ฉู่หลิวเยว่นางไม่ได้ลดระดับเสียงขณะที่เอ่ยประโยคเมื่อครู่ ไม่เพียงแต่ซือหยางที่ได้ยินเท่านั้น แม้แต่องค์รัชทายาทและคนอื่นๆ ก็ได้ยินอย่างชัดเจนเช่นกัน
ทุกคนกลั้นหายใจในทันที ฉู่หลิวเยว่…ช่างกล้าหาญนักที่กล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าองค์รัชทายาท!
อย่างไรก็ตามเมื่อองค์รัชทายาทได้ยินประโยคนี้ เขาก็เพียงแค่ขมวดคิ้วแต่ยังไม่ได้โกรธ เขามองเข้าไปที่ของฉู่หลิวเยว่แล้วหันหน้ากลับมา
ทุกคนต่างมีใบหน้าที่งงงวย องค์รัชทายาทไม่ได้ตั้งใจมาหาเรื่องฉู่หลิวเยว่? สิ่งที่นางพูดมันช่างน่าเกลียดนัก แต่องค์รัชทายาทกลับทนได้
องค์รัชทายาทสามารถทนได้จริงๆ หรือ? ตอนนี้เขาได้ตัดสินใจแล้วที่จะเอาฉู่หลิวเยว่กลับมา ดังนั้นสิ่งเล็กน้อยนี้แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉู่หลิวเย่วได้รับความเดือดร้อนมากมายจากเขาในอดีต และเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกขุ่นเคืองต่อเขานั่นไม่ได้หมายความว่านางยังห่วงใยเขาอยู่หรือ?
เมื่อคิดเช่นนี้องค์รัชทายาทเลยไม่ได้รู้สึกโกรธนางแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามเขากลับมีความคาดหวังแม้เพียงเล็กน้อย ฉู่หลิวเยว่นางชอบเขามาหลายปีแล้วเรื่องนี้เขารู้ดี!
ในตอนแรกเขารู้สึกสับสนกับฉู่เซียนหมิ่น ก่อนที่เขาจะยกเลิกสัญญาการหมั้นหมายกับนาง แต่ก่อนก็ยังบอกรักนานนับปี จะพูดได้อย่างไรว่าตอนนี้ไม่?
ถ้าหากเขาลดตัวลงมา ฉู่หลิวเยว่จะหันกลับมามองเขาอย่างแน่นอน!
ตอนนี้เสด็จพ่อค่อนข้างไม่พอใจในตัวเขา ถ้าเขาสามารถนำฉู่หลิวเยว่กลับคืนมาได้ เขาเชื่อว่ามันจะสามารถเปลี่ยนทัศนคติของเสด็จพ่อได้อย่างดีทีเดียว
แม้ว่าเขาจะเสียใจที่ยกเลิกการหมั้นหมายกับฉู่หลิวเยว่ก่อนหน้านี้ แต่เนื่องจากตัวตนของนางและใบหน้านั้นที่ก่อนหน้านี้ไม่มีความคิดที่จะเคียงคู่กัน
แต่ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ที่มีชื่อเสียง และกลายเป็นอัจฉริยะที่ทุกคนชื่นชม ถึงเขาจะกลับมาคืนดีกับนาง อย่างน้อยเขาก็จะไม่สูญเสียตัวตนของเขา
สำหรับแผนนี้ เขาควรจะหาโอกาสที่จะอธิบายความตั้งใจของเขาต่อฉู่หลิวเยว่…
…
โดยปกติแล้วฉู่หลิวเยว่ไม่รู้ว่าในช่วงเวลาอันสั้นเช่นนี้องค์รัชทายาทคิดไปถึงไหนแล้ว
นางรู้สึกเบื่อหน่ายกับหรงจิ้นเหลือเกิน ชายผู้นี้ช่างโหดเหี้ยมและเห็นแก่ตัวยิ่งนัก
ในตอนแรก เขาคิดว่านางนั้นเป็นคนไร้ประโยชน์ ทำให้สถานะองค์รัชทายาทอันมีเกียรติของเขาต้องมลทิน จึงยกเลิกสัญญาหมั้นกับนาง
ต่อมาฉู่เซียนหมิ่นนางเสียโฉมกลับกลายเป็นว่านางไร้ค่า เขาก็ทิ้งนางเหมือนกับทิ้งรองเท้า
คนเช่นนี้เมื่อลองมองไปที่หรงจิ้นอีกครั้ง นางก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน
“นี่ หลิวเยว่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าท่าทีขององค์รัชทายาทที่มีต่อเจ้า…มีบางอย่างแปลกไป?”
