ณ ตำหนักหมิงชุ่ย
แสงไฟสว่างไสวโชติช่วง แสงและเงาผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ณ เวลานี้บรรดาขุนนางในเมืองหลวงมาต่างรวมตัวกันที่นี่
เพราะว่านี่คืองานเลี้ยงวันเกิดขององค์ชายรัชทายาท!
หรงจิ้นเป็นพระราชโอรสองค์โต ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทตั้งแต่กำเนิด และได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท
ประกอบกับพรสวรรค์อันโดนเด่น พลังความสามารถไม่เป็นรองใคร เขาจึงได้รับความไว้พระทัยจากฝ่าบาทเป็นอย่างมาก
การมีสถานะสูงส่งเป็นที่เคารพเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่หลายคนคอยเลียแข้งเลียขา
เพียงแค่สามารถเป็นที่โปรดปรานขององค์ชายรัชทายาท อำนาจและตำแหน่งจะไปไหนได้
ทุกคนต่างทยอยเข้ามา จึงทำให้ทั้งตำหนักใหญ่เต็มไปด้วยความคึกคัก
เพราะฝ่าบาทและฮองเฮารวมถึงองค์ชายรัชทายาทยังเสด็จมาไม่ถึง ดังนั้นทุกคนจึงยังไม่สงวนกิริยามารยาทเท่าไรนัก
แต่ท่ามกลางเสียงหัวเราะสนุกสนานของทุกคน ทันใดนั้นก็เกิดบรรยากาศแปลกประหลาด
หลายคนมองไปที่ทางเข้าอยู่บ่อยครั้ง ราวกับกำลังรอใครบางคนเดินเข้ามาอยู่
“นี่ พวกท่านได้ยินมาหรือไม่ วันนี้องค์ชายรัชทายาทถูกฉีกหน้า!”
“ว่าอย่างไรนะ มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องเลย”
“พี่เหยียน เรื่องนี้เขาลือกันไปทั่ว ท่านยังไม่รู้อีกหรือ ก็วันนี้น่ะ องค์ชายรัชทายาทบอกว่าจะเสด็จไปที่พื้นที่ล่าสัตว์…”
ทุกคนต่างซุบซิบนินทาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ไม่ว่าใครก็รู้ดีว่ากำลังนินทาเรื่องใดอยู่
ถึงอย่างไรตอนนั้นหรงจิ้นก็ได้เชิญแขกเหรื่อไปมากมาย แล้วฐานะแต่ละคนก็ไม่ใช่คนธรรมดา ต่อให้อยากปิดข่าวแค่ไหน แต่ก็เป็นไปไม่ได้หรอก
ลือกันปากต่อปาก เผลอแป๊บเดียวก็รู้กันไปทั่วหมดแล้ว
“ได้ข่าวว่าคุณหนูตระกูลฉู่ผู้นั้นเป็นคนไร้ความสามารถมิใช่หรือ กล้าดีอย่างไรถึงได้ขายพื้นที่ล่าสัตว์ มีใครไม่รู้บ้างว่าองค์ชายรัชทายาทให้ความสำคัญกับที่ดินผืนนั้นมากแค่ไหน ลงทุนลงแรงไปตั้งหลายปี นางขายไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ!”
“เฮ้อ คนไร้ความสามารถคนหนึ่งจะไปรู้เรื่องอะไรได้ คงคิดเรียกร้องความสนใจจากองค์ชายรัชทายาทกระมัง”
“ฮ่าๆ! นี่ก็ช่างโง่เขลาเกินไปแล้ว หากนางเป็นฝ่ายคืนที่ดินให้องค์ชายรัชทายาทก่อน ไม่แน่องค์ชายอาจจะยังเหลือความสงสารให้นางอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ นางได้ล่วงเกินจนรัชทายาททรงกริ้วจริงๆ แล้วล่ะ!”
