางก็ปวดเศียรเวียนเกล้าจนหัวสมองแทบระเบิด!
“เปล่า เปล่า! ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น!”
ฉู่เซียนหมิ่นเริ่มติดอ่างพูดจาไม่รู้เรื่อง
“เจ้าจะยอมรับแล้วเอาใบสั่งยาถอนพิษให้ข้าเองแต่โดยดี หรือจะให้ข้าเข้าไปค้นที่พักของเจ้าเอง แล้วเอาหลักฐานที่เป็นจดหมายส่งให้กับผู้อาวุโสซุน จากนั้นก็ขับไล่เจ้าออกจากสำนัก”
ฉู่เซียนหมิ่นเงยหน้าพรึ่บ แล้วมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความตกตะลึง
เหตุใดนางถึงได้รู้แม้กระทั่งเรื่องนี้!
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนาง ฉู่หลิวเยว่ก็เย้ยหยันทันที
เนื่องจากมู่หงอวี๋พบว่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่ชอบมาพากลระหว่างฉู่เซียนหมิ่นและจี้อวี้หรง ดังนั้นพวกนางจึงเริ่มมองหาหลักฐาน
เมื่อวาน หลังจากที่จี้อวี้หรงบอกว่าจะออกไปทำธุระ นางจึงรีบสะกดรอยตามไป ระหว่างวันทุกอย่างก็เป็นปกติ ทว่าตกดึก เขาก็เผยธาตุแท้ แล้วไปหาฉู่เซียนหมิ่น ณ ที่พัก
เขาไม่แม้แต่จะเข้าประตู แค่เดินวนเวียนอยู่แถวนอกกำแพง หลังจากนั้นสักพักเขาก็เดินออกไป
นางรีบตามไปในความมืดยามราตรี แล้วก็เจอหลักฐานจริงดั่งคาด
คิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะลอบส่งจดหมายลอดผ่านช่องกำแพง
หัวใจของฉู่เซียนหมิ่นกระสับกระส่าย แล้วจู่ๆ นางก็หันไปทางจี้อวี้หรง
“เจ้าทรยศข้าหรือ!”
จี้อวี้หรงรีบโต้แย้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์