“ฉู่หลิวเยว่!”
ชื่อนี้กระทบเข้าหูทุกคนอย่างชัดเจนชั่วพริบตา!
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินก็เงยหน้ามองไปโดยไม่รู้ตัว
ซุนจ้งเหยียนคลี่ก้อนกระดาษออกเรียบร้อยแล้ว เขาแสดงให้คนโดยรอบดู
คนในระยะใกล้ก็เห็นอย่างชัดเจน บนกระดาษนั้นเขียนว่า ‘ฉู่หลิวเยว่’ จริงๆ!
บนลานประลองขนาดใหญ่เงียบไปในชั่วขณะ ต่อจากนั้นก็ราวกับถ้วยน้ำถูกเทลงไปในหม้อน้ำมัน จนระเบิดกันอย่างรุนแรง!
“ฉู่หลิวเยว่? เป็นนางไปได้อย่างไร?”
“มิใช่ว่านางเพิ่งสอบเข้าสำนักเทียนลู่เมื่อช่วงก่อนเองหรือ? สุ่มจับนางได้ตั้งแต่การประลองรอบแรกได้อย่างไร?”
“แต่ก็ได้ยินมาเหมือนกันว่านางแก่กล้าสามารถ…ครานั้นยังเอาชนะฉู่เซียนหมิ่นด้วยมิใช่หรือ?
“ถึงกระนั้นนางก็เป็นแค่ศิษย์ใหม่! ข้าว่าแปดส่วนจะต้องเสียเปรียบเป็นแน่!”
ผู้คนในเมืองหลวงรู้จักฉู่หลิวเยว่แทบทั้งหมด ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักนาง ดังนั้นเมื่อได้ยินชื่อของนางในยามนี้ เหล่าคนดูก็ตกอยู่ในความโกลาหล
คนจากสำนักไท่เหยี่ยนส่วนใหญ่ล้วนทำหน้างงงวย
“ฉู่หลิวเยว่เป็นผู้ใด?”
“ไม่เคยได้ยิน…ดูเหมือนว่าการประลองเมื่อสองปีก่อนก็ไม่มีชื่อคนผู้นี้ ฟังดูเหมือนจะเป็นผู้มาใหม่?”
“ชื่อนี้…หรือจะเป็นคนของตระกูลฉู่แห่งแคว้นเย่าเฉินกัน?”
“เอ๊ะ พวกเจ้าจำไม่ได้หรือ มีข่าวเล่าลือมาว่าเมื่อเร็วๆ นี้สำนักเทียนลู่รับศิษย์ใหม่ อีกอย่างยังผ่านทั้งสามศาสตร์ด้วยมิใช่หรือ? คับคล้ายคับคลาว่าจะเป็นชื่อนี้!?”
เมื่อคำพูดถูกถ่ายทอดออกมา ผู้คนต่างตกตะลึงกันไม่น้อย
แม้สามสำนักศึกษาจะไม่ได้อยู่แคว้นเดียวกันและยังอยู่ห่างไกลกันออกไป ถึงกระนั้นก็มีการจัดงานสมาคมเยาวชนทุกปี เช่นนั้นต่างฝ่ายต่างก็ให้ความสนใจเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่าย
รับศิษย์ระหว่างทางเดิมทีก็น่าสงสัยอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสอบผ่านครบทั้งสามศาสตร์ด้วยงั้นหรือ
ลูกศิษย์อีกสองสำนักต่างก็รู้เรื่องนี้มาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย
ดังนั้นขณะนี้เมื่อมีคนเอ่ยขึ้นมา ทุกคนต่างก็จดจำได้
“ผู้ใดคือนาง? ข้าอยากจะรู้จักฉู่หลิวเยว่ผู้นี้นักว่าเป็นคนเช่นไรกันแน่!”
…
เมื่อเทียบกับความสงสัยใคร่รู้จนกลายเป็นที่ฮือฮาของคนอื่น ทางด้านสำนักเทียนลู่กลับสงบนิ่งกันหมด
ทุกสายตาล้วนมองมาที่ตัวฉู่หลิวเยว่
ไม่ว่าผู้ใดก็นึกไม่ถึงว่าคนที่จะมาเป็นตัวแทนสำนักศึกษาสนามแรกของการประลองจะเป็นนางไปได้!
ซือหยางอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้
“ช่างน่าเลื่อมใส! โชคชะตาของเจ้าทะลวงฟ้าเสียจริง!”
ฉู่หลิวเยว่ปรายตามองเขา ลุกขึ้นยืนอย่างตรงไปตรงมา
แม้นางจะไม่อยากออกมาเป็นคนแรก แต่ในเมื่อถูกจับได้แล้วก็ได้แต่ยอมรับ
เมื่อฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นยืนในขณะที่ลูกศิษย์สำนักอื่นกำลังนั่งกันหมดเช่นนี้ ก็ดึงดูดความสนใจจากทุกคน
กลุ่มคนที่ส่งเสียงจอแจเงียบไปในชั่วขณะ
บนตัวสาวน้อยผู้นั้นสวมอาภรณ์สำนักศึกษา ไม่แต้มหน้าทาชาด สะอาดหมดจด ผมเส้นไหมมัดขึ้นเรียบง่ายแต่กลับมิอาจซ่อนความงามบนใบหน้านั้นได้
คิ้วโก่งดั่งคันศร สันจมูกดูโดดเด่น ริมฝีปากจิ้มลิ้ม ผิวขาวเป็นยองใยยิ่งกว่าหิมะ
โดยเฉพาะดวงตาฉลาดปราดเปรียวคู่นั้น สดใสราวกับทางช้างเผือก
นางเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยกลิ่นอายบางอย่างที่วนเวียนไปทั่วทั้งกาย ทำให้คนโหยหาแต่กลับแฝงไปด้วยความสูงส่งจางๆ จนผู้คนไม่กล้าดูหมิ่น
งามล่มเมืองเป็นเช่นนี้!
“นึกไม่ถึงว่าในสำนักเทียนลู่จะมีความงาม…ที่น่าทึ่งเช่นนี้ เกรงว่าเมื่อเทียบกับซือถูซิงเฉินแล้วก็ดูจะไม่ต่างกันเลยสักนิด!”
“แค่นั้นเองหรือ? ข้าว่านางยังงามกว่าซือถูซิงเฉินสักสามส่วน รัศมีในตัวนางช่างพบเห็นได้ยากยิ่ง…”
หากว่าซือถูซิงเฉินงามราวกับดอกบัวที่ผุดกลางธารา บริสุทธิ์ผุดผ่อง ฉะนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ราวกับดวงอาทิตย์ที่ซ่อนในกลีบเมฆ ทั้งสดใสและสูงส่ง ทว่าจิตวิญญาณกลับทำให้คนเกิดความยำเกรง
หากไม่มีตัวเปรียบเทียบ ซือถูซิงเฉินก็นับว่าเป็นสาวงามเลิศหล้า แต่เมื่อเทียบกับฉู่หลิวเยว่กลับเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไป จืดจางอย่างเห็นได้ชัด
ซือถูซิงเฉินก็ตกตะลึงเช่นกัน
ราวกับว่านางไม่เคยพบสาวน้อยผู้ใดที่งดงามไปกว่านาง
แท้ที่จริงแล้วเมืองหลวงแห่งแคว้นเย่าเฉินก็มีสาวงามล่มเมืองเช่นนี้อยู่จริงๆ…คนผู้นั้นต้องเคยพบพานมาก่อนเป็นแน่?
นางเม้มริมฝีปากแล้วส่ายหน้ายิ้ม คิดว่าตัวเองคงคิดมากไป
เขาไม่ใช่คนที่จะหวั่นไหวไปกับสาวงาม
…
ทุกสายตากวาดมองมาที่ฉู่หลิวเยว่ราวกับอยากจะมองนางจนทะลุ
ฉู่หลิวเยว่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น เดินตรงไปข้างหน้าแล้วยืนอยู่หน้าหีบ
ซุนจ้งเหยียนส่ายหน้ายิ้ม:
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์