………………..
สีหน้าที่สงบนิ่งปรากฏบนใบหน้าที่งดงามของเขา ทั้งสุขุมเยือกเย็นราวกับไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เลย
ระหว่างคิ้วและนัยน์ตา เคลื่อนไหวด้วยความสง่างาม เห็นได้เพียงแต่ความใส่ใจและเอาอกเอาใจของคนผู้นั้นแม้จะดูเหมือนนางทำให้ทุกอย่างที่นี่ดูวุ่นวายไปเสียหมดแต่เขาก็ยังคอยตามใจ
มั่วอวิ๋นโมโหจนพูดไม่ออกและร่างสั่นสะท้านไปทั้งตัว
สองคนนี้…สองคนนี้ บังอาจเกินไปแล้ว!
“หรงซิว! อย่าโกรธที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเลย! ที่แห่งนี้คือท่าเรือดอกท้อ! ถ้าเกิดนางทำเรื่องอันใดที่ล้ำเส้นแล้วล่ะก็ ทุกคนที่ท่าเรือดอกท้อจะถูกฝังไปกับนางทั้งหมด!”
ทว่าความว่างเปล่าในบริเวณรอบๆ เริ่มพังทลายลงอย่างรวดเร็วจนมิอาจควบคุมเอาไว้ได้!
สถานการณ์เช่นนี้มั่วอวิ๋นเคยประสบมาก่อนแต่เขากลับไม่เคยมีประสบการณ์ที่รุนแรงเช่นนี้
หางคิ้วของหรงซิวยกขึ้นเล็กน้อย
“ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่ารองเจ้าสำนักมั่วยังมีจิตใจเช่นนี้ สองปีมานี้คนที่ตายแทนสำนักกระบี่ทมิฬดูเหมือนจะมีไม่น้อยใช่หรือไม่ หากรองเจ้าสำนักกระบี่ทมิฬจริงใจต่อใต้หล้าและใส่ใจทุกคนอย่างแท้จริง กลับไม่สู้ทำร้ายคนให้น้อยลง คิดเช่นนี้น่าจะทำให้ได้ประโยชน์มากกว่าไม่น้อย”
คำพูดของหรงซิวทำให้มั่วอวิ๋นเป็นใบ้จนอะไรพูดไม่ออก
แน่นอนว่าเจ้าไม่ได้สนใจความเป็นความตายของคนที่ท่าเรือดอกท้อเหล่านี้เลย
เจ้าแค่เป็นกังวลว่าของที่พวกฉู่หลิวเย่วตามหามานาน แต่ไม่สามารถครอบครองได้ จะได้มันไปครองไว้เพียงคนเดียว!
ทว่าเหตุผลเช่นนี้ แน่นอนว่าพูดออกมาไม่ได้
มั่วอวิ๋นทำได้เพียงมีท่าทีกังวลใจอยู่อย่างนั้น
ลั่วเหยียนที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าเคร่งขรึม และครุ่นคิดไปมาอยู่ในใจ
เห็นได้ชัดว่าที่มั่วอวิ๋นกังวลเช่นนี้ต้องมีสาเหตุอื่นเป็นแน่
หรือว่า…จะเป็นเพราะเปลวไฟที่อยู่บนเขานั่น?
หนานอวี่สิงเป็นผู้แข่งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว เหตุใดถึงสู้ไม่ชนะฉู่หลิวเยว่ที่มีร่างเป็นแค่ระดับเทพขั้นสูง
หรือว่าในช่วงเวลาอันสั้นนี้พละกำลังของฉู่หลิวเยว่มีระดับที่แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้วอย่างนั้นหรือ
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายติดอยู่ในสถานการณ์อับจนหนทาง มีคนเข้ามาจากทางด้านหลัง
ลมปราณนี้รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง จึงทำให้หัวใจของลั่วเหยี่ยนสั่นไหวพลางหันกลับไปมองและรู้สึกมีความสุขขึ้นมาในทันที
หลายคนที่ตามมาต้องเป็นคนตระกูลหนานที่มาพร้อมพวกเขาก่อนหน้านี้!
ทางด้านหลังพวกเขายังมีคนของสำนักกระบี่ทมิฬ
แต่ทว่าในไม่ช้าลั่วเหยี่ยนก็พบว่าจำนวนคนผิดแปลกไป
เดิมทีมีผู้อาวุโสทั้งหมดมีแปดท่าน แต่ขณะนี้เหลือเพียงสี่ท่านเท่านั้น
ลั่วเหยี่ยนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างมาก
เขาก้าวขึ้นมาด้านหน้าในทันที
เมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้จึงมองเห็นร่างของทุกคนเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดที่ไหลออกมา
ดูเหมือนพวกเขาได้ผ่านการต่อสู้กันมาอย่างดุเดือด
“เหตุใดถึงเหลือเพียงพวกท่านสี่คน คนที่เหลือล่ะ?”
ลั่วเหยี่ยนถามขึ้นด้วยความร้อนใจ
ผู้อาวุโสทุกท่านสบตากันด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“เช่นนั้นคนที่เหลือ ทั้ง…”
ลั่วเหยียนรู้สึกหวาดหวั่นใจขึ้นมา
อีกทั้งสี่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ล้วนเป็นผู้แข่งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น
คิดไม่ถึงว่าแม้แต่พวกเขาก็มิอาจช่วยชีวิตใครไว้ได้…
เขาทนไม่ไหวจึงพูดขึ้นว่า
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ หากดูจากพลังของพวกเขาแล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า!”
ก่อนหน้าเขากับมั่วอวิ๋นไล่ตามาทางด้านนี้ หลังจากนั้นหรงซิวกับเฉิงอีก็ตามไปอย่างรวดเร็ว
แต่ซานซานและคนอื่นๆ กลับแยกกันไปสักพักหนึ่งถึงตามมา
ในเวลานั้นเขาคิดว่าคงเป็นเพราะพวกเขาใช้วิธีอะไรบางอย่างถึงได้รั้งคนของตระกูลหนานกับสำนักกระบี่ทมิฬเอาไว้ได้
ใครจะรู้…ว่าได้เอาชีวิตคนไปมากมายขนาดนั้น!
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ
“ลั่วเหยี่ยน ท่านคงยังไม่ทราบทั้งหมด พวกเขาเป็นคนของสกุลเยว่ อีกทั้งมีวิถีค่ายกลที่แข็งแกร่งนัก!”
เมื่อลากคนเหล่านี้ของจวนเยว่ออกมาทีละคน แน่นอนว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจำนวนเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเขา
ใครเล่าจะรู้ว่าคนกลุ่มนั้นได้คิดกลอุบายเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว!



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...