ฉู่หลิวเยว่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติในตำแหน่งตันเถียนของนาง หลังจากที่ซือถูจื่อเยว่ใช้ดาบหลิงเซียวเพื่อแยกค่ายกล
นางไม่รู้สึกอะไรเลยในขณะนั้น แต่หลังจากถูกกลืนกินด้วยพลังของค่ายกลผลึกดำ หยดน้ำในตันเถียนของนางดูเหมือนจะถูกกระตุ้นโดยบางสิ่งบางอย่าง และมันก็หมุนอย่างรวดเร็ว!
ในชั่วพริบตา พลังดั้งเดิมที่เก็บไว้ในตันเถียนก็ถูกกลืนหายไป!
และดูทีท่าว่ามันจะไม่หยุด จากนั้นนางก็ตระหนักว่า…นางกำลังจะก้าวข้าม!
ในช่วงเวลาตึงเครียดของการประลองกับซือถูจื่อเยว่ ก่อนหน้านี้ นางรออย่างใจจดใจจ่อ พยายามอย่างหนักเพื่อก้าวข้ามไปเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสอง แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
ใครเล่าจะรู้ว่าจะเป็นในเวลานี้…
ฉู่หลิวเยว่เองรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่พูดยาก โอกาสเช่นนี้ช่างหายากเสียจริง…
แต่โชคยังดีที่มีพรมแดนไวฑูรยะเหลืออยู่จากหรงซิว สามารถช่วยสนับสนุนนางได้ชั่วขณะหนึ่ง
มิฉะนั้นนางจะต้องยอมรับความพ่ายแพ้นั้นจริงๆ
หลังจากกำจัดความคิดที่ฟุ้งซ่านในหัวของนางแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็หลับตาและเริ่มดูดซับพลังงานของสวรรค์และโลกโดยรอบ นางพยายามเจาะข่ายพลัง!
ในไม่ช้า พลังต้นกำเนิดอันอุดมสมบูรณ์ของสวรรค์และโลกก็พุ่งเข้าหานาง เทเข้าในร่างของนางผ่านอาณาเขตพรมแดนไวฑูรยะ
…
เมื่อมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ก่อให้เกิดความสงบทั้งภายในและภายนอกของสนามประลอง
บางคนถึงกับขยี้ตาอย่างแรงเพื่อให้แน่ใจว่าตาสิ่งที่มองเห็นตรงหน้าคือเรื่องจริง
ฉู่หลิวเยว่…นางพยายามก้าวข้ามผ่านตันเถียนกลางการประลองงานสมาคมเยาวชน!
นี่…นี่มันเรื่องอันใดกันเนี่ย?
ซือถูจื่อเยว่ทั้งรู้สึกอับอายและโกรธ การเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่ราวกับว่าไม่สนใจเขาเลยสักนิด
เขาสะบัดดาบอีกครั้งเพื่อโจมตี แต่พรมแดนไวฑูรยะนี้แข็งแรงนัก จนไม่สามารถทำลายได้เลย และฉู่หลิวเยว่ที่นั่งอยู่ภายใน นิ่งเฉยราวกับหินที่จดจ่อกับการเตรียมพร้อมที่จะก้าวข้ามเท่านั้น
ซือถูจื่อเยว่รู้สึกว่าเขาอับอายอย่างมาก!
เขากำด้ามดาบแน่น เพียงแค่แยกพรมแดนไวฑูรยะออกก็สามารถกำจัดฉู่หลิวเยว่ได้แล้ว แต่เผอิญว่าการแก้สถานการณ์ของฉู่หลิวเยว่นั้นสมบูรณ์แบบ!
…
เฉิงหันที่ได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกทนไม่ได้
“ท่านซุนจ้งเหยียน ฉู่หลิวเยว่นางทำเช่นนี้มันมากเกินไปหรือไม่ สิ่งที่นางทำนั่นหมายถึงการดูหมิ่นจื่อเยว่และงานสมาคมเยาวชน!”
ซุนจ้งเหยียนเองก็ตกตะลึกกับท่าทีของฉู่หลิวเยว่
แต่สุดท้ายแล้วฉู่หลิวเยว่นางเป็นคนของเขา จึงหันไปหาเฉิงหันพลางกล่าวว่า
“หลิวเยว่เพียงแค่พยายามก้าวข้ามระดับของนาง มันไม่ใช่การโกงหรือการกระทำที่ผิดต่อการประลอง คำกล่าวของท่านมิเกินไปหน่อยหรือ”
“ข้ามิได้คิดเกินไป!”
เฉิงหันยกมือขึ้นชี้ไปที่ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ในสนามนั้น ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
“งานสมาคมเยาวชนเป็นสถานที่สำหรับการประลองไม่ใช่ที่สำหรับฝึกซ้อม หากนางไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่น เหตุใดจึงไม่ทำก่อนหน้า แต่กลับเลือกทำเวลานี้ ใครจะไปรู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่านางจะก้าวข้ามผ่าน ข้าคิดว่าการประลองนี้มิจำเป็นต้องทำต่อ!”
“ทุกสถานการณ์ต่างเกิดกระบวนการฝึกฝน มิต้องพูดถึงแม่นางผู้นี้ แม้แต่ชายชราอย่างข้าก็ไม่สามารถควบคุมเวลาของความก้าวหน้าของตนเองได้ เช่นนั้นจะถือว่าผิดได้อย่างไร นอกจากนี้ หลิวเยว่ยังสามารถใช้โอกาสนี้ในการบำรุง มิใช่การสูญเสียใช่หรือไม่ หากจบการประลองนี้ลง แล้วการชนะหรือแพ้นั้นจะนับอย่างไร”
“แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่นั้นแพ้!”