“องค์ชายรัชทายาทรังเกียจเดียดฉันท์สัญญาแต่งงานนี้มาตั้งนานแล้ว ข้าว่าวันนี้…น่าจะมีอะไรสนุกๆ ให้ได้ดูกันแล้วล่ะ!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอกตำหนัก
“ฉู่เซียว ผู้อาวุโสตระกูลฉู่มาถึงแล้ว”
บรรยากาศภายในตำหนักใหญ่โตพลันเงียบสงบ ทุกคนต่างรีบหันไปมองทันที
พวกเขาเห็นเพียงคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
ผู้ที่เดินนำหน้าคือฉู่เซียว ผู้อาวุโสของตระกูลฉู่
ข้างหลังของเขานั้นคือฉู่เยี่ยนที่มาพร้อมกับฮูหยินสองสามีภรรยาและฉู่เซียนหมินผู้เป็นบุตรสาว
วันนี้ฉู่เซียนหมิ่นสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวหิมะปักลวดลายดอกบัวสีชมพู ซึ่งขับให้ใบหน้าของนางที่สวยสดงดงามอยู่แล้ว ยิ่งดูงดงามมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
หากเปรียบเทียบทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว รูปร่างหน้าตาของนางก็จัดอยู่ในลำดับต้นๆ กอปรด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่น จึงทำให้นางมีฉายาว่า ‘โฉมงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง’
เมื่อนางปรากฏตัว ทุกคนต่างก็ชายตามองด้วยแววตาเป็นประกาย
ทว่ามิมีผู้ใดกล้าหลงเสน่ห์นางจนออกนอกหน้า
เพราะนางคือคนที่องค์ชายรัชทายาทโปรดปราน ใครจะกล้าแข่งกับรัชทายาทกันเล่า
จากนั้นทุกคนก็หันไปมองข้างหลังพวกเขา ซึ่งเป็นใบหน้าของบุรุษคนหนึ่งที่พวกเขาพอคุ้นเคยอยู่บ้าง
“ฉู่หนิงก็มาด้วยหรือ”
ใครบางคนเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ
เมื่อนานมาแล้ว ฉู่หนิงนับว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงเกียรติยศคนหนึ่งในเมืองหลวง แต่หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บแล้วกลายเป็นคนพิการ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าธารกำนัลอีก
วันนี้ขาได้มาปรากฏตัวกะทันหัน จึงทำให้ทุกคนจำขึ้นมาได้ว่ายังมีบุคคลผู้นี้อยู่
“เขาเป็นพ่อของฉู่หลิวเยว่อย่างไรเล่า สงสัยวันนี้คงมาขออภัยโทษกระมัง…”
บางคนลอบคาดเดาในใจ
สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่ฉู่หนิง แต่เขากลับมีสีหน้านิ่งเรียบ ราวกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของทุกคนที่มองมาอย่างสำรวจ
และข้างกายเขายังมีเด็กสาวเดินตามมาอีกหนึ่งคน
ดูท่าทางนางน่าจะอายุประมาณสิบสามสิบสี่ปี ร่างผอมบางสวมอาภรณ์สีแดง แต่กลับเดินหลังตรงสง่างาม
มองเพียงปราดเดียว ทุกคนก็แน่ใจว่าแม่นางน้อยคนนี้คือฉู่หลิวเยว่!
แทบจะทุกคนที่อยู่ในนั้นจ้องมองไปที่นาง
เป็นคนไร้ความสามารถมาตั้งแต่กำเนิด ไร้ตัวตนมานานหลายปี แต่กลับเอาโฉนดที่ดินล่าสัตว์ไปขายโดยพลการ ทำให้องค์ชายรัชทายาทต้องเสื่อมเสียเกียรติ!
สิ่งนี้ไม่ทำให้ทุกคนอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับนางได้อย่างไร
บรรยากาศภายในตำหนักใหญ่โตยิ่งเงียบสงบมากขึ้น ดูเหมือนอากาศในนี้จะถูกแช่แข็งไปแล้ว
แสงไฟก็สว่างส่องเงาให้กระทบลงมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์