เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1832

………………..

รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดเล็กลง!

นางลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ!

หรงซิวพูดได้ถูกต้อง โล่สีดำอันนั้นนางได้มาจากท่าเรือดอกท้อแห่งนี้จริงๆ

ตอนนั้นนางแค่รู้สึกว่าของชิ้นนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และสะดวกต่อการใช้งาน

แต่หลังจากนั้น นางถึงพบว่าของชิ้นนี้ใช้งานได้ดีกว่าที่นางคิดเสียอีก

ไม่ ไม่เพียงแค่นั้น

จนกระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่รู้ว่า ขีดจำกัดของโล่สีดำชิ้นนี้อยู่ที่ตรงไหน

ระหว่างนี้นางได้เจอเหตุการณ์พลิกผันและเรื่องยุ่งยากมากมาย และยังได้เผชิญหน้ากับความเป็นความตายตั้งไม่รู้กี่ครั้ง

แต่ตราบใดที่นางหยิบโล่สีดำชิ้นนี้ออกมา นางก็ไม่เคยพลาดท่า

ที่นางได้รับบาดเจ็บ สาเหตุหลักก็เป็นเพราะความอดทนของร่างกายนางอ่อนแอเกินไปเอง

แม้ว่าพลังโจมตีจะถูกโล่สีดำนั้นจะลดทอนลงไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่ยังถ่ายทอดพลังโจมตีมาสู่นาง

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าโล่สีดำชิ้นนั้นไม่ดี

เพราะว่าตั้งแต่ต้นจนจบ มันไม่เคยแตกหักมาก่อนเลย

แม้แต่พลังโจมตีที่รุนแรงที่สุดก็ทิ้งเอาไว้ได้แค่เพียงร่องรอยไม่กี่สายเท่านั้น

แตกหัก?

เหมือนว่าจะไม่มีอยู่จริง

ครั้งหนึ่งนางเคยถามองค์ปฐมกษัตริย์เกี่ยวกับโล่สีดำชิ้นนี้ แต่คนที่รอบรู้อย่างองค์ปฐมกษัตริย์ก็ไม่สามารถอธิบายสาเหตุว่าเหตุใดมันถึงแข็งแกร่งเช่นนี้

เมื่อเวลาผ่านมา ฉู่หลิวเยว่จึงเก็บเรื่องเหล่านี้เอาไว้ในใจ

อันที่จริงนางเกือบลืมไปแล้วว่านางได้โล่สีดำชิ้นนี้มาจากท่าเรือดอกท้อ!

ไม่ว่าจะเป็นโล่สีดำอันนั้น หรือว่าผาธารใส สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ที่ที่จะสามารถพบเจอได้ในสถานที่ที่ธรรมดา

หรือว่า…

ทันใดนั้นภายในสมองของฉู่หลิวเยว่ต้องมีประกายสีขาวสว่างวาบออกมา

นางกุมมือของหรงซิวไว้แล้วถามว่า

“ที่คนของสำนักกระบี่ทมิฬยังอยู่ที่นี่เป็นเพราะว่าเขาก็ค้นพบเรื่องนี้แล้วใช่หรือไม่?”

หรงซิวหยุดชะงักไปชั่วคราว

“พูดยาก”

ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้พวกเขายังไม่ได้เผชิญหน้ากัน สถานการณ์เป็นอย่างใดนั้นก็ยังไม่แน่ชัด

ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากของตนเอง

“รอให้ซานซานกลับมาจากสำนักกระบี่ทมิฬแล้วค่อยว่ากัน”

เวลาสามวันผ่านไปในชั่วพริบตา

ช่วงเช้าวันหนึ่ง ซานซานนำหญ้าผสานวิญญาณไปยังสำนักกระบี่ทมิฬด้วยตัวคนเดียว

สำนักกระบี่ทมิฬมีการคุ้มกันที่เข้มงวด ไม่เคยอนุญาตให้ผู้อื่นเข้าออกได้ตามใจชอบ

ดังนั้นทุกครั้งที่ซานซานมาส่งของ เขาก็จะไปด้วยตัวคนเดียวและไม่มีผู้ติดตามตามไปด้วย

ยังดีที่เขาไม่ได้ทำเช่นนี้เป็นครั้งแรก ฉู่หลิวเยว่นำหญ้าผสานวิญญาณมาเพิ่มให้แก่เขาแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้เป็นห่วงมากเท่าใด พวกเขาล้วนจัดการอยู่กับเรื่องของตัวเอง

ตอนที่เฉินอีมาหาฉู่หลิวเยว่ ตอนนั้นนางกำลังดูใบเทียบยาอยู่

“นายท่าน ข้าว่าจะพาสือซานออกไปด้านนอกก่อน”

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมา

“วันนี้หรือ? เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”

“ไม่มีอันใด สือซานเตรียมตัวจะทะลวงด่าน ข้ากลัวว่าจะทำให้จวนเสียหาย ดังนั้นจึงอยากจะพาเขาออกไปด้านนอก เพื่อหาสถานที่โล่งกว้าง”

ฉู่หลิวเยว่ก็นึกขึ้นมาได้ในทันที

สือซานเตรียมตัวจะทะลวงด่านสู่จอมยุทธระดับเจ็ด

ด้วยพรสวรรค์ของเขาแล้ว ด่านพลังจิตวั่งเสิ่นจะต้องทำให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมากแน่นอน

แม้ว่าจวนนี้จะมีขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถทนต่อแรงโจมตีของทัณฑ์สวรรค์ได้

ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

นางเพียงแค่อยากดูเท่านั้น ว่าพรสวรรค์และฝีมือของสือซานจะอยู่ในระดับไหนแล้ว

เฉินอีก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับการตัดสินใจของนาง เขาจึงพยักหน้าเบาๆ

“ขอรับ”

ท่าเรือดอกท้อมียอดเขาสูงอยู่เป็นจำนวนมาก

ฉู่หลิวเยว่และเฉินอีพาสือซานไปค้นหายอดเขาที่ห่างไกลและสงบเงียบ

เหมือนว่าหรงซิวกำลังปรึกษาหารือกับเยี่ยนชิงด้วยเรื่องบางอย่างอยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้ติดตามมาด้วย

ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองโดยรอบ

บทที่ 1835 เผชิญหน้ากันโดยบังเอิญ 1

บทที่ 1835 เผชิญหน้ากันโดยบังเอิญ 2

บทที่ 1835 เผชิญหน้ากันโดยบังเอิญ 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์