ซือหยางมองไปที่องค์รัชทายาทจากนั้นก็มองไปที่ฉู่หลิวเยว่แล้วถามเสียงเบา
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองนางเล็กน้อย ซือหยางตีปากของตนเบาๆ และปิดปากของนางอย่างเชื่อฟัง ซือถิงผู้ที่หลับตาอยู่อย่างเงียบๆ ก็ได้ลืมตาขึ้นมาเหลือบมององค์รัชทายาทจากนั้นนางก็หลับตาลง
อันที่จริงนางกำลังตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ และนางได้ยินคำพูดรอบตัวนางอย่างชัดเจน หรงจิ้นเป็นคนใจแคบ ตอนนี้เขาดูแปลกไปเช่นนั้นเขาต้องคิดที่จะทำอะไรกับฉู่หลิวเยว่เป็นแน่
นางต้องการที่จะเตือนฉู่หลิวเยว่ให้ระมัดระวังองค์รัชทายาท หากแต่ยังไม่ได้พูดออกไปเพราะนางคิดว่าฉู่หลิวเยว่นางฉลาดมาก นางต้องรับมือได้เขาเองไม่ควรคิดมากขนาดนั้น
ซือถิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลง และปล่อยวางความคิดวุ่นวายในใจ
…
เมื่อเวลาผ่านไปการประลองก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น ก่อนที่รายชื่อของนักประลองในกล่องทั้งสามสำนักจะค่อยๆ ลดลง
ในช่วงบ่าย ชื่อของฉู่หลิวเยว่ถูกจับขึ้นมาอีกครั้งโดยหญิงสาวจากสำนักหนานเฟิง แต่หญิงสาวเองก็เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม และนางรู้ว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่หลิวเยว่ ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะยอมแพ้
นี่คือบุคคลแรกที่เลือกจะยอมแพ้หลังจากเริ่มงานสมาคมเยาวชนนี้
ก่อนหน้านั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามที่จับได้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่หนึ่งแล้วเลือกยอมแพ้!
แต่ผู้นี้คือฉู่หลิวเยว่ มันดูสมเหตุสมผลดี นางเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สองคนติดต่อกัน ซึ่งนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของนาง!
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม มันไม่เพียงพอที่จะเห็นหน้าของให้ฉู่หลิวเยว่หรือเข้าร่วมการประลอง
หากคิดให้ดี การยอมแพ้ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน ถึงอย่างไรก็ตาม ฉู่หลิวเยว่นางมีฝีมือที่เด็ดขาด และการเคลื่อนไหวที่ดุเดือด จะทำอย่างไรถ้าในกรณีที่นางโดนเตะจนหมดสติเหมือนกับเหลยหมิงเวย?
แม้ว่าทุกคนที่สำนักหนานเฟิงจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะพวกเขารู้ดีว่าถ้าหากเป็นพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะต่อสู้กับฉู่หลิวเยว่ ดังนั้นฉู่หลิวเยว่นางจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีกครั้ง!
…
เมื่อการแข่งขันวันที่สองสิ้นสุดลง มีเพียงสิบคนสุดท้ายของผู้เข้าแข่งขันในงานสมาคมเยาวชนเท่านั้นที่ยังคงอยู่!
ซุนจ้งเหยียนหยิบลูกบอลกระดาษสองสามลูกสุดท้ายในกล่องสามกล่องออกมาแล้วอ่านชื่อคนทั้งสิบคน ในจำนวนนั้นมีสามคนจากสำนักเทียนลู่ สามคนจากสำนักไท่เหยี่ยน และสี่คนจากสำนักหนานเฟิง
แต่ทว่าฉู่หลิวเยว่อยู่ในรายชื่อนั้น ทั้งนางยังเป็นน้องใหม่คนเดียวในสิบคนเหล่านี้ด้วย!
เมื่อได้ยินชื่อของฉู่หลิวเยว่ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นในลานประลอง ทุกคนต่างรู้สึกตกใจ ซึ่งนั้นมันก็สมเหตุสมผล แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะประสองเพียงแค่สองครั้ง แต่ไม่มีผู้ใดสงสัยในความแข็งแกร่งของนาง
นางมีคุณสมบัติที่จะอยู่ในสิบอันดับแรกจริงๆ!
ซุนจ้งเหยียนมองไปรอบๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์