………………..
ซานซานอยากจะพูดคำว่า “ไม่สะดวก”
แต่เขายังไม่อยากตายเร็วขนาดนั้น เขาจึงพยักหน้า
“สะดวก สะดวกขอรับ! หากรองประมุขมีคำสั่งอันใด ก็พูดมาได้เลย ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ…”
มั่วอวิ๋นหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
แต่เสียงหัวเราะนี้แปลกประหลาดอย่างมาก มันยังแฝงด้วยการถอนหายใจออกมาและความประชดประชันอยู่ด้วย
“คนอย่างเถ้าแก่ซานอยู่ในระดับใดกัน ข้าจะล่วงเกินได้อย่างใด? หลังจากนี้ไม่แน่ว่า พวกเราคงต้องพึ่งพาเถ้าแก่ซานแล้ว ดังนั้นควรจะต้องเกรงใจเจ้าอยู่แล้ว”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ซานซานพูดอันใดไม่ออก
มั่วอวิ๋นปักใจเชื่อไปแล้วว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทุกอย่าง แล้วเขาจะโต้แย้งได้อย่างใด?
ต่อหน้าสายตาของผู้คนมากมายขนาดนี้ ทันทีที่เขาเข้าและออกมา พลังของม่านพลังนั้นก็จางหายไป อีกทั้งยังสามารถทำลายได้ด้วยกระบี่เดียว
ต่อให้เขาจะกระโดดลงแม่น้ำฮวงโหก็ไม่สามารถล้างมลทินได้!
แต่เปรียบเทียบกับการที่ยังสามารถปิดตัวตนของนายท่านได้ และให้มั่วอวิ๋นมุ่งความสงสัยมาที่เขาทั้งหมด มันถือว่าดีกว่า…
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซานซานรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
เขาหลุบสายตาลงต่ำ สีหน้าดูเก้อกระดาก
“คือว่า…ข้าล้วนฟังคำสั่งของรองประมุข”
มั่วอวิ๋นหมุนตัว ตั้งใจจะเดินทางกลับไปที่สำนักกระบี่ทมิฬ
เขาเพิ่งเดินออกไปได้หนึ่งก้าว แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าอีกครั้ง แล้วหันศีรษะกลับมา
“เรื่องของยอดเขาหลานชิงได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ทุกท่าน…แยกย้ายกันไปเถอะ!”
น้ำเสียงนี้ทุ้มต่ำเย็นชาอีกทั้งยังแฝงด้วยคำสั่งอยู่เป็นนัยๆ
นั่นหมายความว่าเขาต้องการจะยึดครองยอดเขาหลานชิงแห่งนี้
แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ในตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้ามาลองดีกับมั่วอวิ๋น
…หลายวันที่ผ่านมานี้ คนของสำนักกระบี่ทมิฬบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก แต่มั่วอวิ๋นกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเขาหมายมั่นว่าจะเอายอดเขาหลานชิงให้ได้
หากใครคิดที่จะต่อต้านเขา เกรงว่าจะต้องมีจุดจบที่น่าอนาถใจแน่นอน!
หลังจากมั่วอวิ๋นพูดจบแล้วเขาก็เดินจากไป โดยไม่สนใจปฏิกิริยาของทุกคนเลยแม้แต่น้อย
เขาไม่ได้เห็นคนเหล่านี้อยู่ในสายตาเลย
ในตอนนี้เขาเพียงแค่อยากจะสอบถามให้ชัดเจน…ว่าเรื่องภายในม่านพลังนั้นมันมีความเป็นมาอย่างใดกันแน่!
ซานซานเดินต่อไปอย่างฝืนๆ
“…รองประมุข ท่าน…ให้ข้าติดตามท่านกลับไปเพียงคนเดียวก็พอแล้ว แต่ผู้ติดตามทั้งสองคนของข้านั้น ช่วงนี้เขาได้รับความลำบากมาไม่น้อยเลย ไม่ทราบว่าท่านจะปล่อยพวกเขากลับไปก่อนได้หรือไม่…”
มั่วอวิ๋นไม่ได้หันกลับมามอง เขาทำเพียงแค่โบกมือ
พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีความสำคัญใดๆ
ขอเพียงพาซานซานกลับไป ทุกอย่างก็จะกระจ่างชัดขึ้นมาแล้ว
ซานซานถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็หันไปพูดกับฉู่หลิวเยว่ว่า
“เอาล่ะ พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ กลับไปรายงานคนในจวนว่าข้าปลอดภัยดี อีกสักพักก็จะกลับไปเอง”
ริมฝีปากของนางกระตุกเล็กน้อย เดิมทีนางอยากจะพูดอันใดบางอย่าง แต่เมื่อเห็นแววตาของซานซานแล้ว สุดท้ายนางก็พยักหน้าเบาๆ
“เจ้าค่ะ”
…
ในที่สุดเรื่องภายในยอดเขาหลานชิงก็จบลงด้วยประการฉะนี้
นอกจากคนของสำนักกระบี่ทมิฬที่คุ้มกันอยู่โดยรอบ คนอื่นๆ ล้วนแยกย้ายกันกลับ
ท้ายที่สุดแล้วเปลวเพลิงบนยอดเขาหลานชิงก็ยังคงลุกโชนอย่างต่อเนื่อง
ความลับที่อยู่ภายในนั้นก็ถูกฝังกลบ ยังไม่ได้เปิดเผยออกมา
ทุกคนเริ่มจับตาดู รอการกระทำต่อไปของสำนักกระบี่ทมิฬ
…
ระหว่างทางฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวไม่ได้พูดอันใดกันสักคำ จากนั้นไม่นานก็กลับมาถึงจวนเยว่
เยี่ยนชิงรอคอยอยู่ที่หน้าประตูใหญ่แล้ว
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกลับมาถึง ในที่สุดเส้นประสาทที่ตึงเครียดของเยี่ยนชิงก็ผ่อนคลายลง
“ฝ่าบาท พระชายา”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...