อ่านสรุป บทที่ 25 ของขวัญ จาก ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ
บทที่ บทที่ 25 ของขวัญ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเกิดใหม่ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จ้าน นิชิโนะ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ทันใดนั้นความคิดสวยงามภายในใจของหรงจิ้นก็สลายไปในพริบตา
เป็นนางนี่เอง เพราะความเป็นคนไร้ความสามารถของนางมีส่วนเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงเกียรติยศของเขาจึงเก็บงำมาหลายปีโดยไม่พูดอะไร แต่นางยังกล้าอ้างสิทธิ์ขายพื้นที่ล่าสัตว์จนทำให้เขาอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าลูกหลานขุนนางชั้นสูงของเมืองหลวงอีก!
หากเขาไม่เอาคืนกลับไปร้อยเท่าสิบเท่า ตำแหน่งรัชทายาทของเขาก็ไร้ค่าเช่นกัน!
หรงจิ้นพยายามระงับอารมณ์กรุ่นโกรธ แล้วเดินตรงไปข้างหน้า
ทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็นว่าเขาเดินไปทางฉู่หลิวเยว่!
เมื่อเขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขาก็ก้มต่ำมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงกระแสคลื่นพัดเชี่ยวที่ซ่อนอยู่ภายใต้สีหน้าที่ดูสงบเช่นนี้!
สายตาหลายคู่จ้องไปที่คนทั้งสอง
ผู้อาวุโสและผู้อื่นต่างรีบลุกขึ้นทำความเคารพ
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายรัชทายาท”
แต่หรงจิ้นกับเพิกเฉยต่อพวกเขา เขามองแค่ฉู่หลิวเยว่คนเดียว ก่อนจะเอ่ยถามนางชัดถ้อยชัดคำ
“เจ้าคือฉู่หลิวเยว่เองหรือ”
ฉู่หลิวเยว่จ้องเขาแล้วพูดเสียงเรียบนิ่ง
“เพคะ”
มือของหรงจิ้นที่ซุกซ่อนในแขนเสื้อค่อยๆ กำหมัดแน่น
ตอนแรกเขาคิดว่าฉู่หลิวเยว่จะขวัญหนีดีฝ่อ แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับสงบนิ่ง ไม่เห็นจะวิตกกังวลใดๆ เลยสักนิด
นางไปเอาความใจกล้าบ้าบิ่นมาจากที่ใดกันแน่
“ยังเด็กอยู่แท้ๆ แต่กลับใจกล้า ข้ายังคิดอยู่เลยว่าเจ้าจะไม่กล้ามาเสียแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตา
“ทำไมถึงไม่กล้ามาด้วยล่ะเพคะ องค์ชายรัชทายาทส่งคนไปที่ตระกูลฉู่ บอกหม่อมฉันให้มาให้ได้มิใช่หรือเพคะ”
หรงจิ้นสะอึกไปครู่หนึ่งแล้วแสยะยิ้ม
“ช่างปากคอเราะรายจริงๆ!”
ฉู่หลิวเยว่ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่ชมหม่อมฉันเพคะ”
หรงจิ้นจ้องนางลึกเข้าไปในดวงตา จากนั้นจึงหันตัวเดินไปยังตำแหน่งที่นั่งของตนเอง
ผู้อาวุโสหันมามองนางด้วยแววตาเกลียดชัง
“เจ้านี่ช่างไม่รู้…”
“หากผู้อาวุโสอยากอับอายต่อหน้าธารกำนัล ก็ด่าเลยสิเจ้าคะ”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยลอยๆ จากนั้นก็นั่งลงด้วยท่าทางสงบนิ่ง
ผู้อาวุโสได้สติกลับมาทันที ที่นี่ไม่ใช่ตระกูลฉู่ แต่เป็นตำหนักหมิงชุ่ย!
