………………..
“หลังจากนี้เป็นต้นไป เรื่องภายในตระกูลอี้ ข้าจะเป็นคนดูแลเองทั้งหมด!”
เมื่อจวินจิ่วชิงพูดเช่นนี้ออกไปเสียงกระซิบกระซาบก็ดังขึ้น!
ทุกคนมองหน้ากันไปมาด้วยความตกใจ
จวินจิ่วชิงจะสืบทอดตำแหน่งประมุขตระกูลในตอนนี้น่ะหรือ?
มันกะทันหันเกินไปหรือไม่?
“คือว่า…นายน้อย เดิมทีการสืบทอดตำแหน่งประมุขตระกูลอี้จะต้องได้รับการสืบทอดจากอดีตประมุขของตระกูล และต้องจัดพิธีการที่ยิ่งใหญ่ แต่ว่าในตอนนี้ท่านประมุขยังถูกขังอยู่ที่ท่าเรือดอกท้ออยู่เลย…”
“ในสถานการณ์พิเศษ ต้องจัดการแบบพิเศษ”
จวินจิ่วชิงพูดตัดบทด้วยสีหน้าราบเรียบ ท่าทางไม่ต้องการให้อีกฝ่ายพูดแทรก
“ตอนนี้ตระกูลอี้กำลังตกอยู่ในอันตราย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะต้องระดมกำลังทั้งตระกูลเพื่อช่วยเหลือท่านประมุขออกมา”
อีกคนหนึ่งพูดออกมาอย่างอดไม่ได้
“ตอนนี้ท่านเป็นนายน้อยอยู่แล้ว เมื่อท่านประมุขไม่อยู่ อำนาจก็เทียบเท่ากับท่านประมุขแล้ว…”
จวินจิ่วชิงหัวเราะออกมาหนึ่งเสียงในทันที
“หื้อ? เทียบเท่ากันจริงหรือ?”
เขาถามกลับหนึ่งประโยคทำให้คนคนนั้นพูดอันใดไม่ออก
ส่วนคนที่เหลือก็เงียบเสียงไปทันที
นายน้อยกับท่านประมุข ฐานะตำแหน่งไม่เหมือนกัน อำนาจที่อยู่ภายในมือย่อมไม่เหมือนกันแน่นอน
ต่อให้จวินจิ่วชิงจะเป็นนายน้อย แต่ก็มีเรื่องมากมายในตระกูลอี้ที่เขาไม่มีอำนาจจัดการได้
ขอเพียงแค่เขาได้รับตำแหน่งประมุขเขาถึงสามารถกุมอำนาจทั้งหมดของตระกูลอี้ได้อย่างแท้จริง
แต่อย่างใดก็ตามมีคนตระกูลอี้จำนวนมากที่ไม่ต้องการจะยอมรับเรื่องนี้
แม้ว่าจวินจิ่วชิงจะเป็นนายน้อยที่อี้เหวินเทาเลือกมาด้วยตนเอง
แต่ว่าเขาใช้แซ่ จวิน !
การจะให้คนอย่าง จวินจิ่วชิง…มารับตำแหน่งประมุขของตระกูลอี้ มันจะนับว่าเป็นเรื่องอันใดได้?
ก่อนหน้านี้ที่ทุกคนไม่ได้คัดค้านอย่างเปิดเผยเป็นเพราะว่า เขาคือคนที่อี้เหวินเทาเลือก
เดิมทีพวกเขาคิดว่า จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ค่อยคิดหาหนทางลากจวินจิ่วชิงลงจากตำแหน่ง
ท้ายที่สุดแล้วในหมู่คนรุ่นเยาว์ของตระกูลอี้ก็มีคนที่โดดเด่นอยู่
เหตุใดเขาจะต้องยอมรับจวินจิ่วชิงที่มาจากคนต่างคระกูลด้วย?
แต่ไม่มีใครคิดถึงว่า ยังไม่ถึงวันนั้นเลย ก็เกิดเรื่องกับอี้เหวินเทาขึ้นก่อนแล้ว!
และจวินจิ่วชิงก็ลงมืออย่างโหดเหี้ยม เขาเสนอตัวเองให้รับตำแหน่งประมุขตระกูลอี้ในเวลานี้
“สถานการณ์ของตระกูลอี้ตอนนี้เป็นอย่างใด ข้าคิดว่าข้าไม่จำเป็นต้องพูด ทุกท่านก็คงจะทราบเป็นอย่างดี”
น้ำเสียงของจวินจิ่วชิงผ่อนคลายเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังแผ่แรงกดดันที่ไม่อาจจะต้านทานได้!
“ข้าเข้าใจดีว่าเหตุใดทุกท่านถึงไม่เห็นด้วย แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ ต้องเห็นผลประโยชน์ของตระกูลมาเป็นอันดับแรก! หากใครที่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมาก่อน ละทิ้งท่านประมุข และไม่สนใจคนนับร้อยในตระกูลอี้ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
คนจำนวนไม่น้อยหน้าซีดขาว และไม่ได้พูดอันใดออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา!
คนที่คัดค้านในตอนแรกกลายเป็นคนที่ทรยศหักหลังตระกูล!
แต่พวกเขาก็หาเหตุผลมาปฏิเสธไม่ได้!
จวินจิ่วชิงกวาดสายตามองทุกคน สุดท้ายก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ดีมาก ในเมื่อทุกคนเห็นด้วยเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้น…นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าคือประมุขคนใหม่ของตระกูลอี้! อีกสองวันหลังจากนี้ ข้าจะเดินทางไปที่ท่าเรือดอกท้อด้วยตนเอง!”
…
เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เช้าวันนั้น ฉู่หลิวเยว่ตื่นขึ้นมา
ก่อนครุ่นคิดแล้วเรียกขวานสุริยันมรกตออกมา
ขวานสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ด้านบนของมันยังถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง
นี่คือพลังของจื่อเฉินที่ทิ้งเอาไว้เพื่อปราบปรามพลังของขวานสุริยันมรกตโดยเฉพาะ
เพราะว่าฉู่หลิวเยว่ไม่มีเวลายกเลิกพันธสัญญาระหว่างขวานสุริยันมรกตกับอี้เหวินเทา ดังนั้นจึงกังวลว่ามันจะเกิดปัญหาขึ้น จึงใช้พลังนี้ระงับมันต่อไป
“เจ้ากำลังมองอันใดอยู่หรือ?”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...