“นี่…นางไม่เคยแพ้มาก่อน เหตุใดนางต้องยอมรับความพ่ายแพ้นี้ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากก้าวข้ามผ่านไปแล้ว ผลลัพธ์ของเกมนี้จะเป็นอย่างไร บางทีมันอาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเลย! อย่างน้อยก็ต้องเป็นการเสมอกัน!”
เฉิงหันกัดฟันกรอด ทำได้เพียงกร่นด่าภายในใจ ซุนจ้งเหยียนชายชราผู้นี้ไร้ยางอาย!
เสมอหรอกหรือ แค่พลังก้าวข้ามผ่านของฉู่หลิวเยว่ก็สมควรที่จะเสมอกับซือถูจื่อเยว่งั้นหรือ
ซุนจ้งเหยียนถามด้วยรอยยิ้มว่า
“เหตุใดท่านเฉิงหันถึงกังวลว่าหลังจากหลิวเยว่ก้าวข้ามผ่านไปได้ แล้วนางจะชนะเกมนี้”
เฉิงหันแสดงท่าทีเย้ยหยัน “เจ้าเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับนางเสียจริง!”
ชนะงั้นหรือ ฉู่หลิวเยว่นางยังต้องมีทักษะมากกว่านั้น
ทันใดนั้นซือถูจื่อเยว่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เนื่องจากการประลองนี้ยังไม่จบ ข้าจะรอ!”
เขาต้องการที่จะดูว่าพลังของฉู่หลิวเยว่ว่าสามารถพัฒนาได้มากเพียงไหนหลังจากการก้าวข้ามครั้งใหญ่นี้!
ยิ่งซือถูจื่อเยว่กล่าวมาเช่นนั้น คนอื่นๆ ก็ไม่คัดค้านอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงเงียบลง
…
“มันคืออันใดกัน?”
ซุนจ้งเหยียนเม้มริมฝีปากของเขา
เมื่อมองไปที่ฉู่หลิวเยว่ในสนาม ความคิดที่คลุมเครือก็แวบเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว แต่เพราะความคิดนั้นช่างน่าตกใจมากเสียจนเขาไม่แน่ใจในชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาก็มองไปที่ไป๋เชินอย่างจริงจัง
“เมื่อครั้งแม่นางผู้นี้เข้าเรียนในสำนักคราแรก ระดับชีพจรดั้งเดิมที่ทดสอบคืออันใด?”
ไป๋เชินตกตะลึงครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้น
“ระดับชีพจรดั้งเดิม? นางไม่ได้ทดสอบมัน เนื่องจากเป็นการรับเข้าเรียนครึ่งทาง และการเตรียมตัวสำหรับการสอบไม่เพียงพอ การทดสอบนั้นจึงไม่ได้ดำเนินการ”
เมื่อได้รับฟังประโยคหลัง เขาก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
อันที่จริงไม่ใช่เพราะเขาไม่เตรียมการเพียงพอ แต่ในตอนนั้นเขาคิดว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เตรียมการสำหรับสิ่งนี้เลย
ซุนจ้งเหยียนรับรู้ผ่านความคิดของเขาได้อย่างรวดเร็ว แม้เขาจะไม่ได้เปิดเผยมันก็ตาม
ในความเป็นจริงแล้วไม่เพียงแต่ไป๋เชิน แต่ทุกคนต่างก็คิดเช่นนั้น ใครจะเดาได้ว่าเพียงไม่กี่เดือนต่อมา ฉู่หลิวเยว่ก็กลายเป็นบุคคลดีเด่นในสำนักของพวกเขา
“เช่นนั้นท่านคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติที่ชีพจรดั้งเดิมของนาง…”
ไป๋เฉินกล่าวขึ้น ทันใดนั้นก็ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง และดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“รอสักครู่”
ผู้อาวุโสซุนเพียงแค่ถามถึงระดับชีพจรดั้งเดิมของฉู่หลิวเยว่ เป็นไปได้หรือไม่ ว่าผู้อาวุโสซุนกำลังสงสัยว่าชีพจรของฉู่หลิวเยว่คือ…ชีพจรตี้จิง!
“เป็นไปไม่ได้!” ไป๋เชินอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา แคว้นเย่าเฉินในช่วงร้อยปีที่ผ่านมาไม่มีชีพจรตี้จิงแม้แต่เส้นเดียว!
แววตาของซุนจ้งเหยียนที่สื่อออกมานิ่งงัน แต่หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วอย่างควบคุมไม่ได้
“หากไม่มีการทดสอบก็ไม่มีใครสามารถบอกได้” เขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาก็ไม่สามารถระงับได้ ด้วยเหตุนี้เท่านั้นที่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดฉู่หลิวเยว่ฟื้นชีพจรดั้งเดิมของนาง และก้าวเข้าสู่การฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้!
มิฉะนั้น นางคงไม่สามารถพึ่งพาระดับของผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งแล้วชนะการประลองแบบก้าวกระโดดได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ความคิดของเขาอยู่ในความโกลาหล ความผันผวนในสนามประลองก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ฉู่หลิวเยว่ก้าวข้าม!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...