ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 209

โอหังนัก!

พอเจียงหยวนได้ยินคำตอบฉู่หลิวเยว่นั้นนี่เป็นความคิดแรกก็ผุดเข้ามาในหัว

มีผู้คนจำนวนมากที่แม้จะทุ่มอย่างสุดกำลังก็ไม่แน่ว่าจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมงานสมาคมเยาวชน และถึงแม้จะได้เข้าร่วมก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่

ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับปล่อยตัวตามสบายเช่นนี้

ในขณะเดียวกันนางยังเข้าร่วมการประลองผู้ฝึกยุทธ์และปรมาจารย์เพียงเพราะ “ว่าง”

แน่นอนเจียงหยวนย่อมรู้ดีว่าฉู่หลิวเยว่จะต้องมีแผนอื่น แต่ถึงอย่างไรนางก็มีคุณสมบัติที่จะพูดเช่นนี้จริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์หรือปรมาจารย์ นางล้วนมีพรสวรรค์อย่างน่าอัศจรรย์ใจ!

“ครั้นยอมเดิมพันก็ย่อมยอมรับความพ่ายแพ้ วันนี้ ข้ายอมแพ้ด้วยความเต็มใจ!”

เมื่อคิดเรื่องนี้ได้ เจียงหยวนก็ไม่คิดจะโต้เถียง ใบหน้ากลับมามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนดังปัญญาชนดังเดิม น้ำเสียงแสดงความจริงใจเหลือคณา

ฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนมุมมองใหม่ที่มีต่อเขา

พ่ายแพ้ต่อผู้ที่มีระดับต่ำกว่าตนมิใช่เรื่องที่น่ายินดีแต่อย่างใด

เมื่อครู่นางไว้หน้าเขาสามส่วน กลับไม่คิดว่าเจียงหยวนจะยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยตนเอง

เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ก็นับว่าสง่าผ่าเผย

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มมุมปากอย่างลึกซึ้ง นางพยักหน้าแล้วเดินจากไป

เจียงหยวนมองแผ่นหลังนางพลางทอดถอนใจเบาๆ จากนั้นก็ลงจากลานประลอง

……

ทางด้านสำนักเทียนลู่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขากลับมาเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคักอีกครั้ง ตื่นเต้นดีใจเสียยิ่งกว่าชัยชนะครั้งแรกของฉู่หลิวเยว่เมื่อวานนี้

พละกำลังเจียงหยวนพวกเขาก็เห็นชัดแล้วว่าเหนือกว่าเหลยหมิงเวย แต่ฉู่หลิวเย่ก็ยังชนะ!

เช่นนี้จะไม่ให้พวกเขาภาคภูมิใจได้อย่างไร?

คราวนี้ฉู่หลิวเยว่ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่พวกเขาทั้งสำนักเทียนลู่!

ในขณะที่พวกเขากำลังเฉลิมฉลองด้วยความยินดี ทางด้านสำนักหนานเฟิงกลับตกสู่ภวังค์ความเงียบเหงาที่สุดจะทน

เจียงหยวนเดินมาตรงหน้าฝูอวิ๋นซานแล้วโค้งคำนับกล่าวขออภัย :

“เจ้าสำนัก ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว”

ฝูอวิ๋นซานมองเขาด้วยแววตาเคร่งขรึมอยู่นาน

“บนลานประลองเมื่อสักครู่ เจ้าสู้เต็มที่แล้ว?”

เจียงหยวนยิ้มอย่างขมขื่น

“เจ้าสำนัก ศิษย์สู้เต็มที่แล้วหรือไม่ ท่านยังดูไม่ออกอีกหรือ?”

ฝูอวิ๋นซานจุกอก ไม่สามารถทำอะไรได้ เสียใจอย่างยิ่งยวด

เขาย่อมดูออกว่าเจียงหยวนไม่ได้ออมมืออย่างแน่นอน เขารอบคอบตั้งแต่เริ่มแรก ไม่ได้ประมาทเลินเล่อแม้แต่น้อย

เพราะเหตุนี้เอง เขาถึงไม่สามารถยอมรับความจริงโดยเฉพาะที่ว่าเจียงหยวนแพ้ให้กับฉู่หลิวเยว่

เมื่อเห็นเขามีสีหน้าแข็งทื่อ เจียงหยวนก็เดาความคิดเขาได้ นิ่งไปสักพักก่อนจะพูดว่า “เจ้าสำนัก พลังและพรสวรรค์ของฉู่หลิวเยว่แข็งแกร่งกว่าที่เห็น นางจะเป็นตัวแปรสำคัญของงานสมาคมเยาวชนปีนี้”

ฝูอวิ๋นซานสีหน้าเคร่งขรึม

“อ้อ?”

เจียงหยวนมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม วาจามีวิสัยทัศน์เสมอมา ในเมื่อเขาประเมินฉู่หลิวเยว่สูงเช่นนี้ เช่นนั้น…

“ช่างเถอะ เจ้าลงไปพักผ่อนก่อน”

“ขอรับ”

เจียงหยวนกลับไปประจำที่ตัวเองด้วยท่าทางสุขุมตลอดทางราวกับไม่ได้สังเกตความเป็นไปรอบๆ

ในที่สุดก็มีคนอดถามขึ้นมาไม่ได้ “เจียงหยวน ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับเริ่มต้นขั้นสี่แล้ว เหตุใดถึงยังแพ้ให้ฉู่หลิวเยว่ได้?”

เจียงหยวนยิ้มเบาๆ

ไม่ใช่ทุกคนที่รู้จักฉู่หลิวเยว่ นับตั้งแต่เมื่อวานมาจนถึงตอนนี้ก็มีหลายคนที่เริ่มสอบถามข่าวลือก่อนหน้านี้ของนางอย่างลับๆ

แม้แต่สัญญาการแต่งงานของนางกับองค์รัชทายาทก็ถูกขุดออกมาด้วย กลายเป็นหัวข้อที่ทุกคนพูดถึงกันอย่างออกรสอีกครั้ง

บัดนี้ฉู่หลิวเยว่ชนะเจียงหยวนและได้กลายเป็นบุคคลสำคัญอีกครั้ง คนในสนามประลองล้วนพูดถึงเรื่องเหล่านี้

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว

ตอนนี้นางได้ยินอย่างชัดเจนว่ามีคนให้ความสนใจชื่อของนางไปทั่วทุกสารทิศ และถกเถียงเรื่องเหล่านี้ของนางอยู่

บ้างก็จริงบ้างก็เท็จ ฟังแล้วนางก็ถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

นางแค่มองข่าวซุบซิบนินทาเหล่านี้เป็นเรื่องตลกขบขัน แต่ใครบางคนเริ่มนั่งไม่ติดที่

“จริงหรือ? ฉู่หลิวเยว่หน้าตางดงามเพียงนี้ ความสามารถก็ดี เหตุใดถึงโดนยกเลิกสัญญาหมั้นหมายได้?”

“จริงแท้แน่นอน! อีกอย่างคนผู้นั้นก็ไม่ใช่คนทั่วไป นั่นก็คือหรงจิ้นองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย่าเฉินไงเล่า! ได้ยินมาว่าสัญญาหมั้นหมายของพวกเขากำหนดไว้ตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ว่าองค์รัชทายาทนั่นกลับมีใจให้น้องสาวตระกูลเดียวกับฉู่หลิวเยว่ถึงได้ทิ้งนางไป!”

“จุ๊จุ๊! ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง! เช่นนั้นน้องสาวผู้นั้นของนางเป็นถึงคนระดับใดเล่า ถึงกับทำให้องค์รัชทายาทพึงใจแล้วทิ้งฉู่หลิวเยว่ได้ลงคอ?”

“ระดับใดอะไรกันเล่า! ก็แค่พวกที่ปีนขึ้นที่สูงด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ! นั่น คนที่สวมผ้าคลุมหน้านั่นไง! ความจริงหน้าตาก็พอใช้ได้ แต่ยามนี้เสียโฉมไปแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะเผยหน้าตัวเองออกมา!”

“เช่นนั้นองค์รัชทายาทจะทำอย่างไร? นี่มิใช่ว่าตาปลามาปลอมปนไข่มุกหรอกหรือ ไม่รู้ดีชั่วเลยหรือไร?”

“แหะๆ นั่นพวกเราก็ไม่รู้เช่นกัน! ข้ารู้แค่ว่าหลังจากงานสมาคมเยาวชน เกรงว่าผู้ที่อยากเกี่ยวดองกับฉู่หลิวเยว่คงได้เหยียบธรณีประตูนางพัง! ไม่แน่ว่า ไม่ใช่เพียงแต่แคว้นเย่าเฉินเท่านั้นน่ะสิ แม้แต่แคว้นหวยชางกับแคว้นซิงหลัวก็คงมีคนไม่น้อยที่จะมาสู่ขอนาง!”

….

หรงจิ้นวางมือไว้บนเข่าโดยไม่แสดงออกผ่านทางสีหน้า

ตั้งแต่รู้ว่าชีพจรของฉู่หลิวเยว่ฟื้นคืนมาและสอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้ เขาก็ได้ยินคำพูดเช่นนี้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว

นางในยามนี้ราวกับไข่มุกที่เคยเปื้อนฝุ่น ค่อยๆ เปล่งประกายเจิดจ้า!

ในอดีตเขาเคยหน้ามืดตามัวถึงได้ผลักไสนางไปไกล

ทว่าบัดนี้ ในเมื่อเขาได้เห็นชัดเต็มสองตาแล้ว เช่นนั้นจำต้องช่วงชิงไข่มุกเม็ดนั้นกลับคืนมา!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์