“สิบสามผู้พิทักษ์เยว่มีทั้งหมดสิบสามคน เฉินอีอยู่ในอันดับหนึ่ง นั่นเป็นเพราะว่าฝีมือของเขาแข็งแกร่งมากที่สุด ส่วนคนที่เหลือ แม้ว่าจะมีฝีมือโดดเด่น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเฉินอีแล้วก็ยังด้อยกว่าหนึ่งขั้น”
จวินจิ่วชิงพูดขึ้นอย่างมีเหตุผล
อี้เหวินเทาครุ่นคิดและรู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นมีเหตุผล
แต่ในเมื่อคนเหล่านี้ติดตามฉู่หลิวเยว่มาตั้งแต่นอกพรมแดนอาณาจักรเสิ่นซวี่ และที่เฉินอีสามารถบำเพ็ญเพียรได้ถึงระดับนี้ก็นับว่าพวกเขามีความสามารถไม่น้อย
ถ้าอย่างนั้นเขาอยู่ในระดับเทพศักดิ์สิทธิ์มาก่อนอยู่แล้ว หรือว่าหลังจากที่เขาติดตามฉู่หลิวเยว่เข้ามาในอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้วถึงจะสามารถทะลวงด่านระดับนี้ได้
แต่ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับนี้ เขาสามารถทะลวงด่านได้สำเร็จภายในระยะเวลาสั้นๆ ได้อย่างใด?
“จริงสินายท่าน ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้มีข่าวลือบอกว่าเถ้าแก่ซานภายในท่าเรือดอกท้อก็เป็นลูกน้องของซั่งกวนเยว่คนนั้นด้วย”
เมื่อผู้อาวุโสท่านหนึ่งได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดคุยกัน เขาก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นได้ และรีบกล่าวเสริม
“เถ้าแก่ซานคนนั้นได้ล่วงหน้ามาที่ท่าเรือดอกท้อก่อนหลายปีแล้ว อีกทั้งยังทำธุรกิจที่นี่ กิจการรุ่งเรืองก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เขาจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสำนักกระบี่ทมิฬด้วย เพียงแต่ว่าตอนนี้…”
ตอนนี้ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า สำนักกระบี่ทมิฬได้ถูกทำลายจนมอดม้วยแล้ว
ไม่มีคนหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว
ทุกคนภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ยังไม่ได้รับข่าวคราวเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย
เหมือนว่าสำนักกระบี่ทมิฬจะจางหายไปอย่างไร้สุ้มไร้เสียงเช่นนั้น
หากก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ภายในท่าเรือดอกท้อ และรู้ว่าที่แห่งนี้มีสำนักกระบี่ทมิฬ พวกเขาก็คงจะคิดว่าฉู่หลิวเยว่มาถึงที่นี่และครองตัวเป็นใหญ่ด้วยตนเอง
“จริงสิ เถ้าแก่ซานคนนั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดา พื้นที่มิติขนาดเล็กที่เป็นดั่งขุมทรัพย์ภายในผาธารใส เขาก็เป็นเจ้าของ”
ผู้อาวุโสคนนั้นพูดอีกครั้ง
หากไม่เป็นเช่นนั้นสำนักกระบี่ทมิฬคงไม่เก็บเขาเอาไว้นานขนาดนี้หรอก
อี้เหวินเทาตกตะลึง
“ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง?”
เขาจำชายคนนั้นได้
เพียงแต่ตอนที่ได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นครั้งแรก เขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอันใดมากนัก แต่หันไปให้ความสนใจกับสำนักกระบี่ทมิฬมากกว่า
แต่หลังจากรู้ว่าสำนักกระบี่ทมิฬมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับถ้ำปีศาจทมิฬแล้ว เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะลงมือ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากได้ยินข่าวคราวของท่าเรือดอกท้ออีกครั้งฉู่หลิวเยว่ก็กลายเป็นเจ้านายของที่นี่ไปแล้ว!
อีกทั้งสำนักกระบี่ทมิฬ… ก็ถูกกวาดล้างไปทั้งหมด!
ฉู่หลิวเยว่สามารถยึดครองท่าเรือดอกท้อได้ง่ายดายขนาดนี้เชียวหรือ หรือว่า… เป็นเพราะความร่วมมือจากเถ้าแก่ซานและคนอื่นๆ ?
หากเป็นเช่นนี้จริงละก็ ลูกน้องของนางเหล่านี้ก็ไม่อาจดูเบาได้เลย…
เขาชะงักไปเล็กน้อย แล้วหันกลับมาถามว่า
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า สิบสามผู้พิทักษ์เยว่ของซั่งกวนเยว่นี้มีที่มาที่ไปอย่างใด?”
จวินจิ่วชิงหลุบสายตาลงต่ำแล้วส่ายหน้า
“คนเหล่านี้ติดตามนางมานานมากแล้ว อีกทั้งนางก็เป็นคนหามาด้วยตนเอง รายละเอียดเบื้องหลังและที่มา…นอกจากนางแล้ว น่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้”
อี้เหวินเทาผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจกับคำตอบของเขา
เขาเหลือบสายตาไปมองหรงซิวอย่างอดไม่ได้
หรงซิวยืนอยู่ข้างกายของฉู่หลิวเยว่ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เหมือนว่าเขาแทบจะไม่ลงมือเลย
การกระทำของเขานั้นชัดเจน
ท่าเรือดอกท้อเป็นฐานที่มั่นของฉู่หลิวเยว่ เรื่องทุกเรื่องที่เกิดภายในที่แห่งนี้คนของฉู่หลิวเยว่ควรจะเป็นคนแก้ไขด้วยตนเอง
หากพูดตรงๆ วันนี้เขาตั้งใจให้ฉู่หลิวเยว่ได้สร้างฐานอำนาจของตนเอง!
ดูเหมือนว่าเขาหมายมั่นจะให้คนของฉู่หลิวเยว่ยึดครองท่าเรือดอกท้อให้ได้…
“ประมุขอี้”
ทันใดนั้นน้ำเสียงที่กระวนกระวายก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง
อี้เหวินเทาหันกลับไปมอง
คนที่พูดนั้นคือ หนานเหอเถียน ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหนาน
และคนผู้นี้ก็ยังเป็นคนสนิทของหนานอีฝานด้วย


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...