ทุกคนต่างมองเรื่องตลกของพวกเขา หากก่อความวุ่นวายขึ้นมาตอนนี้…ก็คงดูไม่จืด!
หลังจากที่ผู้อาวุโสหายใจไม่ออกไปครู่หนึ่ง เขาก็สะบัดแขนเสื้ออย่างแรง แล้วกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอกลับไป
องค์ชายรัชทายาทแสดงออกชัดเจนว่าเต็มไปด้วยความเกลียดชังฉู่หลิวเยว่ อีกประเดี๋ยวเขาจะจัดการนางอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น เพียงแค่เขาถีบหัวส่งฉู่หลิวเยว่ออกไปให้ทันเวลาให้ได้ก็พอ
…
บรรยากาศของตำหนักใหญ่กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง แต่ก็ยังมีหลายคนที่แอบเฝ้าดูฉู่หลิวเยว่เงียบๆ
ดูเหมือนนางจะไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น นางนั่งที่ของตัวเองนิ่งๆ ซึ่งแท้จริงแล้ว นางได้สังเกตคนเหล่านั้นอย่างรวดเร็วหมดแล้ว
นอกจากตรงกลางตำแหน่งบนสุดจะเป็นที่ประทับของฝ่าบาทและฮองเฮาแล้ว ตรงกลางตำหนักใหญ่ยังแบ่งออกเป็นสองส่วนซ้ายขวา
มีไม่กี่คนที่นั่งด้านหน้าสุด ล้วนเป็นบรรดาองค์ชายและองค์หญิงที่มีสถานะสูงศักดิ์
ก่อนหน้านี้นางไปสืบมาแล้วว่า ตอนแรกฝ่าบาททรงมีพระโอรสเก้าพระองค์และพระธิดาสามพระองค์ แต่ในนั้นมีองค์ชายสามพระองค์และองค์หญิงอีกหนึ่งพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว
ดังนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้ จึงเหลือองค์ชายทั้งหมดหกพระองค์และองค์หญิงอีกสองพระองค์
มีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมอาภรณ์สีดำเป็นระเบียบเรียบร้อยนั่งอยู่ตรงข้ามพระที่นั่งขององค์ชายรัชทายาท
เขาน่าจะมีอายุพอๆ กับองค์ชายสาม แต่ใบหน้าของเขานั้นคมเข้มหล่อเหลา และท่าทางของเขาก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ร่างกายของเขามีไอสังหารแผ่ออกมา
นั่นคือกลิ่นอายที่สามารถฝึกฝนได้จากแค่ในสนามรบเท่านั้น!
คนผู้นี้ก็คือองค์ชายสาม…หรงจิ่ว!
เขาเข้าร่วมกองทัพซีเป่ยตั้งแต่อายุสิบห้าปี เขาถือได้ว่าเป็นแม่ทัพที่อายุยังน้อยและมีชื่อเสียง และเลื่องลือโด่งดังในกองทัพ
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของเขาเป็นเพียงกุ้ยเหริน[1] แต่เขาก็สามารถต่อสู้เทียบเท่ากับองค์ชายรัชทายาทได้เช่นกัน!
ราชสำนักถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายลับๆ ตั้งนานแล้ว แม้องค์ชายรัชทายาทจะเป็นฝ่ายได้เปรียบมากกว่า แต่ตอนนี้ก็ไม่สามารถมองข้ามหรงจิ่วได้เหมือนกัน
ถัดจากหรงจิ่ว แน่นอนว่าต้องเป็นพี่น้องร่วมมารดาที่ดำรงตำแหน่งผิงอ๋องอย่างองค์ชายห้า…หรงฉี นอกจากรัชทายาทแล้ว เขายังเป็นหนึ่งในองค์ชายเพียงพระองค์เดียวที่มีตำแหน่งในราชสำนัก
องค์หญิงแปดหรงชูและองค์ชายเก้าหรงเฟิงนั่งข้างหรงจิ่ว
ทว่ายังมีที่ว่างอยู่บ้าง
ต่อมาทั้งสองฝั่งคือที่นั่งของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตระกูลได้แก่ ตระกูลซือ ตระกูลกู้ ตระกูลฉู่ และตระกูลลู่
ตระกูลฉู่นั่งข้างหลังตระกูลกู้ ส่วนฝั่งตรงข้ามคือตระกูลซือ และตระกูลลู่ที่นั่งอยู่ข้างหลัง
ใช่แล้ว ตอนนั้นเขาอ่อนน้อมถ่อมตน ได้แต่ยืนท่ามกลางฝูงชนและมองดูนางในระยะไกลเท่านั้น
แต่ตอนนี้สถานะของเขาและนางกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
แต่เพียงชั่วพริบตา นางก็ถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว
เจ้าครองแคว้นจยาเหวินตี้รู้สึกถึงสายตาแปลกๆ จ้องมองมาที่เขา แต่เมื่อเขาอยากเห็นว่าเป็นผู้ใด เขากลับไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ
ทันทีที่หรงเจินนั่งลงก็เห็นว่าสีหน้าของหรงจิ้นนิ่งขรึมไปเล็กน้อย ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้จึงหันไปมองตรงตำแหน่งที่นั่งตระกูลฉู่
เนื่องจากฉู่หลิวเยว่นั่งอยู่ในแถวที่สอง นางจึงเห็นเพียงเงาร่างเพรียวบางเท่านั้น
“นางเองหรือ”
นางขยับเข้าไปใกล้หรงจิ้นแล้วกระซิบถาม
หรงจิ้นตอบ “อืม” สั้นๆ
“ชิ ก็แค่ของเล่นไร้ค่า เสด็จพี่วางพระทัย เดี๋ยวน้องจะช่วยเอง!”
หรงจิ้นขมวดคิ้ว แต่ก็มิได้ห้ามปราม
ถือว่ายอมรับเงียบๆ ก็แล้วกัน
หรงเจินเป็นคนนิสัยเย่อหยิ่งเจ้ากี้เจ้าการ มักทำอะไรไร้เหตุผล แต่เสด็จพ่อและเสด็จแม่รักนางมาก ต่อให้ก่อเรื่องเดือดร้อนวุ่นวายก็ไม่เป็นอะไร
ส่วนเขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาท เพราะพื้นที่ล่าสัตว์จึงมีเรื่องกับสตรี ช่างทนดูไม่ได้จริงๆ
หรงเจินออกหน้าแทน คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว
ในขณะที่กำลังสนทนากัน หรงเจินก็ได้เอ่ยปากพูดเสียงดังขึ้นมา
“แน่ใจหรือว่าผู้นี้คือคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ ผู้เลื่องชื่อลือนาม”
ทุกคนต่างเงียบกริบ และตระหนักในทันทีว่าหรงเจินกำลังหาเรื่องฉู่หลิวเยว่!”
ฉู่หลิวเยว่ช้อนสายตาขึ้น
หรงเจินยิ้มอย่างมาดร้าย ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“หลายปีมานี้ ข้าไม่ค่อยได้เจอเจ้าเท่าไหร่ วันนี้ได้เจอเจ้าแล้วรู้สึกคุ้นเคย ข้าจึงอยากมอบของขวัญให้คุณหนูใหญ่ฉู่สักหนึ่งชิ้น”
นางพูดพลางตบมือเรียก
“ผู้ใดก็ได้ นำของขวัญชิ้นนั้นที่ข้าได้เมื่อวันก่อนเข้ามาที!”
[1] กุ้ยเหริน พระภรรยาในองค์จักรพรรดิขั้นต่ำ ตำแหน่งพระสนมในองค์จักรพรรดิ กุ้ยเหริน หมายถึง ผู้ทรงเกียรติ สามารถแต่งตั้งได้นับไม่ถ้วน
Next
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...